อสุราเจ้าดวงใจ

134.0K · จบแล้ว
มู่ตาน
64
บท
12.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เพราะ ‘หร่วนอิ๋งซุย’ ได้กระทำเรื่องเสียมารยาทกับภรรยารองของบิดา ด้วยเหตุนี้จึงถูกเฉดหัวออกจากบ้าน แต่เมื่อนางได้เดินทางมายังเมืองหนิงป่อไห่ เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ กลับเกิดเหตุการณ์หลายอย่าง รวมถึงได้พบบุรุษผู้หนึ่ง... ‘เขา’ มีบางอย่างที่แตกต่างจากคนทั่วไป ล้วนเต็มไปด้วยความลับและความพิศวง แต่ก็น่าแปลก ทุกอย่างที่เป็นเขา กลับดึงดูดความสนใจจากนางอย่างจัง

นิยายรักโรแมนติกนิยายจีนโบราณนิยายรัก

บทนำ

หัวใจของนางมอบให้เขาทั้งดวงตั้งแต่วันนั้นแล้ว...

การเดินทางแสนยากลำบากกำลังจะสิ้นสุดลง เมื่อรถม้าของ

‘หร่วนอิ๋งซุย’ วิ่งมาถึงชานเมืองหนิงป่อไห่ นับจากวันนี้เป็นต้นไป นางจะใช้ชีวิตอยู่ในเมืองตะวันออกแห่งนี้ ไม่ใช่ในฐานะของคุณหนูใหญ่แห่งสกุลหร่วน แต่นางจะอยู่ในฐานะของเถ้าแก่ร้านผ้าคนใหม่...

ร้านผ้าของตระกูลหร่วนที่ทำกำไรไม่ได้เลย

ไม่โทษผู้อื่น ไม่โทษชะตาฟ้าลิขิต ต้องโทษที่นางใจร้อนเกินไป ไม่ทำตัวให้สมกับเป็นธิดาคนโตที่เกิดจากภรรยาเอก เพราะคิดว่า ถึงอย่างไร ตนก็มีฐานะที่ดีกว่าสองแม่ลูกที่เป็นกาฝากในเรือนน้อย และต่อให้นางทำตัวร้ายกาจ บิดาต้องเห็นแก่ที่เป็นคุณหนูใหญ่ ให้อภัยนางแน่

แต่ความจริงกลับไม่ใช่ บัดนี้ มารดาของนางสิ้น ภรรยารองของบิดาไม่รู้เกลี้ยกล่อมท่านด้วยวิธีไหน หลังพิธีไว้ทุกข์ของมารดา บิดาก็ส่งนางขึ้นรถม้าให้มายังเมืองติดทะเลแห่งนี้!

ด้วยอ้างว่าร้านผ้าสกุลหร่วนต้องการคนดูแลกิจการและรับช่วงต่อ นางซึ่งเป็นธิดาคนโตสมควรเดินทางมาเรียนรู้งานที่นี่ โดยอนุญาตให้มีเพียงซุ่นเหยากวานเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ติดตามนางมาได้...ซุ่นเหยากวานก็คือพ่อบ้าน หรือคนติดตามนางนั่นเอง

นี่น่ะหรือคือความยุติธรรมของบิดา

นี่น่ะหรือคือสิ่งที่บิดามอบให้บุตรสาวที่เกิดจากภรรยาเอก

บิดาคงคิดว่า หลังส่งนางขึ้นรถม้าแล้ว นางจะร้องห่มร้องไห้ตัดพ้อโชคชะตา อ้อนวอนขอให้พวกท่านอภัยให้กระมัง

ไม่ใช่ นางคือหร่วนอิ๋งซุย คุณหนูใหญ่สกุลหร่วนผู้ที่แสนเย่อหยิ่ง แน่นอน นางไม่อนุญาตให้ตนแสดงความน่าสมเพชออกมา บิดาจะหลงเสน่ห์มารยาของแม่ลูกที่เป็นกาฝากก็แล้วไปเถอะ นางไม่เอาด้วยหรอก!

หร่วนอิ๋งซุยย่นหัวคิ้ว ยกมือขวาขึ้นมามองพลางยิ้มอย่างสะใจ

ทุกครั้งที่หงุดหงิด นางจะยกมือขวาขึ้นมาดู เพราะอะไรน่ะหรือ ก็เพราะว่าก่อนจะเดินทางมาที่เมืองหนิงป่อไห่ นางได้กระทำเรื่องหนึ่งไว้ หากจะบอกว่าเป็นความสะใจ สู้บอกว่านางลงมืออย่างไม่อาจควบคุมตัวเองได้จะถูกต้องเสียกว่า

ในวันสุดท้ายของการไว้ทุกข์ให้มารดา นางได้ยินภรรยารองของบิดาชี้แนะเรื่องส่งนางให้มาอยู่ในที่ไกลแสนไกล นางที่อารมณ์ไม่ดีเป็นทุนเดิมรู้สึกโกรธมาก โกรธจนตัวสั่น มือสั่น โกรธจนระงับตัวเองไม่อยู่ พุ่งเข้าใส่ภรรยารองของบิดา แล้วฟาดมือลงบนหน้าหนาๆ นั่น!

