บทที่ 7 ค้างด้วยกันไหม【1】
“มีอะไรหรือเปล่าคะคุณกวี ตะโกนเรียกซะเสียงดังเชียว” หลังวิ่งหน้าตั้งมาหาพระเอกหนุ่มที่หน้าฉากแล้ว ใบแก้วก็เอ่ยถามอีกฝ่ายด้วยความงุนงง เนื่องจากเธอไม่รู้จริง ๆ ว่าคุณกวีไม่พอใจเธอเรื่องอะไร
“ไปยืนคุยกับคนแปลกหน้าทำไม เธอมาทำงานนะ” คุณกวีบอกด้วยน้ำเสียงติเตียน ทำเอาใบแก้วที่ได้ยินถึงกับหน้างอ ไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงกลายเป็นความผิดของเธอไปได้ ในเมื่อคุณศรันเป็นฝ่ายเดินเข้ามาทำความรู้จักกับเธอเองด้วยซ้ำ
“แก้วไม่ได้เข้าไปคุยกับเขาก่อนนะคะ แต่เขาเดินเข้ามาคุยกับแก้วเอง เพราะไม่คุ้นหน้า” หลังอธิบายให้คุณกวีเข้าใจแล้ว สีหน้าของคุณกวีก็ดูดีขึ้นกว่าตอนแรกที่จ้องจะแยกเขี้ยวใส่ใบแก้วอยู่ตลอดเวลา
“ถ้าไม่ใช่เรื่องงาน เธอก็ไม่ต้องไปคุยกับเขา” คุณกวีพูด
“ได้ค่ะ แก้วจะพยายาม” ใบแก้วพยักหน้าตอบกลับไปก่อนจะพูดต่อ เมื่อเธอเพิ่งนึกอะไรบางอย่างได้ “ลืมบอกไปเลย...พี่แววที่เป็นคนของช่องเราบอกให้คุณกวีเดินไปให้สัมภาษณ์กับทางทีมงานด้วยนะคะ เดี๋ยวเขาจะเอาไปโปรโมตละคร”
“อืม เดี๋ยวฉันเดินไป” คุณกวีพยักหน้ารับ พอดีกับที่ใบแก้วได้ยินเสียงพระเอกหนุ่มกระแอมคล้ายกำลังคอแห้ง เธอจึงวิ่งไปหยิบน้ำเปล่า ๆ เย็นมาให้
“น้ำค่ะ” พูดจบ ใบแก้วก็ยื่นน้ำเปล่าให้พระเอกหนุ่ม ซึ่งคุณกวีก็ยื่นมือมารับไปแต่โดยดี
“ขอบใจ” อีกฝ่ายว่า เมื่อพระเอกหนุ่มดื่มน้ำเรียบร้อยแล้ว เจ้าตัวก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเพื่อเตรียมตัวออกไปให้สัมภาษณ์ระหว่างที่รอถ่ายซีนถัดไป โดยตลอดทั้งวันนี้ตั้งแต่เช้าจนถึงดึกคุณกวีต้องรออยู่ในกองถ่ายจนกว่าจะถึงซีนของเจ้าตัว
“คุณแววเขาบอกให้เดินไปตรงไหน” คุณกวีหันมาถามใบแก้ว
“ทางนี้ค่ะ เดี๋ยวคุณกวีตามแก้วมานะคะ” ว่าจบ ใบแก้วก็ถือวิสาสะเดินนำพระเอกหนุ่มแล้วให้อีกฝ่ายเป็นคนเดินตามตัวเองแทน
วันนี้ใบแก้วไม่ได้ออกแรงอะไรมากนัก หน้าที่หลัก ๆ ของเธอคือต้องคอยปรนนิบัติ จัดหาน้ำดื่มและอาหารให้พระเอกหนุ่ม แต่เพราะต้องอยู่ที่นี่ตลอดทั้งวัน จึงทำให้ใบแก้วรู้สึกเหนื่อยล้าอย่างบอกไม่ถูก กว่าคุณกวีจะถ่ายซีนของตัวเองเสร็จ เธอก็เริ่มเกิดอาการตาปรือตามประสาคนที่ตื่นเช้าและไม่ได้ดื่มกาแฟมา
“ไหวหรือเปล่า?” คุณกวีที่สังเกตเห็นท่าทีของใบแก้วเอ่ยถามขึ้นเมื่อถึงเวลากลับบ้าน
“ไหวค่ะ ไหว” ใบแก้วว่าพร้อมส่งยิ้มตาหยีให้พระเอกหนุ่ม เพื่อยืนยันว่าตัวเองยังไหวอยู่
