คนดีที่เจ็บ (30%)
ปานระพีมายืนโบกแท็กซี่ได้ไม่กี่นาทีฟ้าก็เริ่มครึ้ม ฝนเริ่มลงเม็ด ไม่นานก็ตกหนักขึ้น เธอรีบวิ่งขึ้นรถแท็กซี่คันแรกที่จอดรับ ด้วยเกรงว่าตัวเองจะเผลอปล่อยโฮออกมาให้คนในมหา’ลัยได้เห็น ผู้หญิงตัวอวบๆ ยืนร้องไห้เป็นนางเอกมิวสิคเจ้าน้ำตาท่ามกลางสายฝนคงเป็นภาพที่ไม่น่าดูนัก
หลังจากบอกจุดหมายคนขับ หญิงสาวก็ยกมือขึ้นปิดหน้า แล้วหลั่งน้ำตาออกมาเงียบๆ การเรียนแพทย์ทำให้ปานระพีควบคุมอารมณ์ความรู้สึกได้ดีพอสมควร เพราะต้องฝึกทำจิตใจให้เข้มแข็งพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ และมีความอดทนอดกลั้น แต่ก็อย่างว่าล่ะ ถึงแม้จะเรียนเก่งมากแค่ไหน แต่ปานระพีก็ยังอ่อนต่อโลกอยู่ดี เธอยังทำตัวไม่ถูกกับความเจ็บปวดและผิดหวังที่เพิ่งพานพบ ต่อไปนี้เธอคงต้องเรียนรู้ที่จะโตขึ้น ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด และที่สำคัญเธอควรจะถอยห่างจากมหรรณพตั้งแต่ตอนนี้
คิดมาถึงจุดนี้ปานระพีก็น้ำตาซึมอีกรอบ การถอยห่างจากเขามันไม่ง่ายเลย ก็เธอแอบรักเขามาตั้งนาน แล้วอยู่ๆ จะให้หักดิบอารมณ์มันเป็นไปได้ยากมาก ทุกอย่างคงต้องใช้เวลา
ทันใดนั้นคนที่คิดจะถอยห่างจากผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีก็เหลือบไปเห็นรถสปอร์ตคันหรู ที่ตนเพิ่งมีโอกาสได้นั่งไม่ถึงยี่สิบนาที ก่อนจะถูกถีบหัวส่ง รถของมหรรณพกำลังถูกรถคันหนึ่งขับจี้ตามไม่ลดละ ดูลักษณะแล้วเหมือนจงใจ และเธอก็เริ่มแน่ใจว่ามันไม่ชอบมาพากล เมื่อรถคันดังกล่าวพยายามจะขับเบียดรถของมหรรณพท่ามกลางสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาราวกับฟ้ารั่ว ทำเอารถของเขาเกือบเสียหลักหลายครั้ง
“ลุงคะ ช่วยขับตามรถคันนั้นให้หนูหน่อยค่ะ”
ปานระพีเอ่ยพร้อมชี้มือไปยังรถคันข้างหน้าด้วยความร้อนใจ
“มันจะดีเหรอหนู ดูท่าว่ารถสองคันนั้นคงมีเรื่องกันแหงๆ” คนขับเอ่ยเป็นเชิงค้านด้วยรักตัวกลัวตาย
“แต่สามีหนูอยู่ในรถคันข้างหน้า หนูเป็นห่วงเขาค่ะ ได้โปรดเถอะนะคะลุง”
หญิงสาวละล่ำละลักวิงวอน ขณะที่ตายังไม่ละจากภาพสุดระทึกตรงหน้า ส่วนคนขับแท็กซี่ก็ยอมที่จะหักเลี้ยวเข้าไปในซอยแคบๆ ตามหลังรถสองคันข้างหน้าไปอย่างห่างๆ เพราะห่วงความปลอดภัยของตัวเอง รถของมหรรณพกับคนร้ายวิ่งไล่บดอัดกันอยู่พักใหญ่ ปะทะและกระแทกกันก็หลายครั้ง กระทั่งมหรรณพเหยียบคันเร่งเพื่อทิ้งห่าง หากทว่าทางที่ทั้งแคบและขรุขระข้างหน้าก็ทำให้เขาไปได้ไม่ไกลมากนัก แถมยังต้องหลุดสบถหยาบคาย เมื่อมีรถกระบะกลางเก่ากลางใหม่โผล่มาจากทางแยก มันจงใจพุ่งพรวดมาดักทาง จนต้องหักหลบ แต่ไม่พ้นเสาไฟ แล้วทันใดนั้นเสียงรถชนกันก็ดังสนั่นหวั่นไหว ตามมาด้วยเสียงปืนที่ยิงถล่มรถสปอร์ตหรูอีกหลายนัด
ตู้ม!!!
