หวนกลับมาครานี้...ข้าจะไม่ขอเป็นสตรีที่ปากแข็งอีก

148.0K · จบแล้ว
หลงเวลา/จู้หมิง
75
บท
6.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เพราะความเข้าใจผิด ทำให้ต่างคนต่างก็แสดงท่าทีเย็นชาใส่กัน ทำให้ต่างคนต่างก็พลาดช่วงเวลาแห่งความสุขไป กว่าจะรู้ตัวว่าอีกฝ่ายมีความสำคัญในชีวิตของตนมากแค่ไหน อีกฝ่ายก็ได้จากไปตลอดกาลเสียแล้ว...

นิยายจีนโบราณแม่ทัพพลิกชีวิตจีนโบราณโรแมนติกแต่งงานก่อนรัก

ตอนที่ 1 อารัมภบท

สายลมในฤดูหนาวที่พัดโชยมาปะทะผิวกาย ทำให้ร่างกายที่อ่อนล้าอยู่แล้ว รู้สึกได้ถึงความหนาวเหน็บ ภายในเรือนใหญ่ใจกลางสวนบุปผานานาพันธุ์ ปรากฏร่างของสตรีที่มีดวงหน้างาม แต่ทว่ายามนี้กลับหม่นหมอง นางกำลังยืนเหม่อมองออกไปยังเบื้องหน้าอย่างเหม่อลอย ไม่ว่านางจะมองไปยังสถานที่ใด นางก็มักจะเห็นภาพในอดีตแวบผ่านเข้ามา ทำให้หัวใจของนางรู้สึกบีบรัดยิ่งนัก เหตุใดชีวิตคู่ของนางกับเขา ถึงมีจุดจบเช่นนี้ได้ ทั้งๆ ที่ผ่านมาเขาก็รักนาง ให้เกียรตินางมาตลอด และนางเองก็รักเขาเช่นกัน แม้ทั้งสองจะไม่เคยแสดงความรู้สึกจริงๆ ออกมาให้อีกฝ่ายได้เห็นเลยก็ตาม

“นายหญิง…กลับเข้าห้องเถิดนะเจ้าคะ ประเดี๋ยวต้องลมหนาวแล้วจะไม่สบายเอาได้ พักนี้ท่านยิ่งนอนน้อยอยู่ด้วย”

ซู่เอ๋อสาวรับใช้ข้างกายของสตรีที่มีรูปโฉมงดงามตรงหน้า เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล หนึ่งเดือนมาแล้วที่เซี่ยโหว หรือท่านแม่ทัพเซี่ยจากไป ทว่าไม่มีวันไหนเลย ที่ฮูหยินน้อยจะไม่มายืนเหม่อมองออกไปทางประตูจวนเช่นนี้ ซู่เอ๋อรู้สึกเศร้าใจยิ่งนัก

“ข้าอยากจะยืนอยู่ที่นี่อีกสักพัก” ราวกับว่านางยังคงรอคอยใครบางคนให้กลับมา แต่ทว่าผู้ที่นางกำลังรอคอยนั้นไม่อาจหวนกลับคืนมาได้อีกแล้ว

“นายท่านผู้เฒ่าเซี่ยอนุญาตให้นายหญิงกลับสกุลเดิมได้แล้วนะเจ้าคะ”

เพราะเรือนที่ไร้เจ้าของ ย่อมมีแต่ความหม่นหมอง หลานชายที่เหลือเพียงหนึ่งเดียวของท่านผู้เฒ่าเซี่ย อดีตแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นเจิ้ง บัดนี้เหลือเพียงแค่ชื่อเสียงอันดีงามให้ได้กล่าวถึงเพียงแค่นั้น นั่นเป็นเพราะเขาได้พลีชีพในสนามรบไปเสียแล้ว คุณหนูของนางต้องมาตกพุ่มม่ายตั้งแต่ยังสาว นายท่านผู้เฒ่าเซี่ยย่อมเห็นใจ จึงเขียนหนังสือหย่าให้คุณหนูของนางได้กลับไปยังสกุลเดิม

“ข้าไม่กลับ ข้ารู้สึกผิดต่อเขายิ่งนัก” จ้าวฟางเซียนตอบออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือแต่ทว่าฟังดูแล้วหนักแน่น

ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งเดือนก่อน วันนั้นที่อี้จง ลูกน้องคนสนิทของสามีได้กลับมาจากชายแดน พร้อมกับข่าวร้ายที่นางไม่อยากได้ยิน ป้ายประจำกายเปื้อนเลือดของเซี่ยเฟยหลงถูกส่งมาให้แก่นาง จ้าวฟางเซียนรับมาด้วยมือที่สั่นเทา พลันน้ำตาอุ่นร้อนก็ไหลลงมาอาบใบหน้างาม นางพยายามกลั้นสะอื้น และฟังสิ่งที่อี้จงกำลังจะพูด

อี้จงได้บอกเล่าถึงเรื่องราวความรัก และความเข้าใจผิดที่เซี่ยเฟยหลงมีต่อนาง รวมไปถึงคำสั่งเสียที่ท่านแม่ทัพฝากมาบอกกล่าวต่อนางผู้เป็นภรรยา ทำให้จ้าวฟางเซียนถึงกับทรุดนั่งลงไปบนพื้นแล้วร่ำไห้ออกมา เสียงร่ำไห้ของนางนั้นช่างน่าเวทนายิ่งนัก จนทำให้พวกบ่าวสาวรับใช้ภายในเรือน พากันหลั่งน้ำตาออกมาเช่นเดียวกัน สาวรับใช้ของจ้าวฟางเซียนรีบประคองนางก่อนที่จะเป็นลมไป

ตลอดระยะเวลาที่จ้าวฟางเซียนได้ใช้ชีวิตร่วมกันกับเซี่ยเฟยหลงมา จ้าวฟางเซียนรู้ดีว่าเขามีบางอย่างติดอยู่ในใจ ราวกับว่าไม่ยอมเปิดใจให้นางได้เข้าไป แท้จริงแล้วเกิดจากความเข้าใจผิดนั่นเอง หากเขาถามนางออกมา แล้วนางกับเขาได้พูดคุยกันดีๆ นางคงจะไม่รู้สึกเสียดาย และเสียใจมากมายถึงเพียงนี้

จ้าวฟางเซียนคือคุณหนูรอง บุตรีคนที่สามของจ้าวหวังเหล่ย นายท่านใหญ่แห่งจวนสกุลจ้าว ตระกูลคหบดีแห่งเมืองหนานจาง ก่อนหน้านี้เคยเป็นสตรีที่มีรูปโฉมงดงาม และมีบุคลิกร่าเริงสดใสสมกับวัย แต่ทว่าหลังจากออกเรือนมายังตระกูลเซี่ย ตระกูลแม่ทัพแห่งเมืองหนานจง ความสดใสร่าเริงที่เคยมีก็ค่อยๆ เลือนหายไป

จริงอยู่ที่การแต่งงานของทั้งสองตระกูล เป็นเรื่องของสัญญาที่ต้องตอบแทน แต่ทว่าความรู้สึกของสองหนุ่มสาวที่มีต่อกันในภายหลังนั้นช่างลึกซึ้ง หากไม่ใช่เพราะความเข้าใจผิด ที่เซี่ยโหว หรือคุณชายใหญ่เซี่ยเฟยหลงมีต่อบุตรีของตระกูลจ้าวมาก่อนแล้ว ชีวิตคู่ของทั้งสองหนุ่มสาวคงจะมีความสุขและราบรื่นมากกว่านี้

ครั้นได้มาใช้ชีวิตร่วมกัน แม้เซี่ยเฟยหลงจะมีท่าทีเย็นชาต่อภรรยา แต่ทว่าลึกๆ ภายในใจแล้ว เขากลับรักใคร่นาง และให้เกียรตินางโดยที่นางไม่รู้ตัว จ้าวฟางเซียนเองก็แอบมีใจรักใคร่สามี โดยที่เขาไม่เคยรู้ตัวเช่นกัน สุดท้ายกว่าที่ทั้งสองจะรู้ว่าตนรักใคร่อีกฝ่ายมากเพียงใด ก็เป็นวันสุดท้ายของชีวิตเสียแล้ว มิอาจหวนกลับไปแก้ไขสิ่งใดได้อีก

“นายหญิง…”

ซู่เอ๋อครวญออกมาด้วยความเศร้า เสียงของสาวรับใช้คนสนิททำให้สติของจ้าวฟางเซียนกลับคืนมา นางหันไปส่งยิ้มจางๆ ให้แก่ซู่เอ๋อ

