3. จำใจไปด้วย
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน..เขาพูดรัวเร็วจนฉันฟังไม่รู้เรื่อง แต่พอจะเดาออกว่าเขามารับฉัน แต่ฉันไม่ค่อยไว้ใจเท่าไหร่”
“งั้นให้ฉันคุยกับเขาหน่อย”
ดุจเดือน บอก บุญญิสา จึงส่งโทรศัพท์ให้กับคนที่มารับ
“คุณ!..เพื่อนฉันอยากจะคุยด้วย”
บุญญิสา บอก เขายื่นมือมารับอย่างงง ๆ แต่พอเห็นบุญญิสา ออกท่าทางประกอบให้เขาพูด ฝ่ายนั้นจึงเข้าใจ แสดงว่าภาษาอังกฤษที่บอกไปไม่ได้ผลเท่ากับภาษามือ
“ครับ..ผมออกัสครับ..ได้รับมอบหมายจากพอลให้มารับคุณบุญญิสาที่สนามบิน”
เขาบอกแก่ดุจเดือน แต่หลังจากนั้น บุญญิสาก็แปลไม่ออกอีกเลย เพราะเขาพูดรัวเป็นชุดเร็วมาก จนเธอเดาไม่ออก
กระทั่ง เขาหยุดพูดแล้วยื่นมือถือส่งให้บุญญิสาคุยต่อนั่นเองเธอจึงหายมึนหัว
“ว่าไงยัยเดือน อีตาฝรั่งที่มารับฉันนี่เป็นใคร แล้วไว้ใจได้หรือเปล่า”
บุญญิสา รีบถามทันที ส่วนอีตาฝรั่งที่เธอพูดถึงนั้น หันมามองเธอด้วยสายตาคล้ายจะดุที่เธอพูดถึงเขา
“ก็น่าจะไว้ใจได้นะ..เขาชื่อ ออกัส เขาบอกว่าทำงานที่เดียวกับโจ แล้วก็พอลด้วย แต่พอดีพอล ติดธุระสำคัญจึงมาไม่ได้ ให้คุณออกัสมาแทน ยังไงเธอก็ไปกับเขาก็แล้วกัน เดี๋ยวก็คงจะไปส่งเธอให้กับพอลเองน่ะแหละ” ดุจเดือนบอกเพื่อน
“แหม..พูดเหมือนฉันเป็นสินค้าเลยนะยะ ต้องส่งให้คนนั้นคนนี้ แล้วอีตา ออกัสออแกน นี่เธอรู้จักเขาด้วยหรือเปล่า”
“ฉันยังไม่เคยเห็นเขาหรอก แต่โจ เคยบอกว่าเป็นลูกชายเจ้านายของโจกับพอลเชียวนะแก..เจ้านายของโจ รวยมาก มีบริษัทอยู่ที่ออสเตรเลีย แล้วก็มีบริษัทในเครืออยู่ที่เวลลิงตัน ด้วย เพราะฉะนั้นไว้ใจได้ เขาไม่มีอันตรายสำหรับแกแน่นอน”
“แค่รู้ว่าเขาเป็นลูกคนรวยแล้วไว้ใจว่าเขาจะไม่ทำอะไรฉันงั้นหรือยะ..ถ้าเกิดอีตานี่ พาฉันไปทำมิดีมิร้ายขึ้นมาล่ะ”
บุญญิสา อดระแวงไม่ได้ แต่เธอไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้าของคนที่พูดถึง ที่หน้าบึ้งตึงขึ้นทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้น