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
“คุณหวง!”
ปานระพีอุทานเสียงหลง ดวงตาเหลือกถลน ก่อนจะรีบบอกให้คนขับแท็กซี่หยุดรถ ลนลานควักเงินค่าโดยสารส่งให้อีกฝ่ายมือไม้สั่น แล้วรีบวิ่งลงจากรถไปยังจุดเกิดเหตุ
ทันทีที่ไปถึงปานระพีก็รีบพุ่งไปทางฝั่งคนขับ พร้อมตะโกนเรียกมหรรณพท่ามกลางสายฝน แต่สภาพรถที่พังยับเยินเพราะแรงอัดกระแทกกับเสาไฟจนเสาไฟขาดครึ่งทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจนสลบไป
“คุณหวง! ได้ยินแพรไหม! คุณหวง…ตอบหน่อย...”
เสียงสั่นระริกยังคงตะโกนเรียกสติเขาอย่างบ้าคลั่ง ขณะงัดร่างโชกเลือดออกมาจากรถด้วยสภาพทุลักทุเล เพราะนอกจากเขาจะตัวใหญ่ยักษ์แล้ว ประตูด้านคนขับยังถูกกระแทกจนบุบเข้าไปแทบไม่เหลือสภาพ
หลังจากจัดให้ร่างใหญ่นอนราบไปกับพื้นถนนริมฟุตปาธ เธอก็รีบฟุบหัวลงไปเอาหูแนบหน้าอกกว้างเพื่อฟังเสียงหัวใจเขา ก่อนจะตัวแข็งทื่อ เมื่อรับรู้ได้ว่าหัวใจของมหรรณพหยุดเต้น วินาทีถัดมาปานระพีก็รีบทำ CPR ด้วยการปั๊มหัวใจ โดยใช้มือกดบริเวณหน้าอกใต้ลิ้นปี่ 30 ครั้ง สลับกับการเป่าปาก
“คุณหวง! ฟื้นสิ! ได้ยินไหม…ฟื้นสิ!”
เธอทำทั้งสองอย่างสลับกันอยู่อย่างนั้น ขณะที่น้ำตาไหลพรากไม่ขาดสาย ส่วนปากก็ยังตะโกนอย่างบ้าคลั่งในจังหวะที่มือยังคงปั๊มหัวใจเขาไม่หยุดหย่อน
“ฟื้นสิ! คุณหวงฟื้น! แพรบอกให้ฟื้น!”
เวลาผ่านไปทุกวินาทีพร้อมกับสถานการณ์บีบคั้นหัวใจอย่างถึงที่สุด กระทั่งทนแรงกดดันไม่ไหวเธอก็แหงนหน้าปะทะสายฝนที่ยังคงโหมกระหน่ำ แล้วร้องไห้เสียงดังสนั่น ส่วนมือนั้นก็ยังคงกดหน้าอกกว้างปั๊มหัวใจ ครั้นเห็นว่าความพยายามไม่เป็นผล และตนก็กำลังจะหมดแรง มือสั่นเทาก็เขย่าร่างไร้สติพร้อมกรีดร้องประหนึ่งคนเสียสติ แล้วฟุบหน้าลงกับอกแกร่ง ร้องไห้สะอึกสะอื้นปานปิ่มจะขาดใจ
ทันใดนั้นปานระพีก็เบิกตาโพลง เมื่อหูแว่วได้ยินเสียงหัวใจอันแผ่วเบาของเขา ที่สุดมหรรณพก็กลับมาหายใจเองได้ ถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่มีสติแต่ก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี
จากนั้นปานระพีก็เช็กสภาพร่างกายคนเจ็บ เขาเสียเลือดมากจากแรงกระแทก และมีบาดแผลในช่วงล่างหลายจุด ซึ่งโดนชิ้นส่วนของรถยนต์ทิ่มเข้า เธอรีบโทรเรียกรถหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน เพราะถึงแม้จะเป็นหมอแต่นอกจากปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้ว ปานระพีก็ไม่กล้าเสี่ยงทำอะไรมากไปกว่านั้น เนื่องจากไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือในเวลานี้ จึงไม่กล้าผลีผลามทำอะไรที่อาจจะเสี่ยงอันตราย เพราะดูจากสภาพแล้วกระดูกซี่โครงของคนเจ็บน่าจะหักหลายซี่ และอวัยวะภายในน่าจะได้รับความเสียหายหลายจุด จากนั้นจึงโทรแจ้งตำรวจ
