บทที่ 4 บังเอิญ
วันเสาร์
คอนโดแพรวา
หญิงสาวตื่นขึ้นมาในช่วงสายๆ วันหยุดทั้งทีจึงขอนอนให้เต็มที่หน่อย เธอลุกขึ้นนั่งบิดกายอย่างเกียจคร้าน ผมยาวสลวยสีแดงยุ่งฟูเล็กน้อย ใบหน้ากระจ่างใสเซ็กซี่ชวนมองยังคงง่วงงุน เธอขยี้ตาเบาๆ ก่อนจะลุกออกจากเตียง
หญิงสาวสวมเพียงเสื้อเชิ้ตผ้าแพรเย็นสบายสีม่วง ช่วงล่างมีเพียงแพนตี้สีขาวโอบอุ้มสะโพกกลมมน แพรวาเดินเข้าครัวชงกาแฟและทอดไข่ดาวแฮมไส้กรอกง่ายๆ ทุกครั้งที่ขยับตัว ก้มๆ เงยๆ กางเกงในสีสะอาดมักโผล่วับๆ แวมๆ เย้ายวนสายตา โชคดีที่เธออยู่เพียงลำพัง
หลังจากไข่สุกได้ที่ก็ตักใส่จาน เธอยกจานมานั่งขัดสมาธิบนโซฟากลางห้องนั่งเล่น หยิบมือถือไล่เปิดอ่านอัปเดตข่าวสารพลางใช้ส้อมจิ้มไส้กรอกเข้าปาก
ครืด ครืด ครืด
ขณะนั้นเองโทรศัพท์ในมือก็ดังขึ้น ปรากฏชื่อเพื่อนสาวสมัยมหาลัยขึ้นบนหน้าจอ
"ว่าไงแก"
(ฮายยยยเพื่อน ไม่ได้คุยกันนานมาก เป็นไงบ้าง) เจเปนหญิงสาวรูปร่างอวบอั๋นเย้ายวนส่งเสียงร้องทักมาตามสาย
"ก็เรื่อยๆ เหมือนเดิม แกล่ะ"
(แทบตายค่ะ งานบริษัทฉันนรกมาก!)
แพรวาขำออกมากับคำพูดของเพื่อนสนิท แม้จะทุกคนจะแยกย้ายกันไปดำเนินชีวิตของตัวเอง แต่ทุกครั้งที่ได้พูดคุยกัน ก็เหมือนเธอได้ย้อนเวลากลับไปสมัยมหาลัย
"งั้นก็ไม่ต่างกัน"
(ฮ่าๆๆๆ เอาน่า วันนี้วันเสาร์ นัดเจอไหม ฉันเพิ่งวางสายจากยัยมิ้นท์มา จะไปนั่งกินข้าวเดินเล่นที่ห้างกัน)
"อืมมม กี่โมง ฉันเพิ่งตื่นยังไม่ได้อาบน้ำเลย"
(ช่วงบ่าย ไม่ต้องรีบชิวๆ)
"งั้นโอเค แล้วเจอกัน"
แพรว่าตกลงอย่างว่าง่าย การได้เจอเพื่อนพูดคุยเรื่องไร้สาระถือเป็นความสุขอย่างหนึ่งในชีวิตการทำงานแสนเคร่งเครียดและกดดันของเธอ
(ไม่ต้องจัดเต็มมากนะยะ ย้ำกินข้าวชิวๆ เด้อ อย่าฆ่าเพื่อน)
"หึหึ ย่ะ ฉันก็แต่งปกติเหอะ"
(ให้จริง! แค่หน้ากับหุ่นเอ็กซ์ๆ ของแกก็กินขาดแล้ว)
"เออๆ ตามนี้ฉันไปแต่งตัวก่อน" แพรวาตัดบทก่อนที่เพื่อนจะเริ่มบ่นการแต่งตัวของเธอ