“โอเค งั้นเรากลับกันเถอะ” อีกฝ่ายพูดพลางพยักหน้าตอบกลับมา ทั้งที่ตัวเองก็มีท่าทีอิดโรยไม่ต่างจากเธอ เพราะอีกฝ่ายต้องใช้พลังงานในการแสดงอยู่พอสมควร
เมื่อเดินมาถึงรถตู้ส่วนตัวของพระเอกหนุ่มที่มีคนขับติดเครื่องยนต์คอยอยู่ก่อนแล้ว คุณกวีก็ให้ใบแก้วขึ้นไปนั่งก่อน ระหว่างที่กำลังทิ้งตัวนั่งลงบนเบาะ ใบแก้วก็ส่งเสียงร้องออกมาเบา ๆ เหมือนคนแก่ยามที่กำลังปวดเมื่อยตัว จนคนที่ตามขึ้นมาทีหลังพูดขึ้นอย่างอดไม่ได้ว่า
“เธอเพิ่งพ้นยี่สิบมาหมาด ๆ เองนะใบแก้ว ส่งเสียงเหมือนคนแก่ไปได้”
“อ้าว ก็คนมันปวดเมื่อยนี่คะ” ใบแก้วว่า คราวนี้คุณกวีไม่ได้ตอบอะไรกลับมา แต่อีกฝ่ายเลือกที่จะส่ายหน้าอย่างระอาให้ใบแก้วแทน
“กลับคอนโดเลยไหมครับ หรือจะให้ผมพาไปแวะที่ไหนก่อน” ลุงคนขับถามขึ้น เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว
“เดี๋ยวลุงพาพวกเรากลับคอนโดเลยครับ” คุณกวีเป็นฝ่ายให้คำตอบ ขณะที่ใบแก้วทำเพียงหลับตานิ่ง ๆ เท่านั้น พอใบหน้าปะทะกับแอร์เย็น ๆ เข้า เปลือกตาของเธอก็เริ่มหนักอึ้งมากขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดหญิงสาวก็ผล็อยหลับไปแบบไม่รู้ตัว
ใบแก้วไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเผลอหลับไปนานแค่ไหน และนานเท่าไรแล้วที่ศีรษะของเธอเอนไปพิงกับลาดไหล่หนาของคุณกวี
“แก้ว...”
“...”
“ใบแก้ว ถึงคอนโดฉันแล้วนะ” คุณกวีส่งเสียงปลุกอีกครั้ง จนกระทั่งใบแก้วค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา
“ถึงแล้วเหรอคะ” หญิงสาวถามพระเอกหนุ่มเสียงงัวเงียตามประสาคนเพิ่งตื่นนอน
“ใช่ ถึงแล้วและเธอก็นอนน้ำลายยืดเปื้อนเสื้อฉันด้วย”
“อุ๊ย!” พอได้ยินคุณกวีพูดแบบนั้น ใบแก้วก็ส่งเสียงร้องออกมา
เบา ๆ ก่อนจะหัวเราะแห้ง ๆ ให้อีกฝ่าย เมื่อสายตาของเธอเหลือบไปเห็น
คราบน้ำลายวงใหญ่โชว์เด่นหราอยู่บนเสื้อราคาแพงของพระเอกหนุ่ม
“เดี๋ยวแก้วเอาไปซักให้นะคะ ขอโทษด้วยค่ะ” ใบแก้วรีบขอโทษขอโพยอีกฝ่ายกลับไป เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะเผลอนอนอ้าปากจนน้ำลายหกแบบนี้
“ช่างมัน เอาไปซักก็คงหายแหละ” คุณกวีบอกเหมือนมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนัก จากนั้นอีกฝ่ายก็ออกคำสั่งกับใบแก้วต่อ “เดี๋ยวเธอช่วยยกของขึ้นไปไว้บนห้องให้ฉันด้วย พอเอาของขึ้นไปเก็บเสร็จแล้วเธอก็กลับไปพักผ่อนได้”