“คะ…คุณหวง อย่าทิ้งแพรไปนะคะ ได้โปรดเถอะ…”
คนเสียขวัญเพราะหวาดกลัวการสูญเสียเอ่ยวิงวอนทั้งน้ำตา จากนั้นก็หันซ้ายแลขวาเพื่อที่จะขอความช่วยเหลือจากรถที่สัญจรไปมา แต่เหมือนโชคจะไม่เข้าข้าง เพราะฝนที่เอาแต่เทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา แล้วไหนจะยังเสาไฟส่องสว่างข้างทางที่ดับไปเพราะถูกรถสปอร์ตชนเข้าอย่างจัง
แต่แล้วความหวังของเธอก็เรืองรองขึ้นมา เมื่อหูแว่วได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์วิ่งตรงมาทางนี้ ปานระพีกำลังจะอ้าปากตะโกนขอความช่วยเหลือ หากว่าน้ำเสียงห้วนจัดจะไม่ดังขึ้น พร้อมกับการปรากฏตัวของชายฉกรรจ์สองคนที่ใส่หมวกบิดบังใบหน้า และสวมชุดสีดำอำพราง
“เวรล่ะ มีคนมาช่วยมันว่ะ”
“งั้นก็เก็บแม่งทั้งสองนั่นล่ะ”
ว่าแล้วหนึ่งในสองก็ชักปืนออกมา เตรียมจะลั่นไก ท่ามกลางความตกตะลึงจนตาค้างของปานระพี หากแต่สติที่เหลืออยู่เพียงแค่หยิบมือก็ทำให้เธอเปล่งเสียงกรีดร้องออกมา
“อย่านะ! ไอ้พวกเวรระยำ!”
“ไปขอความเมตตาในนรกเถอะนังหนู”
ขาดคำมันก็เล็งปลายกระบอกปืนมายังเธอและมหรรณพ กะว่าจะถล่มให้เละทั้งคู่ เอาให้แน่ใจว่ามหรรณพจะไม่รอดชีวิต และปานระพีจะไม่สามารถมีลมหายใจไปเป็นพยานและชี้ตัวคนร้ายได้ หากว่าเสียงไซเรนรถตำรวจจะไม่ดังแว่วมาแต่ไกล ทำให้หนึ่งในสองสบถออกมาอย่างหัวเสีย
“ระยำเอ๊ย! พ่อมึงมา!”
“งั้นเรารีบไปกันเถอะ”
“มึงไปสตาร์ตรถรอ เดี๋ยวกูขอเก็บพวกมันสองคนก่อน ไม่งั้นเราได้ตายคาตีนลูกพี่แน่ๆ”
ขาดคำคนร้ายก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง ลั่นไกยิงทันควัน ซึ่งโดนปานระพีเข้าเต็มๆ เพราะเธอเป็นคนกอดมหรรณพเอาไว้อย่างปกป้อง นัดแรกเข้าทางสีข้างฝั่งขวา จนเธอฟุบลงไปกับร่างของสามี นัดที่สองมันเดินเข้ามายิงซ้ำในวินาทีที่ปานระพีพยุงตัวขึ้นจากร่างของคนที่ยังคงไม่ได้สติ แล้วลงไปนอนแผ่หลาบนพื้นถนนข้างๆ มหรรณพด้วยสภาพหายใจรวยริน ฉะนั้นกระสุนนัดที่สองเลยเจาะเข้าที่หน้าท้องของเธอ ร่างอวบสะดุ้งเฮือกสุดตัว กรีดร้องอื้ออึง ความเจ็บวิ่งพล่านไปทั้งสรรพางค์ เจ็บยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า แต่ดูเหมือนยังไม่สาแก่ใจ เพราะจริงๆ แล้วเป้าหมายของมันไม่ใช่เธอ คนร้ายจึงเล็งปลายกระบอกเจ้ามัจจุราชสีดำไปยังมหรรณพ ทว่าก่อนจะทันได้ลั่นไกเสียงรถตำรวจก็ใกล้เข้ามาทุกที ครั้นเห็นท่าไม่ดีมันจึงกระโดดขึ้นซ้อนมอเตอร์ไซค์ แล้วพากันขับหลบหนีไป