ถูกต้องแล้ว นางตบภรรยารองของบิดา ฟาดมือลงบนใบหน้าหนาๆ นั้นไม่ยั้งกำลัง ภรรยารองของท่านพ่อกรีดร้อง จากนั้นก็ร้องไห้บอกว่านางเป็นตัวอันตราย ต้องรีบส่งไปที่อื่น

หลังจากนั้นไม่กี่วัน ข่าวว่าคุณหนูใหญ่สกุลหร่วนถูกเฉดหัวออกจากบ้านด้วยอายุเพียงสิบเจ็ดปีก็โด่งดังในกลุ่มของอนุ

ตอนนี้ นางไม่เหลือใครแล้ว ไม่สนใจด้วยว่าคนในบ้านสกุลหร่วนจะคิดอย่างไร คนที่พึ่งพาได้มีก็แต่เพียงตัวนางเอง...อ้อ ยังมีซุ่นเหยากวานอีกคนที่นางไว้ใจได้

ระหว่างที่เด็กสาววัยสิบเจ็ดครุ่นคิดพร้อมกับรถม้าวิ่งผ่านทางเข้าเมืองซึ่งสองข้างทางคือป่า พลันนั้น จู่ๆ รถม้าก็เกิดหยุดกะทันหัน

หร่วนอิ๋งซุยเลิกม่านหน้ารถดูก็พบว่ามีชายกลุ่มหนึ่งกำลังขวางทางรถม้าของพวกตนเองไว้ เด็กสาวอ้าปากอย่างตกใจ แต่แล้วก็รีบควบคุมสติ เอ่ยถามซุ่นเหยากวานที่บังคับรถม้าอยู่ด้านหน้า

“พี่เหยากวาน เกิดอะไรขึ้น!”

“คุณหนู กลับเข้ารถม้าไป” เสียงของซุ่นเหยากวานแสดงออกถึงความเครียด นั่นหมายถึงกลุ่มคนที่ดักอยู่หน้ารถของพวกนางมิใช่คนดี

“อื้อ ข้ารู้แล้ว”

นางรับคำ แล้วปล่อยผ้าคลุมหน้ารถม้าลง ภายนอกสงบกว่าที่เด็กสาวคนหนึ่งจะแสดงออกมาได้ หากภายในใจกลับเต้นโครมครามขณะดึงดาบสั้นออกมาจากห่อผ้า ครุ่นคิดอย่างตื่นกลัวว่าตนจะพบจุดจบแบบไหน เหมือนกระต่ายตัวน้อยที่อยู่กลางวงสุนัขหรือไม่

สิ่งหนึ่งที่คนนอกไม่รู้ก็คือ หร่วนอิ๋งซุยที่เพียบพร้อม เย่อหยิ่ง ใจร้อน และเอาแต่ใจ แท้จริงเป็นเพียงเด็กสาวธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้นเอง

นางมีความกลัว มีความตื่นตระหนก มีความริษยาและมีความหวังเหมือนกับคนทั่วๆ ไป แต่กลับแสดงออกด้วยการดึงด้านแย่ๆ มาปกปิดความอ่อนแอเหล่านั้น

ตอนได้ยินเสียงซุ่นเหยากวานดึงอาวุธออกจากฝัก หัวใจของนางก็ตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม ถึงจะรู้ว่าซุ่นเหยากวานพอมีวรยุทธ์ปกป้องตัวเองอยู่บ้าง แต่หากต้องสู้กับคนจำนวนมากอย่างตอนนี้ นางก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะปกป้องนางได้?

แต่...จะมัวรอซุ่นเหยากวานมาปกป้อง นางก็ทำไม่ได้เช่นกัน ตั้งแต่ถูกขับไล่ให้ออกจากบ้าน อิ๋งซุยก็ตัดสินใจแล้วว่าจะทำทุกอย่างด้วยกำลังแขนและกำลังขาของตนเอง

คิดได้ดังนั้นแล้ว หร่วนอิ๋งซุยก็กดข่มอารมณ์หวาดกลัวไว้ในอกให้ลึกที่สุดเท่าที่ทำได้ ก่อนจะดึงดาบสั้นออกจากฝัก ตั้งท่าแบบเก้ๆ กังๆ เพื่อรอรับการจู่โจมใดๆ ก็ตามที่พุ่งเข้ามา

ไม่ว่าใครจะบุกเข้ามาในรถม้าก็ตาม นางจะปักดาบนี้ลงที่คอของมัน...หากนางทำได้นะ

เพิ่งจะคิด เสียงเหมือนมีคนผู้หนึ่งกระโดดขึ้นเหยียบหน้าประตูรถม้า หร่วนอิ๋งซุยใจหายวาบ และทันทีที่ผ้าหน้ารถม้าถูกเลิกขึ้น ดวงตากลมโตของนางก็เบิกกว้าง มือที่ถือมีดสั้นชะงักค้าง ไม่ใช่เพราะกลัวคนร้ายจนทำอะไรไม่ถูก แต่นางตกใจกับภาพที่เห็น...