ซูเอ๋อดึงร่างบางของคุณหนูเข้ามาโอบกอดเอาไว้ ร่างบางในอ้อมกอดสั่นไหว คุณหนูของนางกำลังร่ำไห้ออกมา ซู่เอ๋อกลั้นสะอื้น หากยามนี้นางไม่เข้มแข็ง แล้วคุณหนูของนางจะมีผู้ใดคอยปลอบโยนกันเล่า หากได้กลับสกุลเดิมย่อมเป็นเรื่องที่ดี แต่จะทำเช่นไรให้คุณหนูของนางยอมกลับไป

หลังจากวันคืนพ้นผ่าน จ้าวฟางเซียนมีแต่อาการแย่ลง นางตรอมใจจนกินอาหารได้เพียงน้อยนิด วันๆ ก็เอาแต่นั่งเหม่อลอย แม้ผู้ใดจะมาเยือนนางก็ไม่ขอพบหน้า แม่สามีเห็นลูกสะใภ้ตกอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์ เช่นเดียวกับที่นางเคยพบเจอ ด้วยความเห็นอกเห็นใจ จึงลองมาเกลี้ยกล่อมให้สะใภ้คนดี กลับไปอยู่สกุลเดิม ที่นางทำหาใช่เป็นการขับไล่ไสส่งอีกฝ่ายไม่ แต่เป็นเพราะนางอยากให้ลูกสะใภ้ได้ออกไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ จะมีประโยชน์อันใด ที่จะมาอยู่ในสถานที่ที่ไร้ซึ่งสามีอยู่แล้ว แม้พวกตนจะดีต่อนางเพียงใด แต่จะให้เหมือนคนข้างหมอนได้เช่นไร

“เซียนเอ๋อร์…เจ้ากลับไปสกุลเดิมเสียเถิด นายท่านผู้เฒ่าทำหนังสือหย่าให้เจ้ากับหลงเอ๋อร์แล้ว บัดนี้เจ้าเป็นอิสระแล้วนะลูก”

จางหลี่น่าบอกสะใภ้ออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน นางมองสตรีที่เคยมีรูปโฉมงดงาม ทว่ายามนี้กลับซูบโทรมและผ่ายผอมจนน่าตกใจ หากเป็นเช่นนี้ต่อไปมีหวังสะใภ้ของนางผู้นี้ คงได้สิ้นใจตามบุตรชายของนางไปเป็นแน่

“ข้าไม่ไปเจ้าค่ะท่านแม่…ข้าจะรอท่านพี่อยู่ที่นี่”

จ้าวฟางเซียนตอบออกมาน้ำเสียงแหบแห้ง เซี่ยฮูหยินถึงกับถอนหายใจออกมา นางบีบมือลูกสะใภ้เบาๆ ก่อนที่จะยื่นมือไปลูบลงบนเรือนผมที่ยามนี้ไร้ความนุ่มนวลเช่นเดิม

“ปล่อยวางเสียเถิดนะเซียนเอ๋อร์…หลงเอ๋อร์เขาไปดีแล้ว”

นางเองก็เป็นหญิงหม้ายเช่นกัน ชีวิตภรรยาของแม่ทัพ น้อยนักที่จะมีความสุขเช่นสตรีอื่น นางเข้าใจหัวอกของลูกสะใภ้เป็นอย่างดี เพราะชีวิตนางก็พบเจอแต่ความสูญเสียมาถึงสามครั้งสามครา แต่ทว่านางกลับไม่รู้สึกเสียดาย เพราะที่ผ่านมานางได้มอบความรักให้แก่สามี และบุตรชายผู้ล่วงลับทั้งสองอย่างเต็มที่แล้ว

จ้าวฟางเซียนส่ายหน้าไปมา นางออกเรือนมาแล้ว ก็ถือว่าไม่ใช่คนของสกุลเดิมอีกแล้ว ไม่ว่าสกุลจ้าวจะยินดีต้อนรับนางกลับไปหรือไม่ แต่ใจนางก็มิอาจหวนกลับไปได้ จางหลี่น่ามองลูกสะใภ้ด้วยแววตาเวทนา นางถอนหายใจออกมาด้วยความหนักใจ ก่อนที่จะหันไปมองสาวรับใช้คนสนิทของจ้าวฟางเซียน นางกำชับให้สาวรับใช้คนสนิทของลูกสะใภ้ ว่าให้ดูแลนายหญิงของตนให้ดี แล้วจึงออกจากเรือนนี้ไปด้วยความรู้สึกเศร้าใจ