บทย่อ
‘ธนา’ เป็นนักธุรกิจหนุ่มหล่อที่ใคร ๆ ก็อยากจะได้มาเป็นพ่อของลูก หากทว่าเจ้าตัวยังรักสนุกไม่คิดจะแต่งงานมีคู่ครอบครัว แต่ทางบ้านเร่งรัดให้มีหลานจนต้องยอมใจอ่อน จึงตกลงกันว่าจะหาแม่อุ้มบุญมาเพื่อให้กำเนิดทายาทคนแรกของตระกูล โดยมีค่าจ้างสิบล้านบาท พ่อกับแม่ได้หลานส่วนเขาได้ลูกและมีอิสรภาพในสถานะโสดเช่นเดิม . และหญิงสาวผู้โชคดีคนนั้นก็คือ ‘ดุจเพชร’ ผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่ธนาต้องการ นั่นคือต้องโสดและบริสุทธิ์ผุดผ่อง ทัศนคดิตรงใจ แถมในระหว่างสัมภาษณ์ยังกวนส้นตีนจนน่าหมั่นไส้ จึงกลายเป็นผู้ถูกเลือกหมายใจจะกำราบยัยเด็กดื้อให้หยุดปากดีสักหน่อย . ใจความสำคัญของสัญญาระบุเอาไว้ว่าเด็กที่เกิดมาต้องอยู่ในความดูแลของพ่อเท่านั้น แม่เด็กไม่มีสิทธิ์ใด ๆ ทั้งสิ้น ดุจเพชรต้องยอมเพราะชีวิตกำลังอับจนหนทาง ด้วยความใกล้ชิดกันทุกวันกลับเป็นธนาที่ต้องกลืนน้ำลายตัวเอง ฉีกสัญญา เพราะตกหลุมพรางหัวใจของแม่อุ้มบุญคนนี้จนถอนตัวไม่ขึ้น
ตอนที่ 1 กวน
.
.
.
“เตรียมเอกสารมาครบใช่ไหมคะ”
“ครบค่ะ”
เจ้าหน้าที่สาวสวยรับเอกสารมาแล้วเช็คดูความเรียบร้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้
“เรียบร้อยแล้วค่ะ เชิญไปนั่งรอสัมภาษณ์ฝั่งโน้นนะคะ”
“ขอบคุณค่ะ” เจ้าหล่อนยกมือไหว้อย่างมีมารยาท
หญิงสาวร่างเล็กผิวพรรณขาวนวลเนียน ดูสะอาดสะอ้าน ใบหน้าเรียวรูปไข่ ดวงตากลมโต ริมฝีปากเป็นกระจับน่าจูบ แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางราคาถูกบาง ๆ พอให้ดูดีขึ้นมาบ้าง หากทว่าโดดเด่นจนชายหนุ่มที่ได้เห็นต่างก็ต้องตกตะลึง
หล่อนเดินไปนั่งรอที่หน้าห้องสัมภาษณ์ ซึ่งมีหญิงสาววัยรุ่นหลายคนกำลังนั่งรอคิวอยู่ก่อนหน้าแล้ว
‘ดุจเพชร’ สาวน้อยวัยยี่สิบกะรัต นั่งถอนหายใจด้วยความตื่นเต้น เพราะนี่คือการสมัครงานโหดที่สุดในชีวิต มันเป็นงานที่ต้องเอาตัวเข้าแลกกับเงินจำนวนเงินมหาศาล นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอจึงยอมมานั่งอยู่ตรงนี้
เมื่อหลายวันก่อนขณะเจ้าหล่อนกำลังท่องโลกโซเชียว บังเอิญสะดุดตากับโพสต์ที่ผู้คนกระหน่ำแชร์และคอมเมนต์ด้วยความสนใจ พออ่านหัวข้อเท่านั้นละก็ทำให้ดุจเพชรถึงกับตาโตขึ้นมาทันที ค่าจ้างสิบล้านบาทแลกกับการให้กำเนิดทายาทตระกูลดังแบบไม่มีข้อผูกมัด ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจอะไรแต่ก็ต้องวนกลับมาอ่านรายละเอียดอีกครั้ง นั่นเพราะตอนนี้ชีวิตกำลังดิ่งลงเหวอย่างไม่มีทางปีนป่ายขึ้นไปได้ง่าย ๆ ตกงาน ไม่มีเงิน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าห้องก็กำลังจะมา ทุกอย่างมันมืดแปดด้านไปหมด และเมื่ออ่านคุณสมบัติแล้วตนเองก็เข้าข่ายพอมีสิทธิ์ โสด ซิง ไม่เรื่องมาก(อันนี้ก็แล้วแต่สถานการณ์) ทัศนคติตรงใจกับผู้ว่าจ้าง คุณสมบัติข้อสุดท้ายต้องวัดดวงดูอีกครั้ง ซึ่งมันกำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้แล้ว
