อุ้มบุญสร้างรัก

83.0K · จบแล้ว
อักษรสีทอง
63
บท
57.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เขาอยากมีลูก แต่ไม่อยากมีเมียคำว่า ‘ครอบครัว’ สำหรับเขาก็ไม่ต่างจากคุกที่ไม่อยากเข้างานนี้จึงมีการตามหาแม่อุ้มบุญโดยมีกติกาว่า...ผู้หญิงที่จะมาเป็นแม่ของลูกจะต้องบริสุทธิ์ไม่มีสิทธิ์ที่จะได้เห็นหน้าเขา และข้อสำคัญคือ...ห้ามหลงรักเขาเด็ดขาด !

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักนิยายปัจจุบันพลิกชีวิต

บทที่ 1 (1)

บทที่ 1

ในยามบ่ายโมงกว่าๆ แดดแรงร้อนของกลางเดือนเมษายน ได้มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินเซซังอยู่ริมถนน และเธอคงล้มถ้าร่างของเธอ ไม่ไปปะทะกับเสาไฟ ใบหน้าเรียวรูปไข่เซียวซีด ริมฝีปากแห้งแตกระแหง ผมยาวมัดเป็นหางม้ายุ่งเหยิง เธอกอดเสาต้นนั้นไว้แน่น ไม่นึกกลัวว่าจะมีไฟฟ้ารั่ว ถ้าเธอไม่เกาะมีหวังร่างที่ขาดอาหารมาหลายมื้อคงล้มกองอยู่ตรงนี้

“อ่า” หญิงสาวครางเบาๆ ดาวระยิบระยับ จึงหลับตาลง พยายามหายใจยาวเพื่อผ่อนคลายอาการวิงเวียนและอยากอาเจียนขึ้นมา

“หนูๆ หนูเป็นอะไรหรือจ๊ะ”

เสียงผู้หญิงร้องถามไกลออกไปจากความรู้สึก หญิงสาว ขมุบขมิบปากตอบ

“เอม หิว ข้าว” เสียงของเธอตะกุกตะกักแทบฟังไม่ออกว่าพูดอะไร

“หิวเหรอ มานี่ๆ” ระย้า หญิงวัยห้าสิบปลายตรงเข้ามากอดเอวรั้งร่างผอมบางให้เดินเข้าไปนั่งในร้านอาหารที่อยู่ไม่ไกล คนในร้านพากันหันมามองแต่ไม่มีใครคิดจะสนใจไตร่ถาม “นั่งตรงนี้นะ แอร์เย็นๆ เดี๋ยวก็ดีขึ้น”

“ขอบคุณค่ะ” เอมวิกาพึมพำขอบคุณ เธอซบหน้าลงบนท่อนแขนที่วางบนโต๊ะ

ระย้าเหลียวหาเด็กเสิร์ฟ ที่เมียงมองอยู่ไม่ไกล “น้องๆ สั่งอาหารหน่อยจ้ะ”

“ลูกค้าจะรับอะไรดีคะ”

“ขอเป็นน้ำหวานแก้วหนึ่ง น้ำเปล่าสองขวด แล้วเอาข้าวผัดอะไรก็ได้มาสองจาน”

เด็กเสิร์ฟรับออเดอร์เดินห่างไปแล้ว คุณระย้าก็หันมากวาดตามองหญิงสาวตรงหน้าอีกครั้งอย่างพินิจ

“ขอบคุณมากนะคะคุณน้าที่ช่วยเอม”

“ไม่เป็นไรจ้ะ เพื่อนร่วมโลกกันก็ต้องช่วยกัน เอ่อ แล้วหนูมาจากไหนหรือ ทำไมมาเป็นลมอยู่ที่นี่”

“เอมมาจากต่างจังหวัดค่ะ” เอมวิกาหยิบแก้วน้ำหวานที่เด็กเสิร์ฟนำมาวางขึ้นดื่ม ด้วยความรีบร้อนเธอเกือบสำลัก

“ใจเย็นๆ ค่อยๆ จิบสิจ๊ะ”

“ค่ะ เอมขอโทษค่ะตะกรุมตะกรามไปหน่อย”