ความจริงแพรวาเป็นสาวที่มีความมั่นใจในตัวเองและรูปลักษณ์พอสมควร เธอชื่นชอบแฟชั่นทันสมัย ถึงได้กล้าทำสีผมแดงก่ำเช่นนี้ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เมื่อได้เข้ามาทำงานจริง เธอถึงเลือกปกปิดความเปรี้ยวซ่าและเปลี่ยนตัวเองเป็นยัยเพิ้งเฉิ่มเชยประจำบริษัทแทน
ร่างเล็กจัดการอาหารตรงหน้าจนเกลี้ยง ลุกเดินเข้าไปจัดการอาบน้ำแต่งตัวภายในห้องน้ำ แม้จะมีขนาดไม่ใหญ่ แต่แพรวาก็เปลี่ยนโซนยืนอาบน้ำออกแล้วยัดอ่างอาบน้ำเข้าไปแทน เนื่องจากชอบนอนแช่น้ำอุ่นๆ
เมื่อเริ่มแต่งหน้าทำผม ก็ทำให้เธอพบว่าเครื่องสำอางหลายอย่างพร่องลงไปมาก เนื่องจากปกติไปทำงานเธอจะทาแค่ครีมบำรุงและตบแป้งฝุ่นเพียงเท่านั้น แต่วันนี้เธอจะได้แต่งตัวจัดเต็มแล้ว
ตู้เสื้อผ้าถูกเปิดเพื่อรื้อหาชุดที่จะใส่ ใบหน้าสวยขมวดคิ้วยุ่ง เมื่อพบแต่เสื้อผ้าล้าสมัยที่ตนใส่ไปทำงาน เมื่อรื้อค้นไปยังกองเสื้อผ้าที่ซุกไว้ก็พบเสื้อสายเดี่ยวพอดีตัวสีครีม อวดเอวบาง แพรวายิ้มกริ่มเลือกจับคู่กับกางเกงยีนเข้ารูปสีเข้ม ไม่นานเธอก็กลับมาเป็นสาวน้อยแสนซุกซนเช่นเดิม
ห้างหรูในกลางเมือง
คอนโดของแพรวาตั้งอยู่ไม่ไกลมาก ถึงจะออกนอกเมืองไปหน่อย แต่ก็มีระบบขนส่งสาธารณะเข้าถึงง่าย ใช้เวลาไม่นานก็สามารถนั่งรถไฟฟ้ามาถึงกลางเมืองได้ สามสาวเลือกห้างหรูที่ค่อนข้างเงียบ ผู้คนไม่พลุกพล่าน
หลังจากโทรหาเจเปนเพื่อถามชื่อร้านอาหารเรียบร้อย แพรวาก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า ร่างเซ็กซี่เย้ายวนก้าวเดินบนส้นสูง 3 นิ้วด้วยท่าทีมั่นใจ ชายหนุ่มหลายคนที่เดินผ่านไปมาแอบชำเลืองมองตามหลังหญิงสาว ลำคอแห้งผากเมื่อได้เห็นสะโพกกลมสวยได้รูปผ่านกางเกงยีน
"ไงจ๊ะ"
แพรวาส่งยิ้มหวานเอ่ยทักเพื่อนทั้งสองที่นั่งรอในร้านแล้ว ริมฝีปากบางทาทับด้วยลิปสติกสีแดงเข้ม ส่งเสริมให้รอยยิ้มของเธอชวนมองยิ่งขึ้น
"นี่เหรอชุดกินข้าวชิวๆ" มิ้นท์เบะปากส่งเสียงแซว ไล่มองการแต่งตัวของคนมาใหม่ตั้งแต่หัวจรดเท้า
"ไอ้ฉันก็อุตส่าห์ย้ำ แกเนี้ยนะนังแพรวา!"
