๓.๘ ง้อรัก
“เด็กอะไรหัวไวเหลือเกิน เอาใจเก่งเป็นบ้า แบบนี้จะไม่ให้รักไม่ให้หลงได้ยังไง”
“พี่เตชอบใช่ไหมคะ หนูดีไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่เลย”
“ยิ่งกว่าชอบทูนหัว สัญญานะว่าคราวหน้าหนูดีจะให้พี่รักด้วยปากแบบนี้บ้าง”
อนุรดีไม่ตอบแต่พยักหน้าอายๆ ก่อนจะซบหน้าลงกับอกกว้างอย่างมีความสุขใจและวาบหวามในอารมณ์ ส่วนหนึ่งก็อยากลองแต่อีกส่วนก็นึกหวาดหวั่น ว่าถ้าหากเตชินท์ทำแบบนี้กับร่างกายของเธอบ้าง มันจะน่ากระดากอายแค่ไหน
“พี่เตคะ หนูดีต้องกลับแล้วค่ะ หายมานานแล้วกลัวพ่อกับแม่จะสงสัย”
เสียงหวานเอ่ยขึ้นหลังจากนอนซบหน้าอยู่กับแผ่นอกของคนรักนานหลายนาที เธอขยับตัวออกห่างเขา แม้จะไม่อยากห่างและอาลัยอาวรณ์ไม่น้อย แต่ก็เตือนตัวเองว่ามันยังไม่ถึงเวลา
“ขอบคุณหนูดีมากนะ สำหรับทุกอย่างที่หนูดีทำให้พี่ในวันนี้”
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูดีเต็มใจ แต่ตอนนี้ต้องกลับแล้วนะคะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะพี่เต”
“เดี๋ยวก่อน...พี่ลืมบอกหนูดี ว่าเวลาที่คนรักจะลากันเขาต้องลาแบบนี้”
สองแขนของเตชินท์ยกขึ้นกระหวัดรัดเอวบาง รั้งให้เธอนอนทาบทับลงมาบนเรือนกายใหญ่โตอีกครั้ง จากนั้นปากก็ประกบปาก อนุรดีกระหวัดลิ้นร้อยรัดกับลิ้นสากหนาที่ซอกซอนเข้ามา สองลิ้นจึงพัวพันกันนัวเนีย กว่าที่อนุรดีจะได้กลับเข้าบ้านก็เลยเที่ยงคืนไปแล้ว
ความเข้าใจที่เกิดขึ้น ทำให้เตชินท์กล้าเอ่ยปากขออนุญาตกับผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย ว่าเขาอยากคบหาดูใจและดูแลอนุรดีจนกว่าเธอจะเรียนจบ ซึ่งทางพ่อแม่ของเขาไม่มีปัญหาใดๆ เลย เพราะพอใจและเอ็นดูอนุรดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ในขณะที่พ่อแม่ของอนุรดีก็อนุญาต แต่มีเงื่อนไขว่าขอให้การคบหาดูใจกันนั้นอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่ และขอให้เขาไม่ทำอะไรเกินเลยกับอนุรดีก่อนเวลาอันควร ซึ่งเตชินท์ก็รับปากอย่างลูกผู้ชาย
เวลาผ่านไปจากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นหลายเดือน ตอนนี้อนุรดีเรียนอยู่ปีสี่แล้ว และเหลืออีกแค่หนึ่งเทอมเธอจะจบการศึกษา โดยที่ผ่านมาความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเตชินท์ราบรื่นดีมาตลอด แม้จะมีงอนกันบ้างเล็กๆ น้อยๆ ตามประสาลิ้นกับฟัน แต่โกรธกันได้ไม่นานก็ดีกัน เธอไม่ได้บอกกับเพื่อนว่ามีแฟนแล้วและกำลังคบกับเตชินท์ นั่นเป็นเพราะไม่อยากถูกซักไซ้ไล่เลียง อีกทั้งยังอยากแน่ใจทุกๆ อย่างในตัวเตชินท์เสียก่อน
ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอม อนุรดีตั้งใจว่าจะใช้มันอย่างคุ้มค่ามากที่สุด ด้วยการไปฝึกงานกับเตชินท์ตามที่เขาวางแผนเอาไว้ เพื่อให้เธอได้มีโอกาสทดลองใช้ความรู้ด้านภาษาอังกฤษที่อยู่ในระดับดีเยี่ยมของตัวเอง ทว่าแผนการดังกล่าวก็มีอันต้องล้มเลิก เมื่อคุณไตรซึ่งมีตำแหน่งเป็นเจ้าของและประธานบริษัท มอบหมายงานให้เตชินท์ไปดูแลโปรเจกต์ใหม่ที่บริษัทสาขาในประเทศเยอรมนีเป็นเวลาสามเดือน และวันนี้ก็คือวันที่เขาจะต้องเดินทาง
เตชินท์ขับรถออกจากบ้านแต่เช้า โดยมีอนุรดีนั่งรถมาส่ง ซึ่งขากลับเธอจะต้องเป็นคนขับรถบีเอ็มดับเบิลยูของเขากลับเพียงลำพัง
“เครื่องออกตั้งบ่ายสาม ทำไมพี่เตออกจากบ้านแต่เช้าจังคะ”
“พี่อยากอยู่กับหนูดีตามลำพังก่อนเดินทาง”
“เมื่อวานก็อยู่ด้วยกันจนดึกดื่น”
“อยู่ด้วยกันจนดึกดื่น แต่ก็แค่นั่งจับมือกันเฉยๆ มันไม่ดูโลกสวยเกินไปหน่อยเหรอหนูดี” เตชินท์ละสายตาจากการมองทาง แล้วหันมามองแฟนสาวแวบหนึ่ง เตือนให้เธอคิดถึงเหตุการณ์เมื่อวานที่เขาไปขลุกอยู่บ้านเธอในตอนเย็น แม้ว่าพ่อแม่ของอนุรดีจะเปิดโอกาสให้อยู่ตามลำพัง โดยหลังจากทานอาหารเย็นเสร็จก็ขึ้นบ้านเลย แต่ทั้งคู่ก็ทำได้แค่นั่งดูโทรทัศน์ด้วยกันและจับมือกันเฉยๆ เท่านั้น
“แล้วพี่เตอยากทำอะไรล่ะคะ” อนุรดีรู้สึกเหมือนตัวเองถามโง่ๆ แล้วก็ต้องหน้าร้อนผ่าวเมื่อได้รับคำตอบจากเตชินท์ที่ตอบออกมาแบบโต้งๆ
“พี่อยากจูบหนูดี ไม่ได้จูบมาหลายวันแล้ว ถ้าถึงสนามบิน หนูดีคงไม่ยอมให้พี่จูบแน่ๆ อย่างมากก็ได้แค่กอด”
อนุรดีไม่เถียงว่าเตชินท์พูดถูก แม้ว่ายามอยู่ลับตาผู้ใหญ่เธอจะยอมตามใจเขา ให้เขากอดจูบได้ตามชอบใจ แต่เธอต้องมั่นใจว่าสถานที่นั้นจะเหมาะสมในการแสดงความรักจริงๆ ถ้าเป็นที่สาธารณะหรือที่ที่ผู้ใหญ่อาจมารู้เห็น เธอจะระมัดระวังตัวเสมอและไม่ยอมให้เตชินท์ทำอะไรรุ่มร่าม ซึ่งข้อนี้เตชินท์รู้ดี