“ไม่เป็นไรจ้า ดื่มน้ำชื่นใจแล้วก็กินข้าวเลยสิ กำลังร้อนๆ”

“คุณน้าไม่กินด้วยกันหรือคะ” เธอมองข้าวสองจานที่วางตรงหน้าแล้วหันไปถามหญิงสูงวัย

“ไม่จ้ะ น้ากินอิ่มแล้ว กินเสร็จออกจากร้านจะไปขึ้นรถก็เจอหนูก่อน หนูกินเลยจ้ะ”

เอมวิกาไม่รอให้ต้องบอกซ้ำเธอหยิบช้อนขึ้นมาถือ แล้วลงมือตักข้าวใส่ปากเคี้ยวกินอย่างเอร็ดอร่อย ชั่วพริบตาเดียวข้าวก็หมดจาน ระย้าเลื่อนอีกจานไปตรงหน้า หญิงสาวก็ไม่รอช้ารีบจัดการต่อทันที

“ไม่ได้กินข้าวมากี่วันแล้ว”

“สองวันค่ะ” เธอตอบพลางหยิบทิชชู่ขึ้นมาเช็ดปาก “เอมหิวมากค่ะ เมื่อครู่ถ้าไม่ได้คุณน้าช่วยไว้เอมคงแย่”

“หนูมาหางานทำหรือมาทำอะไร”

“มาหางานทำค่ะ แต่ลงรถที่หมอชิตเอมก็เสียท่าถูกกระชากกระเป๋า ทั้งเงินทั้งบัตรอยู่ในนั้นหมดเลยค่ะ เดินออกหางานทำหวังจะมีค่ารถกลับบ้านก็ไม่มีใครรับ เอกสารอะไรไม่มีให้ เขากลัวว่าเอมเป็นพวกหนีกฎหมาย”

“สมัยนี้มันอันตรายทุกย่างก้าว ดีแล้วที่มันได้ไปแค่กระเป๋า ไม่ได้หลอกพาหนูไปขายซ่องด้วย และคนที่เขาไม่รับหนูเข้าทำงานก็อย่าไปโทษเขาเลย เขาไม่รู้จักเราก็ต้องระแวงเป็นธรรมดา”

“เอมไม่ว่าไม่โทษใครหรอกค่ะ ในทางกลับกันถ้าเป็นเอมก็ยังต้องคิดนานเลยค่ะว่าจะรับเขาไว้ทำงานด้วยไหม”

คุณระย้ากวาดตามองหญิงสาวตรงหน้าตลอดร่าง สังเกตกระทั่งเล็บมือ “ดีแล้ว อกเขาอกเรา แล้วนี่ชื่อเอมอะไร”

“เอมวิกาค่ะ”

“ชื่อเพราะ รูปก็งาม น้าชื่อระย้านะ อืม..สนใจไปทำงานกับน้าไหม น้ากำลังหาคนไปทำงาน”

ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ริมฝีปากสีซีดเปิดเป็นรอยยิ้มกว้าง “สนใจค่ะคุณน้า งานอะไรหรือคะ”

“ก่อนที่จะบอกว่างานอะไร น้าถามหน่อย” แทนคำตอบ ระย้ายื่นหน้าเข้าไปใกล้เอ่ยถามกลับด้วยน้ำเสียงที่เบาราวกับกระซิบ “หนูยังบริสุทธิ์อยู่ใช่ไหม”

เอมวิกาตกใจกับคำถามของหญิงวัยกลางคน “คุณน้า! คุณน้าถามทำไมคะ”

“เอาเถอะน่า ตอบมาตรงๆ หนูยังเวอร์จิ้นอยู่หรือเปล่า”

“ก็ๆ ยังเวอร์จิ้นอยู่ค่ะ เอมไม่เคยมีแฟน” เธอตอบอายๆ

“หน้าตาของหนูสะสวย น้าไม่อยากเชื่อเลยว่าจะยังไม่เคยมีแฟน โกหกหรือเปล่า”

“คนมาจีบมีเยอะค่ะ แต่พอเห็นฐานะทางบ้าน ทุกคนก็รังเกียจแม่กับน้องๆ เขารักแค่ตัวเอม เอมเลยขอไม่มีแฟนดีกว่าค่ะ”