ถึงแม้ชายฉกรรจ์หน้าประตูรถม้าจะยืนย้อนแสง แต่นางก็เห็นว่าตรงท้องของเขามีปลายดาบทื่อๆ เสียบแทงเข้ามา เลือดไหลอาบย้อมถึงปลายดาบ และหยดลงบนพื้นรถม้า

นางเลื่อนสายตาที่ยังตะลึงมองข้ามไหล่ของชายฉกรรจ์ พบว่ายังมีชายอีกคนยืนอยู่ด้านหลัง ใบหน้าของเขาแข็งกระด้าง เส้นผมปอยหน้าเป็นสีขาวเหมือนคนชรากำลังปลิวตามกระแสลม ทว่า ผิวที่เต่งตึงของเขามองอย่างไรก็ไม่ใช่คนสูงวัยแน่ ในตอนที่ชายผู้นั้นดึงดาบออกจากร่างกายของชายฉกรรจ์ ถีบมันผู้นั้นให้ตกรถม้า นางก็เห็นเขาได้เต็มสองตา รูปร่างของเขาสูงใหญ่กำยำ มองอย่างไรก็เป็นร่างกายที่แข็งแรงของคนหนุ่มมากกว่าร่างกายของชายชรา

เขาไม่ใช่คนแก่ แต่ทำไมถึงมีเส้นผมสีขาวล่ะ!?

นางคิด ขณะเดียวกันผ้าหน้ารถตกลงช้าๆ แต่ก็พอให้นางทันเห็นว่าชายคนนั้นกระโดดลงจากรถม้าเพื่อตรงไปทางซุ่นเหยากวานที่กำลังต่อสู้กับกลุ่มคนมากมาย แล้วนางก็ได้ยินเสียงตะโกนว่า...

“ปะ...ปีศาจ!”

“หนีเร็ว!”

“ไอ้ปีศาจน่ากลัว!”

“ไอ้ชั่ว อย่าเข้ามา...!”

หัวใจดวงน้อยของหญิงสาวกระตุกวูบ พอได้สติ หร่วนอิ๋งซุยรีบถลาตัวไปเปิดผ้าหน้ารถ ตอนนี้เอง นางถึงมองเห็นเขาคนนั้นได้ถนัดชัดเจน

ผู้ชายคนนั้นแต่งตัวมอซอ แต่รังสีที่แผ่กำจายออกมาจากตัวช่างสร้างแรงกดดันประหลาด เส้นผมปอยหน้าของเขาที่เป็นสีขาวสวนทางกับผิวหนังที่เต่งตึงของคนหนุ่ม คิ้วดกหนาดำขลับ จมูกโด่ง ปากได้รูป ด้วยสภาพเช่นนี้ เป็นใครคงคิดว่าเขาคือปีศาจ

ก็ไม่รู้ทำไมหร่วนอิ๋งซุยกลับร่ำร้องในใจว่า “ไม่ใช่ เขาไม่ใช่ปีศาจ” เขาไม่ใช่ปีศาจอย่างที่คนพวกนั้นพูด แต่เป็นวีรบุรุษที่กล้ากระโดดเข้ามาช่วยเหลือนางกับซุ่นเหยากวานต่างหากล่ะ!

และราวกับเขาใจตรงกับนาง นางได้ยินเขาพึมพำด้วยน้ำเสียงแฝงความเศร้าว่า

“ข้าไม่ใช่ปีศาจ”

เสียงของเขาแหบและทุ้มต่ำ นั่นยิ่งทำให้หัวใจดวงน้อยของนางเต้นระส่ำยิ่งกว่าเดิม

เห็นใจ ซาบซึ้ง หรืออะไรก็ช่าง แต่เมื่อทุกอย่างจบลง และมันรวดเร็วเกินกว่านางจะเข้าใจ ชายผู้มีเส้นผมสีขาวก็ได้หายไปจากตำแหน่งนั้นแล้ว

หร่วนอิ๋งซุยยกมือขึ้นมากุมบนตำแหน่งหัวใจ หัวใจดวงน้อยเต้นโครมครามไม่หยุด ราวกับว่าเขาคนนั้นได้ฉกฉวยหัวใจของนางไปด้วย...