บทที่ 6 พระราชทานงานแต่งงานให้อ๋องเทพสงคราม
ถ้าว่าเป็นเมื่อไม่กี่ปีก่อน สามารถแต่งงานกับอ๋องหานได้นั้นก็เป็นถึงความเมตตาอันยิ่งใหญ่ของสวรรค์ แต่ตอนนี้......อ๋องหานโดนยาพิษ มีชีวิตได้อีกไม่นาน ข่าวลือบอกว่าเขามีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินปีนี้
อีกทั้งอ๋องหานดีใจและเดือดดาลยากจะคาดเดา โหดร้ายทารุณ ฆ่าคนเกลื่อนกลาด แต่งงานกับเขา ไม่ใช่ว่ารนหาที่ตายหรือ?
กู้เฉิงเซี่ยงคาดคะเนถึงพระประสงค์อย่างถี่ถ้วน
ลูกสาวคนที่สามของเขาไม่เพียงหน้าตาน่าเกลียด อีกทั้งยังรู้จักตัวอักษรแค่ไม่กี่ตัว ในมือของอ๋องหานกุมอำนาจที่ยิ่งใหญ่ทางการทหาร ยกลูกสาวของเขาให้กับอ๋องหาน นั่นไม่ได้เป็นการดูหมิ่นอ๋องหานโดยไม่เกรงกลัวสิ่งใดหรือ?
แม้ว่าในอดีตฮ่องเต้จะไม่ลงรอยกับอ๋องหาน แต่อย่างน้อยโดยผิวเผยพวกเขาก็ยังรักษาความสัมพันธ์ไว้ เรื่องการพระราชทานงานแต่งนี้ เกรงว่าจะเป็นการที่ฮ่องเต้ประกาศสงครามกับอ๋องหานแล้ว
กู้ชูหน่วนมุมปากกระตุก บนหัวมีเส้นสีดำวาดไว้สามเส้นสีหน้าเหนื่อยหน่ายจนปัญญา
ฮ่องเต้แห่งแคว้นเย่ล้วนชอบพระราชทานงานแต่งงานให้คนขนาดนี้เชียวหรือ?
ไม่ง่ายที่จะยกเลิกงานแต่งงานไปได้หนึ่งงาน ก็มีอีกงานแล้ว นี่ไม่ใช่ว่าเอาคนแต่งออกไม่ได้เลยไม่พอใจหรือ?
หม่ากงกงผู้ถ่ายทอดพระราชโองการยิ้มแล้วกล่าว “ฝ่าบาทตรัสว่า เรื่องการแต่งงานของคุณหนูสามเป็นอดีตฮ่องเต้พระราชทาน ตอนนี้......ตอนนี้อ๋องเจ๋อเป็นติดโรคร้ายแรงอย่างฉับพลัน เกรงว่าจะอยู่บนโลกได้อีกไม่นาน เพื่อจะได้ไม่ถ่วงเวลาคุณหนูสาม ดังนั้นจึงได้ยกเลิกการหมั้นนี้”
กู้ชูหน่วนหัวเราะอย่างเย็นชา
เมื่อวานยังแข็งแรงร่าเริง วันนี้ก็ป่วยหนักแล้ว โกหกใครกัน
“ฝ่าบาทยังตรัสอีกว่ารู้สึกผิดต่อคุณหนูสาม ด้วยเหตุนี้จึงทรงพระราชานุญาตให้ท่านแต่งงานกับท่านอ๋องหานเทพสงครามแห่งราชวงศ์ปัจจุบัน นับจากนี้ต่อไปก็อยู่ใต้อำนาจของคนผู้เดียว แต่มีอำนาจเหนือผู้คนนับหมื่น คุณหนูสาม โปรดรับพระราชโองการขอรับ”
หม่ากงกงยื่นพระราชโองการไปเบื้องหน้าของนาง
กู้ชูหน่วนก็ไม่ได้รับพระราชโองการ แต่มองดูหม่ากงกงด้วยสีหน้าที่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ได้ยิ้ม “กงกง ท่านว่าหากเทพสงครามรู้ว่าท่านเป็นผู้ถ่ายทอดพระราชโองการนี้ จะจดจำท่านไว้ในจิตใจเป็นพิเศษหรือไม่นะ”
นางจงใจเน้นย้ำคำว่าพิเศษสองคำ
หม่ากงกงร่างกายสั่นเทาทันที ในดวงตามีความกลัวแวบผ่าน
กู้เฉิงเซี่ยงตวาดตำหนิ “บังอาจ ฝ่าบาทมีพระประสงค์ เจ้าจะขัดพระประสงค์ได้อย่างไร ยังไม่รีบรับพระราชโองการอีก”
“หากว่าข้าไม่รับจะเป็นอย่างไร”
“ขัดพระราชโองการจะต้องประหารทั้งตระกูลเชียวนะ หากว่าเจ้าไม่รับพระราชโองการ จะทำให้ทั้งจวนเฉิงเซี่ยงตายทั้งหมดงั้นหรือ?”