“อุ๊ย.อายุปูนนี้แล้ว ยังกลัวจะโดนข่มขืนหรือยะ เท่าที่ฉันทราบจากโจ มา ออกัส เพิ่งจะเข้ามาทำงานได้ไม่กี่เดือนอายุเขายี่สิบสี่หรือยี่สิบห้าปีนี่แหละ ยังหนุ่มยังแน่นคงไม่คิดพิเรนปล้ำสาวแก่วัยใกล้จะสามสิบอย่างแกหรอก เขาคงไม่เอาอนาคตอันสดใส มาให้ดับวูบเพราะแกหรอกย่ะ”
ดุจเดือน หยอกเย้ากลับมา
“ถามนิดเดียวตอบซะยาวเลยนะยะ..ตกลงเธอจะให้ฉันไปกับเขาใช่ไหม”
บุญญิสา ถามด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยเต็มใจ
“ก็คงต้องเป็นแบบนั้นแหละ เดี๋ยวฉันจะโทรหาพอลอีกที ไม่ต้องกลัวนะ”
“ทำไมเธอใจร้ายกับเพื่อนแบบนี้ แทนที่จะมารับฉันต้องยกให้เป็นหน้าที่ของพอลไปได้” เธออดต่อว่าเพื่อนไม่ได้
“โธ่..โบว์จ๋า..ฉันหวังดีนะ อยากจะให้เธอได้ทำความสนิทสนมกับพอล”
“เธอมารับฉันที่นี่ไม่ได้เหรอ” บุญญิสา ทำเสียงออดอ้อน
“ตอนนี้ฉันอยู่โอ๊คแลนด์ด้านเกาะเหนือของนิวซีแลนด์นะจ๊ะ ส่วนเมืองไครส์เชิร์ช ที่เธออยู่มันอยู่เกาะใต้นะเพื่อนรัก ถ้าฉันเหาะได้จะเหาะไปหาเธอตอนนี้เลยล่ะ”
“แล้วทำไมหล่อนไม่ให้ฉันนั่งเครื่องไปลงที่โอ๊คแลนด์ล่ะยะ ให้มาทำบ้าอะไรที่ ไครส์เชิร์ช นี่ล่ะ”
“ก็พอลเขาไปทำงานที่นั่นพอดีน่ะสิจ๊ะ..ก็เลยให้เขาแวะรับแกซะเลย”
“แล้วไหนล่ะพอล..”
“เถอะน่าเพื่อนจ๋า..พอล เขาส่ง ออกัส มารับแทนก็ไม่เห็นจะเป็นไรนี่จ๊ะ เดี๋ยวก็เจอพอลแล้วล่ะ พอล ก็จะเป็นคนขับรถพาเธอเที่ยวตามที่ต่าง ๆ จนมาถึงเมืองโอ๊คแลนด์ที่ฉันอยู่ไงจ๊ะ..รับรองเธอจะต้องได้เที่ยวสนุกแน่นอน แล้วฉันจะรอต้อนรับเธออยู่ที่นี่นะจ๊ะ..จะพาเดินจตุจักรเมืองโอ๊คแลนด์ ด้วยล่ะ”
ดุจเดือน พูดเสียงอ่อนหวานปลอบใจเพื่อน ทั้งที่ดุจเดือนเอง ก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่ พอลลาร์ด ไม่ได้ไปรับ บุญญิสาอย่างที่รับปากเอาไว้ เธอคงจะต้องรีบโทรไปถามเขาหลังจากวางสายจากบุญญิสาแล้ว แต่ตอนนี้ต้องพูดให้เพื่อนสบายใจไว้ก่อน
“เป็นอันว่าฉันต้องไปกับอีตาออกัส นี่ก่อนใช่ไหม” บุญญิสา ถามอย่างปลง ๆ
“ถูกต้องจ๊ะ..แล้วเจอกันที่โอ๊คแลนด์นะจ๊ะโบว์เพื่อนเลิฟ”
บุญญิสา วางสายอย่างเซ็ง ๆ ก่อนจะเดินคอตกตามชายหนุ่มรูปงามที่เธอไม่ค่อยจะชอบหน้าสักเท่าไหร่ไปอย่างจำใจ
...........................................