"ก็นี่มันชุดปกติ"
"ย่ะ นั่งได้แล้ว ยืนอวดหุ่นจนน้ำลายผู้ชายโต๊ะข้างหลังจะหกและ" เจเปนเพื่อนสาวสายฝอ ในชุดเดรสรัดรูปอวดสัดส่วนอกเอวสะโพกตบเก้าอี้ข้างตัว
ทั้งสามสั่งอาหารหลากหลายมาแบ่งกันทาน พลางพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวในชีวิตอย่างออกรสออกชาติ ความสนิทสนมทำให้แพรวาผ่อนคลายวางตัวสบายๆ หัวเราะเสียงดังกับมุกตลกของมิ้นท์และเจเปน
กลุ่มเพื่อนสาว 3 สไตล์ แต่กลับลงตัวเมื่ออยู่กันพร้อมหน้า เรียกความสนใจจากเหล่าผู้ชายที่เดินผ่านไปมาได้เป็นอย่างดี
หลังจากทานอาหารเสร็จทุกคนก็ต้องแยกย้าย มิ้นท์ถูกหัวหน้าตามตัวเนื่องจากปัญหาเรื่องงาน เจเปนขอแยกตัวก่อน เนื่องจากมีนัดกับผู้ชายเพื่อดูหนัง ทำให้สุดท้ายแพรวาต้องมาเดินกร่อยอยู่คนเดียวในห้างหรู
หญิงสาวจึงถือโอกาสเข้าร้านเครื่องสำอาง ซื้อของใช้หลายอย่างที่เริ่มหมด ร่างเล็กเพลิดเพลินไปกับลิปสติกหลากสีสัน หลังจากห่างหายไปจากวงการแฟชั่นเนิ่นนาน แพรวาจึงช็อปแบบจัดเต็ม ทั้งครีมบำรุงผิว สบู่ วิตามิน เครื่องสำอาง เรียกได้ว่าอะไรออกใหม่ ก็ถูกกวาดลงตะกร้าหมดโดยไม่สนราคา
เริ่มเห็นด้วยกับคำพูดที่ว่า การช็อปปิ้งคือวิธีคลายเครียดอย่างหนึ่ง
พลั่ก!
ร่างเล็กมัวแต่ใจลอยก้มมองถุงในมืออย่างมีความสุข ทำให้เผลอชนเข้ากับแผงอกกว้างของคนชายคนหนึ่งที่เดินสวนมาจากมุมอีกด้านของห้าง
"อ๊ะ!" แพรวาร้องออกมา ถุงหลุดมือจนข้าวของกระจายเกลื่อนพื้น
หัวใจปวดร้าวเมื่อเห็นตลับแป้งราคาแพงหล่นกระทบพื้น ภาวนาให้ภายในไม่เสียหาย เงยหน้าเตรียมจะต่อว่าชายผู้ไม่ดูตาม้าตาเรือ แต่แล้วเมื่อเห็นใบหน้าอีกฝ่ายชัดๆ ใบหน้าสวยก็เริ่มซีดเผือด เพราะชายตรงหน้าคือ 'โอนิกซ์'
เธอรีบก้มหน้า เผลอกัดริมฝีปากแน่นด้วยความตึงเครียด พยายามใช้เส้นผมยาวๆ ของตัวปกปิดซ่อนใบหน้า พลางก้มเก็บข้าวของด้วยความลนลาน
"โทษที" ร่างสูงเอ่ยเสียงเรียบ ย่อตัวลงเพื่อช่วยหญิงสาวเก็บข้าวของที่หล่น
"ค่ะๆ มะ...ไม่เป็นไร ฉันก็ไม่ได้มอง ขอโทษนะคะ" ร่างเล็กตอบกลับเสียงสั่น หัวใจเต้นโครมคราม กลัวประธานหนุ่มจะจำเธอได้
ด้วยระยะที่ใกล้กัน ทำให้ชายหนุ่มได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยมาจากกายสาว คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเมื่อรู้สึกคุ้นเคยกับความหอมหวานนี้ พยายามลอบมองใบหน้าของเธอ แต่เส้นผมสีแดงนั้นก็ปกปิดเอาไว้ เห็นเพียงปลายจมูกเล็กโด่งรั้น กับริมฝีปากบางรูปกระจับสีแดงสด
เธอรีบยัดของใส่ถุงตามเดิม แล้วเร่งฝีเท้าเตรียมเดินจากไปอีกด้าน
"เดี๋ยว!"
