EPISODE 02 เดี๋ยวไปเอา
หลายอาทิตย์ต่อมา
เรื่องในคืนนั้นกลายเป็นความทรงจำหนึ่งที่ยังติดตาตรึงใจฉัน แต่หลังจากคืนนั้นฉันก็ไม่ไปร้านเหล้าอีกเลย ไม่ได้มีความสัมพันธ์แบบนั้นกับใครอีกเลย
เราไม่ได้แลกไลน์กันอย่างที่เขาบอกจึงไม่ได้ติดต่อกันหลังจากคืนนั้นที่เรามีอะไรกันไปหลายรอบและเขาออกจากห้องฉันไปเกือบเช้าไม่ได้นอนที่ห้องฉันเพราะหลังจากเสร็จกิจที่ยาวนานเขาก็กลับไปเลย
และฉันก็ภาวนาตั้งแต่วันนั้นว่าอย่าให้เราได้เจอกันอีกไม่ว่าจะพื้นที่ไหนในมหาวิทยาลัยหรือบนโลกนี้ก็ตาม
"พวกแกคืนนี้อย่าไปช้านะ ถ้าสามทุ่มไม่มีคนนั่งเขายึดเก้าอี้ที่จอง" เสียงของคะนิ้งเพื่อนในกลุ่มคนหนึ่งพูดขึ้น
"เออ รู้แล้วน่า"
ตอนนี้ฉันเรียนอยู่คณะบริหาร ชั้นปีที่สาม มีเพื่อนที่อยู่กลุ่มเดียวกันสามคนนั่นคือเค้ก คะนิ้งและต้องตา
ฉันจะสนิทกับเค้กมากกว่าคนอื่นเพราะมีอะไรฉันมักจะเล่าให้มันฟังคนแรก และนิสัยเราดูเข้ากันมากที่สุด
คะนิ้งจะเป็นพวกชอบเที่ยวหน่อยถึงแม้จะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนแต่ก็มีแอบคุยกับคนอื่นสนุกๆ ส่วนต้องตาจะเป็นคนเรียบร้อย พูดน้อยแต่ด่าทีเจ็บมาก
"เค้กมารับเราด้วยนะ" ต้องตาพูดแล้วยิ้มนิดๆ
เรามักจะรู้สึกไม่ดีกันเสมอเวลาที่ต้องพายัยนี่ไปร้านเหล้า เพราะยัยต้องตาน่าจะเหมาะกับการไปวัดมากกว่า
"ได้เลยค่าคนสวย เดี๋ยวจะไปรับยัยเตยก่อนแล้วไปรับแก" เพราะกลุ่มเรามีแค่เค้กกับคะนิ้งที่มีรถยนต์ใช้เราจึงมักจะอาศัยพวกมันตลอด
"อาจจะมีผู้ชายไปนั่งด้วย" คะนิ้งบอกกับพวกเราแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
"ใครอีก กิ๊กคนที่เท่าไหร่" ยัยเค้กถามออกไปแบบนั้น ซึ่งทุกคนรู้ดีว่ามันเป็นเรื่องปกติของยัยนิ้งอยู่แล้ว
ถึงจะมีแฟนแต่เรียนคนละมหาวิทยาลัยแถมยังอยู่ห่างกันมาก ยัยนี่เลยทำตัวเป็นคาสิโนวี่แอบคุยกับคนนั้นคนนี้เป็นเรื่องสนุกไปเลย
ซึ่งบอกตามตรงฉันไม่ค่อยชอบนิสัยข้อนี้ของมันเท่าไหร่เพราะฉันเกลียดการถูกหักหลังจากคนรักแบบนี้ แต่ก็ชินไปแล้วกับพฤติกรรมของมัน
"หนุ่มวิศวะค่ะ เดี๋ยวคืนนี้เจอ"
"ค่า อย่าไปหิ้วผัวคนอื่นมาแล้วได้พากันเตลิดเหมือนคราวที่แล้วนะ"
"ฮ่าๆ" พวกเราพากันขำออกมาเมื่อยัยเค้กพูดจบ เพราะเคยมีครั้งหนึ่งที่ยัยคะนิ้งมันหิ้วแฟนชาวบ้าวมากินเหล้าด้วย แล้วเมียเขาจับได้ วุ่นวายกันมากเพราะต้องพายัยคะนิ้งหลบไม่ให้โดนตบในร้าน
"เออ ฉันเช็ครอบคอบแล้ว คนนี้โสดแน่นอน"
@สถานบันเทิงชื่อดัง