“ยึดทรัพย์ประหารทั้งบ้านก็ยึดทรัพย์ประหารไปสิ ยังไงซะชาติหน้าพวกเราก็ยังเป็นคนครอบครัวเดียวกันอีก”
กู้ชูหน่วนพูดจบ มุมปากยกขึ้นเป็นเส้นโค้งยิ้มอย่างเย้ยหยัน แล้วเดินจากไปอย่างผ่าเผยท่ามกลางบรรดาผู้คนที่ตกตะลึงปากอ้าตาค้าง
ตื้ด......
ทุกคนตะลึงตาค้างไปแล้ว
กู้ชูหน่วนช่างบ้าบิ่นเกินไปแล้วละมั้ง
แม้แต่พระราชโองการของฮ่องเต้ก็กล้าขัดขืน นางไม่เอาชีวิตแล้วหรือ?
กู้ชูหลันโมโห ขวางทางไปของนางไว้ “ตัวท่านเองอยากตาย ข้าไม่สนใจ แต่ท่านอย่าทำให้ทั้งตระกูลต้องพลอยลำบากไปด้วย รีบไปรับพระราชโองการ”
“จึจึจึ น้องสาวมีคุณธรรมจริงๆ หากว่าเจ้ามีใจทำเพื่อจวนเฉิงเซี่ยงจริง งั้นเจ้าก็ไปรับสิ”
“ฝ่าบาทพระราชทานงานแต่งงานให้ท่านกับท่านอ๋องหานเทพสงคราม ไม่ได้พระราชทานงานแต่งงานให้ข้าสักหน่อย”
“แม้ว่าเจ้าจะเป็นลูกอนุภรรยา แต่อย่างน้อยเจ้าก็หน้าตาดีกว่าข้า ข้าคิดว่าหากเข้าไปเสนอความคิดเห็นด้วยความอ่อนน้อมมีมารยาท บางทีฝ่าบาทอาจจะเปลี่ยนพระประสงค์ก็ได้ ยกเจ้าให้เทพสงคราม”
“หากว่าข้าแต่งงานไปที่จวนอ๋องหานจริง ข้ายังจะมีชีวิตรอดหรือ?”
กู้ชูหน่วนผายมือ “ถูกสิ ข้าแต่งเข้าไปก็ตาย ไม่แต่งก็ตาย หากว่าข้าไม่แต่ง ยังมีคนทั้งจวนเฉิงเซี่ยงร้อยกว่าคนลงไปใต้ธรณีพร้อมกับข้าข้าก็ไม่โดดเดี่ยวแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมข้าจะต้องรับพระราชโองการ พวกเจ้าใครอยากรับก็รับไปสิ”
สารเลว
ลูกสาวสารเลวคนนี้
หากว่าหม่ากงกงไม่ได้อยู่ตรงนี้ กู้เฉิงเซี่ยงก็อยากจะให้คนตีกู้ชูหน่วนให้ตายทั้งเป็นแล้ว
มองดูนางออกไปด้วยความโอหัง เป็นเวลานานกว่าคนในจวนเฉิงเซี่ยงจะดึงสติกลับมาได้
ที่ผ่านมากู้ชูหน่วนไม่ใช่ว่าขี้ขลาดอ่อนแอหรือ? ไม่มีความคิดเห็นใดใดไม่ใช่หรือ? วันนี้เจอผีแล้วหรือ? คิดไม่ถึงว่าจะกล้าปฏิเสธการแต่งงานต่อหน้าทุกคน อีกทั้งยังปฏิเสธท่านอ๋องหานเทพสงครามที่มีอำนาจอิทธิพลล้นฟ้าอีก
หรือนางไม่รู้ว่าเพียงแค่เทพสงครามกระดิกนิ้วมือ จวนเฉิงเซี่ยงของพวกเขาก็พินาศเป็นผุยผงได้งั้นหรือ?
