ตีครั้งที่ 7
แต่ว่าเรื่องตกลงมาตายไม่ได้เกิดขึ้น หนานเหอลงมาบนพื้นอย่างนิ่มนวล ในมือเปล่งแสงสีขาว ห่อหุ้มควันสีดำที่ออกมาจากตัวหนูเอาไว้
นกตัวโตพุ่งลงพื้นอย่างมั่นคง เซี่ยเหยียนรีบกระโดดลงมาแล้วเดินไปข้างหนานเหอ “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“ดูเหมือนจะใช้พลังเวทย์ได้แล้ว” หนานเหอพูดขึ้น “แต่ว่าได้นิดเดียว”
หลินอิ่งกับอู๋เฟิงก็รีบตามมา พอได้ยินคำขององค์รัชทายาท ทั้งสองคนก็รีบตรวจดูพลังเวทย์ของตัวเอง จากนั้นก็ร้องออกมาด้วยความดีใจ “จริงๆ ด้วย”
เซี่ยเหยียนกลับยังคงหงุดหงิดอยู่ “ของข้ายังไม่กลับมาเลย”
“เกรงว่าคงเพราะพลังวิญญาณของเจ้ามีน้อย” หนานเหอว่า
หนูบนพื้นมีขนาดเหลือเพียงฝ่ามือ แต่เข็มเย็บผ้าสามเล่มกลับสูงเท่าตัวคน ไขว้กันแทงอยู่บนตัวหนู ตายจนไม่รู้จะตายอย่างไรแล้ว
เซี่ยเหยียนแตะควันดำที่หนานเหอห่อเอาไว้ เขาขมวดคิ้วในทันที “กลิ่นอายผี”
“ผี? หรือว่าหนูจะโดนผีสิง” อู๋เฟิงกล่าว
“ไม่ใช่สิงร่าง แต่ครอบงำ” เซี่ยเหยียนเอ่ยก่อนจะพูดคนเดียว “เขาเฟิ่งหวงจะมีผีได้อย่างไร หรือว่าที่หมู่บ้านเฟิ่งหวงมีคนตาย”
อาณาเขตทางทิศตะวันตก ตะวันออก ใต้และเหนือของภูเขาเฟิ่งหวง แบ่งเป็นของจอมเทพทั้งสี่คือตงอู ไป๋อวี้ ฉางหยางและลี่โย่วตามลำดับ ส่วนเขาเฟิ่งหวงก็ไม่ได้ตั้งทางเข้ายมโลกไว้ด้วย
ฉะนั้นถ้าผีสางจากภายนอกจะเข้ามาในภูเขาเฟิ่งหวง ก็ต้องผ่านอาณาเขตของจอมเทพทั้งสี่ก่อน
แต่จอมเทพมีหรือจะไร้น้ำยา พวกเขาล้วนแล้วแต่ส่งผู้รับใช้ที่มีฝีมือที่สุดมาเฝ้าเวรยาม อารักขาเขาเฟิ่งหวงไว้อย่างแน่นหนา
ถ้าเขาเฟิ่งหวงมีผี ก็เป็นไปได้แค่ผีคนที่เพิ่งตายในหมู่บ้านเฟิ่งหวงตรงตีนเขา
“ไม่มี” จู่ๆ ก็มีเสียงใสเสียงหนึ่งพูดขึ้น
เซี่ยเหยียนหันไปมอง นั่นมันนกยักษ์ที่ช่วยเขาไว้ สีขนขาวฟ้านั้นคุ้นตาเป็นอย่างมาก นั่นคือนกน้อยที่เซี่ยเหยียนช่วยไว้เมื่อตอนกลางวันนั่นเอง
“เจ้าเองหรือ ที่แท้ก็บรรลุปัญญาแล้ว” เซี่ยเหยียนเอ่ย
นกตัวโตพูดขึ้น “ข้าได้มีสติปัญญาหลังจากที่ท่านช่วยข้าไว้”
“เจ้าบินจากไปแล้วไม่ใช่หรือ ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้” เซี่ยเหยียนถาม
“ไม่ได้ไป ข้า…ข้าอยากติดตามท่าน อยากตอบแทนบุญคุณ” นกยักษ์กล่าว
“เขาเฝ้าอยู่ที่ต้นไม้นอกหน้าต่าง” หนานเหอพูดแทรกขึ้นมากะทันหัน “พอเห็นเจ้าตกอยู่ในอันตรายก็อยากบินเข้าช่วย ข้ากับเขาก็เลยร่วมกันวางแผน”
“ที่จริงล้วนเป็นแผนขององค์รัชทายาท” นกยักษ์พูดขึ้น เขาเพิ่งจะมีสติปัญญาอีกอย่างก็ไม่ได้ฉลาดมากมาย
เซี่ยเหยียนเข้าใจในทันที “จริงสิ เมื่อครู่เจ้าว่าไม่มี หมายความว่าอย่างไร?”