ทันทีที่ตำรวจมาถึงทุกอย่างก็เลือนรางในความรู้สึก แต่เธอยังกัดฟันเค้นเสียงกระท่อนกระแท่นติดจะสั่นพร่าตอบในสิ่งที่พวกเขาสอบถามเท่าที่จะทำได้ ก่อนจะเอื้อมมือสั่นเทาไปกุมมือของมหรรณพ แล้วเอ่ยทั้งน้ำตา
“คุณ…หวง อย่าทิ้งแพรไปนะคะ”
ไม่นานรถหน่วยแพทย์ฉุกเฉินก็มาถึง ซึ่งในเวลานั้นปานระพีเสียเลือดมากจนแทบไม่ได้สติ แต่มือยังคงกุมมือของมหรรณพไม่ปล่อย กระทั่งถูกหามขึ้นรถ
“ชะ…ช่วย…เขาด้วย อย่า…ให้เขาเป็นอะไร…”
เธอกลั้นใจวิงวอนประโยคยาวๆ จากนั้นก็สลบไป
ทันทีที่มาถึงโรงพยาบาลทั้งคู่ก็ถูกส่งตัวเข้าห้องไอซียู ปานระพีและมหรรณพต่างเสียเลือดมาก แต่เขาเจ็บหนักกว่าเธอหลายเท่า เพราะมีเลือดออกภายในอวัยวะหลายจุด
ในวินาทีที่ฟื้นคืนสติหลังจากผ่าเอากระสุนออก ปานระพีก็ถามถึงอาการของมหรรณพทันที ครั้นรู้ว่าไตของเขาเสียหายหนัก เนื่องจากเสียเลือดมาก มีเลือดออกตรงเส้นเลือดที่ไตและขั้วไต จนไม่สามารถซ่อมแซมไตได้ ต้องตัดไตเพื่อห้ามเลือด และเขาจะมีชีวิตรอดก็ต่อเมื่อได้ไตใหม่ วินาทีนั้นเธอตัดสินใจในทันทีว่าจะสละไตข้างหนึ่งให้เขาในสภาพที่ตัวเองก็ยังเจ็บหนัก ถึงแม้ว่าผู้เป็นย่าจะห้ามไว้ก็ตาม
สองเดือนต่อมา
โรงพยาบาลรักษ์ สาขากรุงเทพฯ
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าในช่วงที่ปานระพีนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ที่สุดเธอก็ได้ออกจากโรงพยาบาล ดีที่ปานระพีเรียนจบหลักสูตรแพทยศาสตร์มาได้อย่างหวุดหวิดก่อนจะเกิดเหตุร้าย ที่เหลือก็แค่ทำเรื่องจบ ฉะนั้นจึงไม่ต้องดร็อปเรียน ที่ต้องทำก็แค่รอให้ร่างกายหายดี พักฟื้นอยู่ที่บ้านจนครบกำหนด หลังจากนั้นถึงจะคิดว่าจะเอายังไงกับชีวิตต่อไป เพราะจากนี้คงไม่มีผู้ชายที่ชื่อมหรรณพในชีวิตไปตลอดกาล
ถึงแม้การไม่มีเขาในชีวิตอีกต่อไปจะเจ็บปวดอยู่ไม่น้อย แต่การช่วยชีวิตด้วยการสละไตให้เขาไปหนึ่งข้างก็ถือว่าดีมากแล้ว มันคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม เธอต่อชีวิตให้เขา เหมือนเช่นที่ครั้งหนึ่งเขาเคยต่อชีวิตให้เธอ จะได้ไม่ต้องมีอะไรติดค้างต่อกันอีกต่อไป ถึงแม้หัวใจจะไม่ได้มันกลับคืนมา แต่ก็ช่างเถอะ ไม่มีใครตายเพราะไม่สมหวังในรักเสียหน่อย ทุกชีวิตย่อมมีผิดหวัง สมหวัง ล้มเหลว เสียใจ ดีใจ ร้องไห้ ต่อจากนี้เธอก็แค่ก้าวออกไปจากชีวิตเขา ไม่มาให้เขาเห็นหน้า ไม่ก้าวก่าย จนกว่าจะครบกำหนดหย่าในอีกสิบปีข้างหน้า หลังจากนั้นการเป็นสามีภรรยาระหว่างทั้งคู่ก็คงไม่มีความหมายอะไรอีกต่อไป อย่างมากก็เป็นได้แค่อดีตที่ไม่น่าจดจำ