“รักแม่ก็ประเสริฐมากแล้วหนู”

“ขอบคุณค่ะคุณน้า” เอมวิกายกมือไหว้อีกฝ่าย “ว่าแต่เรื่องงาน”

“อ๋อ เรื่องงานเราไปคุยกันที่รถเถอะ คุยที่นี่ไม่สะดวกคนพลุกพล่านมากเกินไป” คุณระย้าบอกพลางกดมือถือไปด้วย

“ค่ะ”

มาถึงขั้นนี้แล้วเอมวิกาไม่ได้รู้สึกกลัวเลยสักนิด ถ้าคนตรงหน้าจะหลอก เธอก็จะถือว่าตอบแทนบุญคุณข้าวสองจานกับน้ำที่หญิงสูงวัยซื้อเลี้ยง

และอีกไม่กี่นาทีต่อมาสองสาวต่างวัยก็เดินออกจากร้านอาหารมาถึงรถของคุณระย้าที่จอดอยู่ไม่ไกล และเมื่อได้ขึ้นไปนั่งคู่กันบนรถแล้ว คุณระย้าก็หันมาทางหญิงสาว

“น้าขอถ่ายรูปหนูเอมหน่อยนะ จะส่งให้นายจ้างเขาดู”

“ได้ค่ะ” เอมวิกาจัดท่านั่งเรียบร้อยให้อีกฝ่ายถ่าย คุณระย้าถึงกับอมยิ้ม

“นั่งแบบตามสบายเถอะหนู ไม่ต้องเกร็ง”

“หนูก็ไม่เคย รู้สึกเขิน” หญิงสาวพูดแล้วหัวเราะ เป็นจังหวะเดียวกับที่หญิงกลางคนกดชัตเตอร์ “อุ๊ย เอมยังไม่ได้ตั้งท่าเลยค่ะ”

“ไม่เป็นไรจ้ะ แค่นี้ก็สวยแล้ว เดี๋ยวน้าส่งรูปให้เจ้านายดูแป๊บนะ” ระย้ากดโทรศัพท์พิมพ์ไลน์ สักครู่ก็หันมาทางหญิงสาว “เจ้านายน้าเขาสนใจหนูจ้ะ ทีนี้ก็อยู่ที่หนูแหละสนใจจะทำไหม”

“ก็สนใจค่ะ อยากทำงานมีรายได้ส่งให้น้องเรียน แม่ก็จะได้ไม่ต้องอดนอนไปขายของดึกๆ ดื่นๆ มีเวลาดูแลน้องได้เต็มที่”

คุณระย้ามองคนพูดด้วยความเห็นใจ “น้าเห็นใจหนูนะ และคิดๆ ดูแล้วน้าก็ชักไม่อยากให้หนูทำงานนี้แล้วสิ”

“อ้าว ทำไมล่ะคะ”

คุณระย้าถอนใจยาว มองหญิงสาวคราวลูกด้วยความเห็นใจ “งานนี้มันเป็นงาน เอ่อ อุ้มบุญจ้ะ” เธอตัดสินใจพูดโพล่งออกไป

เอมวิกาเอียงคอมองคนพูดด้วยความตกใจ “อุ้มบุญ อุ้มบุญ หรือคะ”

“อุ้มบุญก็คืออุ้มท้อง มีลูกให้เขา เอ่อ นายจ้างนั่นแหละ” น้ำลายหญิงสูงวัยเหนียวหนืดขึ้นมาทันทีที่ต้องอธิบายหน้าที่ของคนอุ้มบุญให้หญิงสาวฟัง

“คุณน้าหมายถึงจะให้เอมรับอุ้มท้องลูกของเจ้านายคุณน้าหรือคะ”

“จ้ะ ก็ประมาณนั้น”

“เอ่อ” หญิงสาวครุ่นคิด “วิธีการนี่คือให้หมอเอาน้ำเชื้อฉีดเข้ามาผสมไข่หรือคะ” เธอถามเสียงตะกุกตะกัก แววตาที่เหลือบมองคนตรงหน้ามีความกังวลและไม่แน่ใจ