อนุภรรยาห้าออดอ้อนด้วยความไม่พอใจ “นายท่าน ท่านดูคุณหนูสามสิเจ้าคะ ยิ่งไม่รู้จักกฎเกณฑ์ขึ้นเรื่อยๆแล้วจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะกล้าขัดขืนพระประสงค์ของฮ่องเต้”
เวลานี้กู้เฉิงเซี่ยงยังจะสนใจกู้ชูหน่วนได้ที่ไหน เขาทำได้เพียงรีบเอาใจหม่ากงกงที่มีความขุ่นเคือง เพื่อป้องกันไม่ให้หม่ากงกงตอกสีใส่ไข่ต่อหน้าฮ่องเต้ ไม่เช่นนั้นจวนเฉิงเซี่ยงของพวกเขาก็จะต้องพบภัยอันใหญ่หลวงแล้วจริงๆ
เขารีบยัดใบไม้ทองคำถุงหนึ่งให้หม่ากงกง กล่าวแล้วยิ้มอย่างประจบประแจง “กงกง ลูกสาวคนที่สามของข้าถูกข้าให้ท้ายจนเสียนิสัยแล้ว ทำเรื่องไม่รู้จักเล็กไม่รู้จักใหญ่ ท่านวางใจได้ข้าจะสั่งสอนนางให้ดี พระราชโองการข้าก็จะให้นางรับอย่างแน่นอน ยังไงก็ขอให้ท่านพูดจาดีๆเบื้องหน้าฝ่าบาทสักสองสามประโยค”
“ในเมื่อคุณหนูสามไม่สบายรับพระราชโองการไม่ได้ เช่นนั้นกู้เฉิงเซี่ยง ท่านก็รับแทนนางเถอะ วันที่หนึ่งเดือนถัดไปหากว่าเกี้ยวเจ้าสาวของคุณหนูสามไม่ได้ถูกส่งไปที่จวนอ๋องหาน จวนเฉิงเซี่ยงของพวกท่านก็รอที่จะถูกประหารสามชั่วโคตรเถอะ”
กู้เฉิงเซี่ยงยังไม่ทันได้ตอบสนอง หม่ากงกงก็เอาพระราชโองการไว้บนมือของเขาแล้ว แล้วเอาใบไม้ทองคำเต็มถุงใหญ่ถุงหนึ่งจากไปอย่างผ่าเผย
กู้เฉิงเซี่ยงมองดูพระราชโองการในมือ แล้วมองดูหม่ากงกง จิตใจกระวนกระวาย
ฮ่องเต้ตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะให้กู้ชูหน่วนแต่งงานกับอ๋องหาน พวกเขาจึงไม่อาจไม่เห็นด้วยได้ ดูเหมือนว่าการสู้รบกันของฮ่องเต้และอ๋องหานนั้น ร้ายแรงกว่าที่เขาคิดไว้
ในห้องหนังสือ กู้เฉิงเซี่ยงมองดูพระราชโองการอย่างเหม่อลอย อนุภรรยาห้ายกซุปเห็ดหูหนูเข้ามาชามหนึ่ง กล่าวด้วยเสียงอ่อนโยน “นายท่าน ยังคิดถึงเรื่องพระราชโองการอีกหรือเจ้าคะ”
“อืม” รับราชโองการล่วงเกินอ๋องหาน ไม่รับก็ล่วงเกินฮ่องเต้ ไม่ว่าจะทางไหน เขาก็ยั่วยุไม่ได้
อนุภรรยาห้ากลอกตา กล่าวเบาๆ “ได้ยินว่าก่อนหน้านี้ไม่นานอ๋องหานประสบกับการลอบสังหาร ทำให้พิษเก่ากำเริบ ตอนนี้จะควบคุมอย่างไรก็ควบคุมไม่ได้ กลัวว่าจะอยู่ได้ไม่เกินปีนี้แล้วเจ้าคะ แต่ฮ่องเต้ยังหนุ่มแน่นเปี่ยมด้วยพละกำลัง ทั้งยังสู่ขอองค์หญิงที่ฮ่องเต้ฉู่รักและเอ็นดูที่สุดเป็นพระชายาอีก อิทธิพลอำนาจกำลังเพิ่มขึ้น หากว่าจำเป็นต้องล่วงเกินคนผู้หนึ่ง จากที่ข้าดู ล่วงเกินอ๋องหานยังจะดีซะกว่าเจ้าค่ะ อย่างไรเสียไม่ว่าเขาจะมีอำนาจอิทธิพลค้ำฟ้าเพียงใด ก็เป็นเพียงคนอายุสั้นผู้หนึ่ง”
“ข้าจะไม่เคยคิดถึงจุดนี้ได้อย่างไรกัน แต่ในมือของอ๋องหานกุมอำนาจที่ยิ่งใหญ่ทางการทหาร หากว่าเขามีความคิดจะสังหารจวนเฉิงเซี่ยงจริง กลัวเพียงแค่จวนเฉิงเซี่ยงเดิมทีก็ไม่มีปัญญาจะต่อต้าน......”