คนที่นั่งรอหลายต่อหลายคิวเข้าไปแล้วก็ออกมา จนในที่สุดก็ถึงคิวของดุจเพชร เจ้าหล่อนสูดอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่แล้วค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกมาเพื่อคลายความตื่นเต้น
“คุณดุจเพชร เกล็ดปลานิล เชิญด้านในค่ะ” เจ้าหน้าที่อมยิ้มเล็กน้อยเมื่อได้อ่านนามสกุลของเจ้าหล่อน เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว ยิ่งตอนประถมเพื่อนมันเอาไปล้อใหญ่เลยว่าครอบครัวของหล่อนมีต้นกำเนิดมาจากปลานิลแน่ ๆ (คิดไปได้ยังไงนะไอ้เพื่อนบ้า)
เจ้าของชื่อรีบลุกขึ้นยืนแล้วจัดระเบียบเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วเดินไปยืนหน้าประตู
“เข้าไปได้เลยใช่ไหมคะ”
“ใช่ค่ะ”
เธอเอ่ยแล้วเปิดประตูให้ เมื่อเดินเข้าไปก็พบกับชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาดี นั่งสวมชุดสูทสีเข้มอยู่บนเก้าอี้ กำลังจ้องมองมาอย่างจับผิด
‘ธนา มหาธำรงกุล’ อายุสามสิบปีบริบูรณ์ ทายาทตระกูลดังและเป็นเจ้าของความคิดในการเฟ้นหาแม่ของลูก หวงชีวิตโสดยิ่งกว่าชีวิตเสียอีก อาการแบบนั้นเป็นมาตั้งแต่ถูกแฟนสาวทิ้งไปมีสามีฝรั่ง เศร้าเป็นเดือน ๆ แต่พอปรับสภาพหัวใจได้ก็ไม่คิดจะรักใครอีก ผู้หญิงก็เหมือนของเล่นสำหรับเขาไปแล้ว แก้อยากแล้วก็แยกทางใครทางมัน...เท่านั้นเอง
“สวัสดีค่ะ” ดุจเพชรเอ่ยทักทายพร้อมกับยกมือไหว้
“เชิญนั่ง”
“ขอบคุณค่ะ”
สายตาคมของผู้สัมภาษณ์ยังไม่ละจากใบหน้ารูปไข่แม้แต่วินาทีเดียว จนทำให้ดุจเพชรถึงกับรู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันที
...ผู้ชายบ้าอะไรหล่อฉิบหาย แต่ดูจากสีหน้าแล้วน่าจะกวนตีนฉิบหายกว่ามากกกก
“แนะนำตัวสิจะรออะไร” เสียงเข้มดังขึ้นหลังจากละสายตาไปสนใจใบสมัครแทน
“ฉันชื่อดุจเพชร เกล็ดปลานิล”
ได้ยินอย่างนั้นผู้สัมภาษณ์ก็กลั้นขำไว้ไม่อยู่ จนดุจเพชรต้องหยุดพูดแล้วจ้องมองเขาด้วยแววตาไม่พอใจ
“คุณขำอะไรมิทราบคะ”
“เปล่า นามสกุลเพราะดีนะ พูดต่อสิ”
เจ้าหล่อนมองหน้าเขาแวบหนึ่งแล้วเอ่ยปากต่อไป
“ตอนนี้อายุยี่สิบปี ชอบเลี้ยงแมว เป็นทาสแมวตัวยงเลยล่ะ ชอบเล่นน้ำคลองเพราะสมัยยังเป็นเด็กมีฝายน้ำล้นใกล้หมู่บ้านให้เล่นสนุกมาก ๆ เลยค่ะ เอ...แล้วก็ชอบฟังเพลงลูกทุ่งด้วย ชอบ...” เจ้าหล่อนกำลังจะพูดต่อ แต่โดนเบรกด้วยเสียงเข้มของชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้าเสียก่อน
“พอ ๆ นี่เรียกว่าแนะนำตัวแล้วเหรอ” ธนามองหน้าแล้วขมวดคิ้วจนแทบจะชนกัน
“ใช่ค่ะ แล้วที่พูดมามันไม่เกี่ยวกับฉันตรงไหนมิทราบ” ดุจเพชรทำหน้างง
“เอาที่มันมีสาระกว่านี้ได้ปะ ผมถามจริง ๆ คุณเคยไปสมัครงานบ้างปะเนี่ย”
“เคย” เจ้าตัวตอบสั้น ๆ พร้อมกับทำหน้าตาใสซื่อ
“แล้วคุณก็ตอบอย่างนี้”