“หมู่บ้านเฟิ่งหวงมีของกินอร่อยๆ มากมาย ข้าอยู่ที่นั่นมาตลอด ช่วงนี้ไม่เห็นว่ามีใครตาย” นกยักษ์ตอบ
คิ้วของเซี่ยเหยียนขมวดเข้าหากันอีก “งั้นก็แปลก สรุปแล้วกลิ่นอายของผีมาจากไหน”
“หนูตัวนี้น่าจะรู้” อู๋เฟิงพูด
เซี่ยเหยียนอยากจะกลอกตา “ก็แหงสิ” แต่หนูตอนนี้ก็ตายไปแล้ว อีกอย่างโดนกลิ่นอายผีครอบงำกัดกิน วิญญาณของมันแตกสลายไปแล้ว
ดวงอาทิตย์ขึ้นแล้ว ส่องแสงสว่างเจิดฟ้า
ทุกคนไม่มีใครง่วงเลย
“เมื่อครู่ขอบคุณท่านมาก” เซี่ยเหยียนพูด แต่น้ำเสียงออกจะแปลกๆ
ก็ใช่ ทุกครั้งที่สองคนนี้เจอหน้ากันเป็นต้องตีกันทุกครั้งไป อืม ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือเซี่ยเหยียนโดยต่อยอยู่ฝ่ายเดียว ฉะนั้นที่เขาคิดอยู่นานก็คือจะพูดอย่างไรดี ไม่เคยนึกเลยว่าวันหนึ่งจะต้องมาขอบคุณองค์รัชทายาท
หนานเหอยิ้มแบบไม่ได้คิดอะไรแล้วพูดอย่างเกียจคร้าน “ข้าเป็นผู้รับใช้ของเจ้า ช่วยเจ้าก็เป็นเรื่องสมควร”
เซี่ยเหยียนสะดุ้งขึ้นมาอีก ท่าทีไม่ลดละ แต่กับรีบร้อนอธิบาย “ฝ่าบาท ข้าไม่เคยมองท่านเป็นผู้รับใช้” ความหมายแฝงก็คือ เจ้าจะใช้ข้ออ้างนี้มาต่อยข้าอีกไม่ได้นะ
หนานเหอแค่ยิ้ม
ถ้าเป็นเวลาปกติ เห็นรอยยิ้มแบบนี้เซี่ยเหยียนคงรู้สึกขัดใจไปนานแล้ว แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกว่า องค์รัชทายาทยิ้มแบบนี้ก็ดูดีอยู่เหมือนกัน
ส่วนอีกฝั่ง หลินอิ่งได้พลังกลับมาก็รีบเสกให้กรรไกร เข็มและด้ายอยู่ในขนาดที่เหมาะสม แล้วรีบตัดเย็บกางเกงออกมาสองตัวกับเสื้อตัวยาวอีกสองตัว
ในที่สุดเซี่ยเหยียนกับหลินอิ่งก็ไม่ต้องล่อนจ้อนกันแล้ว
ส่วนองค์รัชทายาทก็เอากล่องอาหารบนโต๊ะหินลงมา อาหารข้างในเย็นหมดแล้ว หลังอุ่นเรียบร้อยทุกคนก็กินเป็นอาหารเช้า
หลินอิ่งใช้หม้อที่เสกให้เล็กต้มน้ำ ตอนที่กำลังจะเสกให้อ่างน้ำเล็กลงนั้นเองก็พบว่าอาคมเหลือไม่พอ จึงทำได้แค่เอาถ้วยชาบนโต๊ะลงมาให้เซี่ยเหยียนใช้เป็นอ่างอาบน้ำ
ถ้วยชาสีออกเขียวฟุ้งไปด้วยควันร้อนของไอน้ำ เซี่ยเหยียนเห็นแล้วก็อยากดื่มสักอึก
“จะให้ข้าอาบในนี้จริงหรือ” เซี่ยเหยียนถามอย่างอักอ่วน
“ตอนนี้คงได้แต่แบบนี้ขอรับ” หลินอิ่งเอ่ย
เซี่ยเหยียนปีนขึ้นไปด้วยท่วงท่าเงอะงะ แล้วหลับตาแช่น้ำอย่างอารมณ์ดี ยังฮัมเพลงที่ไม่รู้ชื่อด้วย กลีบดอกไม้สีชมพูทั้งสองลอยบนผิวน้ำ
“ข้าอยากกินบัวลอยต้ม” จู่ๆ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
เซี่ยเหยียนสะดุ้งตกใจ รีบลืมตาก็สบเข้ากับสายตาขององค์รัชทายาทพอดิบพอดี
“ท่าน…ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร” เซี่ยเหยียนซ่อนตัวใต้น้ำโดยโผล่มาแค่เพียงครึ่งหน้าตั้งแต่ส่วนจมูกขึ้นไป
“เห็นว่าในนั้นมีอะไรขาวๆ นุ่มๆ ข้าก็นึกว่าบัวลอยเสียอีก” องค์รัชทายาทดูผิดหวังเล็กๆ ส่ายหน้าแล้วก็เดินจากไป
เซี่ยเหยียน “......” หรือตัวเขาดูเหมือนบัวลอย? ไม่นี่ บัวลอยที่ไหนร้องเพลงเป็น
อาบน้ำเรียบร้อย เซี่ยเหยียนก็เตรียมออกไปข้างนอก
“เจ้าจะไปไหน?” อู๋เฟิงเอ่ยถาม
“ไปสืบเรื่องหนูตัวนั้นหน่อย ถ้ามาจากเขาเฟิ่งหวงจะต้องมีคนรู้แน่” เซี่ยเหยียนพูด แล้วแขวนพู่กันพิพากษาที่หนานเหอใช้อาคมเสกให้เล็กลงไว้ที่เอว ส่วนถุงเฉียนคุนก็ยัดไว้ในแขนเสื้อ นี่คือของวิเศษที่เขาเอาไว้ป้องกันตัว