ดุจเดือนรู้สึกไม่สบายใจที่ พอลลาร์ด ไม่ยอมรับสาย เธอจึงกระหน่ำโทรหาเขาแทบทุกสิบห้านาที จนสุดท้ายก็มีคนรับสาย
“พอล!..ทำไมคุณไม่ไปรับโบว์ ด้วยตัวเองที่สนามบิน รู้ไหมว่าเพื่อนฉันเสียความรู้สึกแค่ไหน ฉันเองก็เสียใจมากที่คุณไม่รักษาคำพูดแบบนี้ แล้วคุณส่งออกัสไปรับแทนใช่ไหม”
ดุจเดือน ต่อว่าเจ้าของเครื่องเป็นชุด ก่อนจะถามให้แน่ใจในตอนท้าย ทางโน้นเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเหมือนกลัวว่าใครจะได้ยินด้วย
“คุณเดือน ผมขอโทษ ผมมีความจำเป็นจริง ๆ”
“จำเป็นอะไรคะ ไหนคุณบอกว่าเคลีร์งานทุกอย่างจบแล้วก่อนที่จะลาพักหนึ่งเดือน แล้ว ออกัส ทำไมถึงบอกว่าคุณติดธุระได้ ในเมื่อคุณก็รู้อยู่แล้วว่าธุระที่สำคัญวันนี้ก็คือไปรับโบว์ เพื่อนฉัน ที่สนามบิน”
“ผมรู้ครับ..แต่มันเกิดปัญหาขึ้นนิดหน่อย”
“ปัญหาอะไรคะ..”
“เอ้อ..เอาไว้ผมจะคุยให้ฟังวันหลังได้ไหมครับ แต่ตอนนี้ผมยังไม่สะดวกที่จะพูด”
“ก็ได้ค่ะ..เอาเป็นว่าฉันจะไม่ติดใจในเรื่องนี้ก็แล้วกัน รอให้ออกัส พาโบว์มาหาคุณ แล้วคุณก็บอกกับเธอให้เข้าใจก็แล้วกัน ฉันหวังว่าคุณคงจะทำให้เพื่อนของฉันสบายใจ และยอมไปเที่ยวกับคุณอย่างมีความสุขนะคะ”
ดุจเดือน คิดว่าถึงอย่างไร เขาก็ส่ง ออกัส ไปรับเพื่อนเธอแล้ว ก็ไม่ควรที่จะโมโหเขา บางทีเขาอาจจะมีปัญหาบางอย่างที่สำคัญก็ได้
“ครับ..”
“พอล..คุณมีอะไรปิดบังฉันหรือเปล่าคะ” ดุจเดือนลองถามดู
“ปละ..เปล่า..ไม่มี เออ..คุณเดือนครับ..ช่วงหนึ่งเดือนนี้คุณอาจจะติดต่อผมไม่ได้นะ แต่ยังไงผมจะโทรหาคุณเอง”
“ทำไมฉันถึงจะติดต่อคุณไม่ได้คะ คุณมีปัญหาอะไร”
ดุจเดือนชักจะงงกับคำพูดของพอลลาร์ด แค่เพียงไม่กี่วันที่คุยกันดูเหมือนพอลลาร์ดจะเปลี่ยนไปมากจนเธอไม่เข้าใจ ปกติพอลลาร์ดจะต้องคุยเล่นกับเธอมากกว่านี้ ไม่ใช่พูดอะไรกำกวมอึกอักเช่นนี้เห็นทีเธอจะต้องสอบถามเอาจากโจเซฟ เสียแล้ว
“ผมจะบอกคุณเมื่อผมพร้อม แต่คุณไม่ต้องห่วงนะครับครบหนึ่งเดือนเมื่อไหร่โบว์ก็จะไปหาคุณที่โอ๊คแลนด์แน่นอน”
“โอ.เค.ถ้าคุณรับรองแบบนี้ฉันก็สบายใจ มีปัญหาอะไรก็โทรมาบอกฉันหรือโจก็ได้นะคะ”
“ครับ..แค่นี้ก่อนนะบ๊ายบาย”
พอลลาร์ด เป็นฝ่ายขอวางสายไปก่อน
