หวามรักจอมใจคนเถื่อน

44.0K · จบแล้ว
ไอริส
22
บท
46.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

“อ่านซะ นี่คือคำถามสำหรับการสัมภาษณ์งานในวันนี้”พีรดารับกระดาษแผ่นบางมากวาดสายตามอง ทว่า...แค่เพียงเห็นตัวหนังสือที่เขียนยึกยืออยู่บนกระดาษ ก็อดเหน็บแนมอีกฝ่ายไม่ได้“แน่ใจหรือคะว่านี่คือตัวหนังสือ”“ก็ตัวหนังสือ!” อัคคีตอบเสียงห้วน หน้าตึงกับคำเหน็บของพีรดาพีรดาพยักหน้าหงึกๆ เอ่ยตอบให้อัคคีต้องโมโหอีกรอบ “อ๋อ...ไม่บอกไม่รู้นะเนี่ย ตอนแรกนึกว่าลายมือไก่เขี่ยซะอีก”“ฬานา” อัคคีเรียกเสียงดัง ก่อนจะออกคำสั่งต่อ “อ่าน! แล้วก็ตอบคำถามตามที่ผมเขียน”“ก็ได้ค่ะ”พีรดารับคำ แต่พอเห็นคำถามที่เขียนขึ้นเป็นข้อๆ ก็ถึงกับหน้าแดงซ่านด้วยความอายระคนโมโห จากนั้นก็ทิ้งกระดาษลงบนโต๊ะ แล้วเอ่ยบอกเสียงดังว่า“ฉันไม่ตอบคำถามบ้าๆ ของคุณ”อัคคียักไหล่เอ่ยตอบอย่างไม่แคร์ว่า “ก็แล้วแต่คุณ...คุณอยากได้งานทำไม่ใช่หรือ ถ้าไม่ตอบคำถามพวกนี้ ก็เชิญกลับไปได้เลย ผมไม่ง้อ! ว่ายังไง ฬานา จะตอบคำถามของผมไหม”“คำถามที่คุณถามไม่เห็นเกี่ยวกับงานเลย ทำไมไม่ถามว่าฉันเรียนจบสัตวแพทย์เมื่อไร หรือเคยทำงานในโรงพยาบาลสัตว์ที่ไหนบ้าง”“ผมไม่ได้อยากรู้เรื่องเหล่านั้น ผมรู้ว่าคุณจบสัตวแพทย์มา ไม่ยังงั้นคุณคงไม่มาสมัครงานที่นี่ แล้วผมจะถามให้เสียเวลาไปทำไม สิ่งที่ผมอยากรู้คือคำถามที่ผม ‘เขี่ย’ อยู่บนกระดาษใบนั้นนั่นแหละ”“ก็ได้ ฉันจะตอบคำถามบ้าๆ ของคุณ”พีรดายอมตกลงในที่สุด สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ข่มความอายไว้ในใจ ก่อนจะอ่านคำถามแรกว่า...“คุณมีผัวหรือยัง!!!”

นิยายรักโรแมนติกโรแมนติก

บทที่ 1

“ฟาร์มของนายไฟ”

อัคคี แฝดเล็กของตระกูลวัจนากาญจ์ เอ่ยพึมพำอ่านป้ายชื่อไร่ของตนด้วยความภาคภูมิใจ เพราะว่าเขาอยากมีฟาร์มเลี้ยงม้าเป็นของตัวเองมานานแล้ว

ก่อนจะไปเรียนต่อปริญญาโทในประเทศสหรัฐอเมริกา เขาตั้งใจว่าจะเอาปริญญาโทมาฝากบิดามารดา และจะขอที่ดินจากบิดาสักสี่-ห้าไร่ เพื่อเลี้ยงม้าที่ท้ายไร่