“เช่นนั้นนายท่านก็ต้องการจะยืนข้างอ๋องหานทางนี้หรือเจ้าคะ?”
กู้เฉิงเซี่ยงคิดก็ไม่ได้คิด ส่ายหัวโดยตรง “แน่นอนว่าไม่ นิสัยของอ๋องหานเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายไม่แน่นอน แม้ว่าข้าจะขอพึ่งเขา ก็ไม่แน่ว่าเขาจะคุ้มครองข้า อีกทั้ง......” อีกทั้งเขาก็ไม่สามารถคุ้มครองชีวิตเขาได้
กู้เฉิงเซี่ยงอยากสืบต่อรุ่นต่อรุ่น ยังจำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน
อนุภรรยาห้าอยู่เป็นเพื่อนข้างกายกู้เฉิงเซี่ยงมานานหลายปี สำหรับความคิดของกู้เฉิงเซี่ยงก็รู้ทะลุปรุโปร่งนานแล้ว
นางยิ้มทันที เผยความรักออกมามากมาย “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นทำไมนายท่านไม่ยืนข้างฮ่องเต้ทางนี้อย่างสมบูรณ์ไปเลยล่ะเจ้าคะ ฮ่องเต้ไม่ได้เป็นฮ่องเต้ในตอนนั้นแล้ว เพียงแค่นายท่านมีจิตใจแน่วแน่เด็ดเดี่ยว ระหว่างที่ใช้คน จะต้องไม่ปฏิบัติต่อพวกเราอย่างไม่เป็นธรรมแน่เจ้าค่ะ”
“เจ้าพูดถูก ในเมื่อจะต้องล่วงเกินคนผู้หนึ่ง เช่นนั้นก็ยืนให้มั่นคงไปข้างหนึ่งละกัน”
แม้ว่าทหารส่วนใหญ่ของแคว้นเย่จะอยู่ในมือของท่านอ๋องหานเทพสงคราม แต่ในมือของแม่ทัพใหญ่เซียวก็มีทหารอยู่แสนกว่านาย
ตระกูลเซียวจากรุ่นสู่รุ่นจงรักภักดีต่อกษัตริย์และรักชาติ แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะไม่ช่วยเหลือซึ่งกันและกันในตอนนี้ แต่ถ้าต้องต่อสู้กันขึ้นมาจริงๆ แม่ทัพใหญ่เซียวน่าจะยืนอยู่ข้างของฮ่องเต้
“นายท่าน ข้าคิดว่า ท่านสามารถเสนอข้อคิดเห็นต่อฝ่าบาท ให้คุณหนูสามเข้าไปศึกษาในราชวิทยาลัย ไม่ช้าคุณหนูสามก็จะเป็นพระชายาหานแล้ว เรียนรู้สิ่งต่างๆให้มากสักหน่อยก็เป็นประโยชน์ไม่เป็นโทษต่อนาง อีกทั้งยังสามารถแสดงเคารพต่ออ๋องหานได้อย่างชัดเจน”
กู้เฉิงเซี่ยงไตร่ตรองถ้อยคำของอนุภรรยาห้าอย่างละเอียด เข้าใจความหมายโดยประมาณของนางแล้ว
ราชวิทยาลัยเป็นโรงเรียนระดับสูงที่สุดของแคว้นเย่ โดยปกติจะสอนเพียงลูกหลานของเชื้อพระวงศ์และลูกหลานของขุนนางที่ทำผลงานยิ่งใหญ่ คนธรรมดาไม่สามารถเข้าไปได้เด็ดขาด
ในแคว้นเย่ ทุกคนที่สามารถเข้าไปเรียนหนังสือในราชวิทยาลัยล้วนมีความภาคภูมิใจ