“เปล่าจ้ะ เจ้านายน้าไม่ชอบแบบนั้น คือท่านไม่ชอบแนววิทยาศาสตร์หรอกจ้ะ ท่านก็...จะมานอนกับแม่ของลูกจนกว่าจะท้อง แล้วหลังจากนั้นจะเลิกมานอนด้วย แต่ไม่ต้องห่วงว่าท่านจะกวนนานนะ เจ้านายน้าท่านมีสุขภาพแข็งแรง เอิ่ม น้าคิดว่าครั้งสองครั้งก็น่าจะท้อง”

หญิงสาวอ้าปากหวอ คิดไม่ถึงว่ายังมีคนโรคจิตคิดไม่เหมือนชาวบ้านอยู่อีก เธอเคยได้ยินข่าวมาบ้างเหมือนกันเรื่องอุ้มบุญ แต่ไม่คิดว่าจะเจอกับตัวเองเช่นนี้

“ว่าไงจ้ะหนูเอม สนใจจะรับงานนี้ไหม ถ้ารับน้าจะพาหนูไปตรวจที่โรงพยาบาล”

“ตรวจอะไรหรือคะ”

“ก็ตรวจว่าสุขภาพแข็งแรง ไม่เป็นหมัน พร้อมที่จะตั้งครรภ์ได้” คุณระย้าไม่คิดจะบอกเหตุผลอีกอย่างที่สำคัญในการไปโรงพยาบาล นั่นก็คือการตรวจว่าหญิงสาวคนนี้ผู้นี้ยังคงความบริสุทธิ์ผุดผ่องอยู่หรือไม่ และกำลังตั้งครรภ์ลูกของใครอยู่ในท้องหรือเปล่า แต่เธอก็เลือกที่จะไม่พูดออกมา มิตรภาพเพิ่งเริ่มต้น เธอไม่ควรทำให้หมางใจกัน “ว่าไงหนู สนใจไหม”

“ไม่ค่ะ เอมกราบขอบคุณคุณน้านะคะที่พามากินข้าว แต่งานแบบนี้เอมรับไม่ได้จริงๆ ค่ะ ผู้หญิงทุกคนใฝ่ฝันอยากจะเป็นคนแรกและคนสุดท้ายของผู้ชายที่เรารัก และเอมคิดว่าคงทำใจไม่ได้กับการที่จะนอนกับใครก็ไม่รู้เพื่ออุ้มท้องลูกของเขาแลกกับเงิน”

“จ้ะน้าเข้าใจ ในเมื่อไม่เต็มใจก็ไม่เป็นไร ไม่มีใครบังคับหนูได้ ถึงน้าจะชอบ อยากได้หนูมาเป็นแม่ของเจ้านายน้อย แต่ในเมื่อหนูไม่ทำก็ไม่มีใครบังคับ แล้วนี่หนูจะกลับบ้านเลยหรือว่าจะอยู่หางานต่อ”

“เอม”

“น้าอยากจะแนะนำให้กลับบ้านนะ อดอยากยากจนยังไงก็ยังมีบ้านอยู่ อย่ามาตะรอนๆ ในถิ่นที่เราไม่คุ้นอยู่เลย ดีไม่ดีถ้าถูกหลอกไปขายตัวจะยิ่งแย่ไปกันใหญ่”

“ค่ะ เอมก็อยากกลับบ้าน”

“ดีจ้ะ อืม ถ้าอย่างนั้นเอานี่ไป” คุณระย้าเปิดกระเป๋าส่งเงินให้หญิงสาวสองพันบาท “น้าไม่ได้ใจดีหรือใจบุญกับคนทั่วไปหรอกนะ แต่เห็นหนูแล้วเกิดความเวทนา รับไว้เถอะ เอาไปเป็นค่ารถกลับบ้าน ที่เหลือก็เก็บไว้ซื้อข้าวกินระหว่างทาง”