เสียงเข้มดังขึ้น รั้งให้เธอหยุดชะงัก มือเล็กเย็นเฉียบบีบกำถุงจนแน่น ยืนตัวแข็งแต่ไม่ยอมหันหน้ากลับมา
โอนิกซ์มองร่างเซ็กซี่ยั่วยวนของเธออีกครั้งด้วยแววตาสำรวจ รู้สึกคุ้นเคยกับเธออย่างประหลาด เอวบางขาวๆ ที่โผล่พ้นขอบเสื้อนั่นทำใจเขาแกว่งไปวูบหนึ่ง
"เหลืออีกชิ้นครับ" น้ำเสียงเรียบเฉยเอ่ยขึ้น พลางยื่นลิปสติกอีกแท่งที่กลิ้งไปไกลส่งให้ สายตาคมมองท่าทางลุกลี้ลุกลนของเธอนิ่งๆ
ไร้ทางเลือก แพรวาจำใจหมุนตัวกลับไปหาร่างสูงอีกครั้ง พยายามก้มหัวซ่อนใบหน้าให้ได้มากที่สุด ก่อนจะเอื้อมมือไปรับของในมือเขา
ปลายนิ้วชื้นเหงื่อสัมผัสฝ่ามืออุ่นร้อนเพียงเสี้ยววิ แต่กลับรู้สึกร้อนวาบทั่วร่างอย่างประหลาด
"เอ่อ...ขะ...ขอบคุณค่ะ" น้ำเสียงหวานเอ่ยตอบตะกุกตะกัก ก่อนที่เธอจะรีบจ้ำอ้าว เดินหนีออกไปไกล
มาเฟียหนุ่มยังคงค้างอยู่ที่เดิม มองตามหลังหญิงสาวแปลกหน้าจนเธอหายไปด้วยความสงสัย กลิ่นกายสาวยังคงติดอยู่ที่ปลายจมูก คิดไม่ออกว่าเคยได้กลิ่นแบบนี้ที่ไหน กลิ่นหอมหวานเย้ายวนนั่น กลับทำให้เขาสดชื่นสบายใจแปลกๆ
"เอ่ออ...นายครับ"
เสียงของตะวันลูกน้องคนสนิทเรียกสติร่างสูงกลับมา เขาก้มมองสัมผัสที่มือตัวเองอย่างครุ่นคิด รู้สึกตงิดใจบางอย่างชอบกล
โอนิกซ์ส่ายหัว คาดว่าช่วงนี้คงหักโหมเขียนโปรแกรมมากจนสมองเบลอ ร่างสูงก้าวยาวๆ ไปอีกด้าน ตรงเข้าร้านหนังสือขนาดใหญ่ของห้างตามความตั้งใจของตัวเอง
"วันซวยอะไรเนี้ย" แพรวาพึมพำออกมา มือเล็กกุมที่ตำแหน่งหัวใจที่เต้นระรัวราวกับจะหลุดออกมานอกอก
เธอเลือกหลบหลังเสา พลางชะโงกหน้ามองประธานหนุ่มเป็นระยะ เมื่อเห็นเขาจากไปแล้วก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ร้อยวันพันปีโอนิกซ์แทบไม่มาเดินห้าง อีกทั้งห้างกว้างใหญ่ขนาดนี้เธอดันชนกับเขาได้ ไม่เรียกว่าซวยก็ไม่รู้จะเรียกอะไรแล้ว
ใบหน้าสวยเคร่งเครียดกังวลไปต่างๆ นานา ว่าเขาจะจำได้ แต่สีหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลงก็พอทำให้เธอคลายกังวลได้บ้าง
เธอรีบหอบถุงข้าวของกลับที่พักทันที ไม่กล้าเดินเอ้อระเหยลอยชายต่อ เพราะอาจจะไปบังเอิญเจอเขาอีกก็เป็นได้