แต่เมื่อหมอประวิทย์ หรือที่อัคคีเรียกว่าลุงหมอ ซึ่งเป็นเพื่อนรักของบิดา ได้ประกาศขายฟาร์มเลี้ยงม้า เพราะมีปัญหาด้านสุขภาพ ไม่สามารถดูแลม้าที่มีเกือบห้าสิบตัวได้อีกต่อไป จึงตัดสินใจขายฟาร์มพร้อมกับเจ้าอาชาไนยทั้งหมด เขาจึงรีบขอซื้อฟาร์มของลุงหมอในทันที

“นายมีฟาร์มเป็นของตัวเองแล้ว ไอ้ไฟ”

อัคคีบอกกับตัวเองพร้อมด้วยรอยยิ้มกว้าง ยืนมองคนงานสองสามคนที่เขายืมตัวมาจากไร่ธิปรกของผู้เป็นบิดาให้มาช่วยงานในฟาร์มของเขาก่อน ระหว่างเขาประกาศรับสมัครคนงานใหม่

แต่...มีคนงานสองคน ที่อาสามาช่วยงานใน ‘ฟาร์มของนายไฟ’ มาทุกวันตั้งแต่ไก่ไม่ทันขัน ไล่ให้กลับไร่ธิปรกก็ไม่กลับ นั่นก็คือสองทหารเสือสุดแสบ ‘ลุงสน’ กับ ‘ลุงชาญ’ นั่นเอง

และขณะอัคคีกำลังยืนมองคนงานช่วยกันขุดหลุม เพื่อปักเสาหลักขนาดใหญ่สองด้าน ก่อนจะแขวนป้ายชื่อฟาร์ม ซึ่งทำจากไม้สักแผ่นใหญ่ สลักชื่อด้วยตัวอักษรสีทองงดงาม ก็มีลุงสนและลุงชาญคอยยืนดูอยู่ใกล้ๆ ด้วย

“ขุดหลุมให้ลึกหน่อย แล้วก็โบกปูนทับบนหลุมด้วย เวลาลมพัดแรง ต้นเสาจะได้ไม่ล้มลง”

อัคคีเอ่ยบอกคนงาน และไม่ได้เอ่ยบอกปากเปล่าเท่านั้น ทว่า...เขาได้ลงมือช่วยคนงานทำงานทุกขั้นตอนจนเหงื่อท่วมตัว ผิดกับสองลุงที่นั่งไขว่ห้างสูบบุหรี่คอยสั่งการไม่มีหยุด

“ใช่ๆ ต้องขุดหลุมให้ลึกๆ โปกปูนให้แน่นหนาเหมือนที่คุณไฟบอก”

ลุงชาญเอ่ยสำทับชี้นิ้วไปยังหลุมลึกที่อัคคีและคนงานกำลังช่วยกันขุดอยู่

และลุงสนก็ทำหน้าที่เป็นผู้คุมงาน เอ่ยสั่งคนงานต่อจากเพื่อนรัก “พวกมึงลงจอบให้หนักเหมือนคุณไฟสิ พากันขุดเหยาะแหยะอย่างกับคนไม่ได้กินข้าวเช้า เมื่อไรจะเสร็จสักที”

ได้ยินคำสั่งของสองลุงที่ตะโกนสั่งแทบตลอดเวลา อัคคีก็กลอกตาขึ้นบนด้วยความขบขำระคนโมโหคนที่เอาแต่สั่ง ชายหนุ่มหยุดขุดดินถือด้ามจอบค้างไว้ ก่อนจะตะโกนถามลุงๆ สุดแสบทั้งสอง

“นี่ ลุงสน ลุงชาญ ไม่คิดจะช่วยกันทำงานเลยหรือครับ นั่งสูบบุหรี่ทำลายปอดตัวเองอยู่ได้”

“คนงานเยอะแล้ว ลุงไปช่วยจะเกะกะซะเปล่าๆ” ลุงสนโบกมือว่อนให้เหตุผลที่ฟังดูดีซะเหลือเกิน