ร้านนี้เป็นร้านดังของที่นี่เลย ไม่ว่าวันไหนคนก็แน่นร้านและต้องจองโต๊ะตั้งแต่ห้าโมงเย็นหรือไม่ก็ต้องจองข้ามวันหากเป็นวันหยุด
ที่คนเลือกร้านนี้เพราะมีเครื่องดื่มที่เป็นเอกลักษณ์ของร้าน เป็นสูตรที่ร้านอื่นไม่มีขาย
"เอาเหยือกใหญ่ค่ะ ขอแก้วหกแก้วนะคะ" ยัยคะนิ้งสั่งกับบริกรหนุ่มหล่อแล้วส่งยิ้มหวานให้อีก
"ทำไมต้องหกเหรอ" ต้องตาเป็นฝ่ายถามแทนความสงสัยของพวกเราทั้งหมด
"เดี๋ยวมีคนมานั่งด้วยไง"
ผ่านไปเกือบสามทุ่ม เครื่องดื่มของพวกเราหมดไปเหยือกหนึ่งแล้วแต่ก็ยังไม่เห็นหนุ่มๆของยัยคะนิ้งโผล่มา โดนหลอกกลับแล้วมั้งเพื่อนฉัน
"จะสามทุ่มแล้วไม่มาละมั้ง" เค้กเป็นคนถาม
"มาแล้วๆกำลังมา ช่วงนี้เขาทำโปรเจ็คคงยุ่ง" รู้ดีขนาดนี้แสดงว่ามันสืบมาจริงจัง
"ปีสี่เหรอ แกก็ยังกล้าชวนเขามาเนอะ ใครยุ่งกับเด็กปีสี่นี่เหมือนเป็นพวกมารเลยนะ" เค้กต่อว่าแล้วปรายตามองเพื่อนตัวเองที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
รู้สึกว่าวันนี้มันจะอาการหนักนะ ชักอยากเห็นหน้าแล้วสิว่าจะเป็นยังไง ทำไมดูตื่นเต้นขนาดนั้น
"พี่คิว!" แล้วยัยนั่นก็โบกมือให้ใครบางคนซึ่งอยู่ด้านหลังฉัน เลยต้องหันไปมองตามคงจะเป็นคนแอบคุยคนใหม่ของมันนั่นแหละ
"!!"
จังหวะที่ฉันหันไปมองก็สบตาเข้ากับผู้ชายที่กำลังเดินมาทางนี้พอดี เขาเองก็มองมาแต่ไม่ได้มีท่าทีตกใจเหมือนฉันแล้วยังยกมุมปากขึ้นด้วย ท่าทีแบบนั้นมัน...
ไม่จริงมั้ง ฉันเมาแล้วเหรอ
"เป็นอะไรยัยเตย" เค้กหันมาถามเมื่อฉันยกมือขึ้นมาตบหน้าตัวเองเบาๆ
"ปะ...เปล่า" ฉันตอบแล้วยกแก้วเล็กขึ้นดื่มกลบเกลื่อน
ตอนนี้หัวใจฉันเต้นแรงมาก ไม่ใช่ว่าฉันรู้สึกอะไรกับเขาหรอกนะ แต่เพราะความบังเอิญที่มันชักจะมากไปแบบนี้มันเลยทำให้ตื่นเต้นแปลกๆ
"พวกแกนี่พี่คิวแล้วก็พี่..." ยัยคะนิ้งแนะนำผู้ชายคนนั้นให้รู้จัก
'คิว' คือผู้ชายที่มีความสัมพันธ์กับฉันคืนนั้น ฉันก็เพิ่งจะรู้ชื่อเขาวันนี้เพราะคืนนั้นเราไม่ได้สนใจจะถามชื่อกันด้วยซ้ำ
"แม็คครับ" พี่ผู้ชายอีกคนแนะนำตัว
"หนูชื่อคะนิ้งนะคะ คนนี้เค้ก ต้องตาแล้วก็เตยหอม" ฉันยิ้มนิดๆโค้งหัวให้โดยที่ไม่ได้มองหน้าใคร หยิบแก้วที่ยัยเค้กเพิ่งเทให้มาดื่มต่อ
เอาวะ เมาไปซะจะได้จบๆไม่ต้องคิดมาก
อีกอย่างเขาก็คงไม่พูดเรื่องวันนั้นหรอก เขาก็ต้องกลัวยัยคะนิ้งรู้มั้ย เผลอๆอาจจะกลัวฉันพูดให้เพื่อนฟังด้วยซ้ำ
"เป็นอะไรของแก ยกถี่ไปแล้วนะ" เค้กหันมาถามฉันด้วยความสงสัยแต่ก็เทแก้วใหม่ให้
"ไม่มีอะไร อยากเมาจนหลับ" เป็นข้ออ้างที่ดูตลกจัง
"อกหักมาครึ่งปีแล้วยังไม่หายเหรอเตย" ยัยต้องตา!!