เมื่อมีคนหยิบยื่นเงินค่ารถให้กลับบ้าน หญิงสาวก็เกิดความลังเล เธอคือความหวังของแม่กับน้องๆ เธอจะทำลายความหวังของทุกคนเหรอ เธอเป็นลูกสาวคนโตที่เคยรับปากพ่อก่อนตายว่าจะดูแลแม่กับน้องให้สบาย พ่อตายไม่ถึงปีเธอก็ไม่มีปัญญาทำตามสัญญาเสียแล้ว

“หนูรับเงินไปสิ”

“เอ่อ คุณน้าคะ คือเอม”

“หนูทำไมเหรอจ้ะ”คุณระย้าเลิกคิ้วขึ้นมอง “หรือว่าสองพันยังไม่พอ”

“เปล่าค่ะ สองพันบาทนั่งรถกลับบ้านพอค่ะ แต่เอมอยากถามว่าถ้าตกลงรับงานนี้เอมจะได้ค่าอุ้มท้องเท่าไรหรือคะ”

“ถ้าหนูตกลงรับงานนี้ ค่าจ้างรวมทั้งหมดหนูจะได้เงินถึงสองล้านบาท”

“ห๊ะ สองล้านบาท” เอมวิกาตาโต เผลอตัวตะโกนออกมาด้วยความตกใจ เงินเยอะขนาดนี้เธอสามารถนำไปให้แม่สร้างบ้านปูนหลังเล็กที่พออยู่กันได้สี่คนแม่ลูก แทนกระท่อมเก่าผุพังแถมหลังคารั่วได้เลยทีเดียว

“ใช่จ้ะสองล้าน หนูจะเปลี่ยนใจมารับงานก็ได้นะ”

“ถ้าเอมรับงานนี้ เอมจะได้เงินก่อนสัก…สักครึ่งหนึ่งไหมคะ” สายตาที่จ้องมองคุณระย้าเต็มไปด้วยความคาดหวัง

“ถ้าหนูเอมตกลง เงินสดห้าแสนบาทจะอยู่ในมือหนูทันทีที่ไปตรวจร่างกายแล้วหนูผ่าน และอีกห้าแสนหนูจะได้ทันทีที่หนูท้อง ส่วนอีกหนึ่งล้านบาทหนูจะได้ก็ต่อเมื่อหนูคลอดลูก”

“ค่ะ”

“ถ้าเด็กเป็นผู้หญิงหนูจะได้เท่าที่ในสัญญาระบุคือสองล้าน แต่ถ้าหนูคลอดลูกชายหนูจะได้เงินพิเศษไปสร้างตัวอีกห้าแสนบาท”

เอมวิกายกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ซึมตามไรผม ทั้งที่นั่งอยู่ในรถเปิดแอร์เย็นฉ่ำ

“จะลองคิดดูก่อนไหม”

เงินสองล้านบาทหรืออาจจะถึงสองล้านห้าถ้ามีลูกชาย ชาตินี้ ทั้งชาติเธอคงหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว ความสาวของเธอถ้ามีราคาขนาดนี้เธอก็พร้อมที่จะขาย คนอื่นที่รู้อาจจะมองว่าเธอโง่ แต่สำหรับเธอเริ่มมองว่ามันคือธุรกิจ

“ว่าไง”

“มีคนทำงานนี้หลายคนไหมคะ” เธอถาม

“มีคนหนึ่งแล้วที่รับทำ ถ้าหนูรับอีกคนจะเป็นสอง”

“ทำไมถึงหลายคนคะ” เธอถามถึงสิ่งที่สงสัย

“เจ้านายของน้าเป็นคนรวย เขากลัวว่าตระกูลเขาจะด้วนเพราะเขาไม่อยากแต่งงาน ไม่อยากผูกมัด แต่เขาก็ต้องมีทายาทสืบสกุล”คุณระย้าเล่าไปเรื่อย ทั้งที่เรื่องจริงมีความซับซ้อนมากมาย

“อ้อ” เอมวิกาพยักหน้า เธอเคยอ่านนิยายในห้องสมุดของโรงเรียน พระเอกที่ร่ำรวยมักไม่อยากแต่งงานให้เป็นภาระ

“ว่าไงจ้ะ”

“เอมตกลงค่ะ เอมรับงานนี้”