“แล้วลุงชาญละ ไม่มาช่วยขุดหลุมหน่อยหรือ ได้ข่าวว่าลุงแรงเยอะกว่าใครเพื่อนไม่ใช่หรือครับ”

อัคคีแสร้งเอ่ยถามลุงชาญบ้าง และรู้ดีว่าคงได้คำตอบที่ไม่ต่างจากลุงสนสักเท่าไร และก็เป็นจริงเหมือนดั่งที่คิดไว้ไม่มีผิด เมื่อลุงชาญเอ่ยตอบหน้าตายว่า

“วันนี้ลุงขี้เกียจผิดปกติ เลยไม่ค่อยอยากจับจอบจับเสียมสักเท่าไร เอาไว้วันพรุ่งนี้ลุงจะช่วยคุณไฟขุดหลุมนะครับ”

อัคคีหมั่นไส้ลุงๆ ทั้งสองสุดกำลัง ที่ช่างสรรหาเหตุผลร้อยแปดพันเก้ามาเอ่ยตอบ จึงทิ้งจอบลงกับพื้นดิน แล้วเดินดุ่มๆ เข้าใส่ลุงทั้งสอง พร้อมกับเอ่ยขู่ฟ่อด้วย

“รีบๆ มาทำงานเลยลุง ไม่ยังงั้นจะส่งกลับให้ไปทำงานกับพ่อเลี้ยงที่ไร่ธิปรกนะครับ”

“โอ๊ยย ไม่ไปครับ ลุงเบื่อทำงานกับพ่อเลี้ยงแล้ว”

ลุงชาญร้องโวยวาย จนอัคคีต้องเอ่ยถามด้วยความสงสัยระคนสัพยอกในคราวเดียวกัน

“ทำไมไม่อยากทำงานกับพ่อเลี้ยงล่ะครับ พ่อเลี้ยงใจดีจะตาย เดือนไหนพวกลุงๆ มีเงินไม่พอใช้ก็ไปยืมพ่อเลี้ยง...พ่อเลี้ยงก็ให้ยืมโดยไม่คิดดอก แถมยังได้เงินต้นคืนบ้างไม่ได้บ้าง เห็นไหมครับว่าพ่อเลี้ยงใจดีที่สุด”

“อันนี้ไม่เถียงครับ”

ลุงสนพยักหน้าหงึกๆ กับคำพูดของอัคคี ซึ่งล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น ก่อนจะเอ่ยบอกถึงเหตุผลสำคัญ ที่ทำให้ตนกับเพื่อนรักอยากทำงานอยู่ใน ‘ฟาร์มของนายไฟ’ มาก

กว่า

“พ่อเลี้ยงใจดีทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องกินเหล้า พ่อเลี้ยงไม่เลี้ยงเหล้าพวกเราเหมือนคุณไฟครับ”

“ใช่ๆ ทำงานอยู่ในฟาร์มของคุณไฟ พวกเราได้ก๊งเหล้าทุกวันเลย”

ลุงชาญเอ่ยสนับสนุนคำพูดของคู่หู และขณะเอ่ยพูดก็ไม่ลืมเช็ดปากของตนเองด้วยความเปรี้ยวปากอยากกินเหล้าแล้ว

อัคคีกลอกตากับเหตุผลสำคัญของพวกลุงๆ “ผมไม่ได้อยากเลี้ยงเหล้าเลย พวกลุงนั่นแหละชวนผมตั้งวง นี่ผมดื่มกับพวกลุงจนจะกลายเป็นตับแข็งแล้ว”

แทนที่จะสำนึกกับคำบ่นของอัคคี ลุงๆ ทั้งสองกลับยิ้มร่า เอ่ยแก้ตัวหน้าตาย

“เราไม่ได้กินเหล้าเยอะสักหน่อย กินแค่นิดๆ หน่อยๆ พอหอมปากหอมคอให้เป็นกระษัยเท่านั้นเอง”