"คราวก่อนก็หนีมาเที่ยวคนเดียวเพราะแฟนเก่าส่งการ์ดแต่งงานมาให้ไม่ใช่เหรอ ฮ่าๆ" แล้วยัยคะนิ้งก็เสริมทัพทันที
"ก็ต้องมีบ้างมั้ย คบกันมาตั้งห้าปี" ฉันบอกกับพวกมันแล้วเล่นมือถืออย่างไม่ใส่ใจ
ตอนนี้อาการมันก็ดีขึ้นเรื่อยๆแล้วด้วย
"..." อยู่ๆไอ้พี่คิวนั่นมันก็ยิ้มขึ้นมาตอนที่ฉันเผลอมองไปพอดี
ยิ้มบ้าอะไร
"หาใหม่เถอะ"
"พี่แม็คโสดมั้ยคะ จีบเพื่อนนิ้งได้นะ" ยัยคะนิ้งหันไปบอกพี่เขาที่นั่งยิ้มฟังพวกเราอยู่
"พี่ไม่โสดครับ ไอ้คิวโสด" แล้วพี่แม็คก็บุ้ยหน้าไปทางพี่คิว
"พี่คิวไม่ได้ค่ะ คะนิ้งจองแล้ว" ยัยคะนิ้งรีบออกตัวทันที ขณะที่พี่พี่คิวก็เอาแต่นั่งยิ้มฟังพวกเรา
วันนั้นเห็นพูดมากกว่านี้นะ วันนี้เอาแต่นั่งนิ่งยิ้มอย่างเดียว
ดื่มไปซักพักฉันก็ขอตัวออกมาเข้าห้องน้ำ ไม่รู้ว่าทำไมมันรู้สึกอึดอัดแปลกๆ ทั้งที่ภาวนาไม่ให้เจอเขาแต่ดันมาเจอในฐานะคนแอบคุยของเพื่อนตัวเองอีก
นั่งสงบสติอารมณ์ในห้องน้ำซักพักฉันก็เดินออกมา ตอนนี้บรรยากาศข้างนอกกำลังได้ที่เลย ทุกคนคงเมากันหมดแล้วฉันเองก็ไม่ต่างกันนักหรอก
หมับ
"อ๊ะ" อยู่ๆแขนฉันก็ถูกกระชากเข้าไปตรงมุมกำแพงที่เชื่อมต่อไปยังห้องน้ำด้วยมือของผู้ชายคนหนึ่ง กำลังจะร้องออกมาก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นใบหน้าของเขา "พะ...พี่คิว"
"ไง"
"มีอะไรกับเตย" ฉันบิดข้อมือออกจากมือของเขาแล้วขยับออกห่างเพราะกลัวใครจะมาเห็นเข้าโดยเฉพาะยัยคะนิ้ง
"เมายัง" เขาถามแล้วกอดอกมอง
"นิดหน่อย"
"เหมือนฉันจะลืมของไว้ที่ห้องเธอ เจอบ้างมั้ย"
"ค่ะ" ฉันตอบสั้นๆ เพราะฉันเก็บมันไว้จริงๆแต่ไม่รู้จะเอาคืนเขายังไง
"อืม เดี๋ยวไปเอา" พูดจบเขาก็เหยียดยิ้มแล้วเดินหนีไปเลย ปล่อยฉันยืนสับสนอยู่ตรงนั้น
เดี๋ยวไปเอา...
ทำไมคำนี้มันทำให้ฉันรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเลย หรือฉันแค่คิดฟุ้งซ่านไปเอง