ลุงสนแก้ต่าง และลุงชาญก็ฉีกยิ้มกว้างจนแทบเห็นฟันหน้าทั้งหมด เอ่ยบอกต่อจากเพื่อนรักว่า

“ใช่ๆ เรากินแค่พอหอมปากหอมคอ กรึ๊บเหล้าไปแล้วทำให้มีแรง ลิ้นรับรู้รสชาติได้ดีขึ้น กินข้าวได้อร๊อย อร่อย”

“โอ๊ยย...พอแล้วลุง เหตุผลแต่ละคน ฟังแล้วน่าปวดหัวชะมัด”

อัคคีโบกมือว่อน ทั้งขำทั้งโมโหลุงสุดแสบทั้งสอง ยอมรับว่าเขาไม่เคยหาเหตุผลมาโต้แย้งลุงๆ ได้ชนะสักที และด้วยรู้จุดอ่อนของลุงทั้งสอง ชายหนุ่มจึงขู่ฟ่อว่า

“ไปทำงานได้แล้วลุงสน ลุงชาญ ถ้าปักป้ายแขวนชื่อฟาร์มไม่เสร็จภายในวันนี้ ผมจะงดเลี้ยงเหล้าพวกลุงเป็นเวลาเจ็ดวัน!”

“เฮ้ย!!! ไม่ดีมั้งคุณไฟ” ลุงชาญร้องประท้วง

“ใช่ ไม่ดีเอามากๆ เลยครับ” อีกหนึ่งเสียงจากลุงสนที่ร้องประท้วงไม่แพ้กัน

และอัคคีก็ขู่ซ้ำอีกรอบ “ดีมากๆ เลยครับ ถ้างานไม่เสร็จก็ไม่ต้องก๊งเหล้า เอาตามนี้นะครับ”

“เสร็จครับ ยังไงก็ต้องเสร็จวันนี้ครับ” ลุงชาญรีบเอ่ยบอก ก่อนจะวิ่งตามอัคคีไปทำงาน

“รอลุงสนด้วย ลุงสนมาช่วยแล้วครับ อีกไม่เกินหนึ่งชั่วโมงงานต้องเสร็จเรียบ

ร้อยครับ”

อัคคีหัวเราะเบาๆ พร้อมกับส่ายหน้าให้กับความแสบของลุงทั้งสอง ซึ่งเป็นตัวป่วนของไร่ธิปรกร่วมทั้งฟาร์มของเขาด้วย

แต่ไม่ว่าจะป่วนมากเพียงใด ทั้งลุงสนและลุงชาญก็จงรักภักดีอยู่เสมอ เพราะทำ

งานให้กับบิดาของเขามาตั้งแต่เริ่มเป็นหนุ่มแล้ว กระทั่งตอนนี้อายุล่วงเข้าจะห้าสิบปี แต่ลุงๆ ก็ยังคงทำงานอยู่ในไร่ธิปรกโดยไม่คิดย้ายหนีไปไหน

“ทำงานครับ ทำงาน เดี๋ยวเย็นนี้จัดชุดใหญ่ไฟกะพริบให้เลยครับ”

อัคคีเอ่ยล่อ ทำเอาลุงทั้งสองเบิกตาโตเท่าไข่ห่าน

“ชุดใหญ่ไฟกะพริบ” ลุงสนอ้าปากกว้างขณะทำตาโต

“รีบเลย ไอ้สน กูอยากกินเหล้าแล้ว”

ลุงชาญแย่งจอบมาจากคนงานแล้วยัดใส่มือเพื่อนรัก โดยไม่ลืมแย่งจอบมาจากอัคคีด้วย

อัคคียืนเท้าสะเอวหัวเราะร่วน ขณะมองลุงทั้งสองช่วยคนงานทำงานอย่างขยันขันแข็ง ไม่ต้องให้เขาบ่นอีกต่อไป