บทที่ 10
หลังจัดการทุกอย่างเรียบร้อย หลงเฟยก็ไปอาบน้ำแต่งตัว และออกไปทำงานตามปกติ
วันนี้การทำงานของเขาก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรมากมาย เป็นการเคลียร์งานในช่วงเช้า และก็มีประชุมประจำสัปดาห์ที่ประชุมกันยาวนานตลอดช่วงบ่าย จนถึงในตอนเย็น แอนกับมาร์คต่างก็ชวนเขาไปกินข้าวเย็นและเดินเที่ยวเล่นกันอีกเช่นเคย แต่หลงเฟยปฏิเสธอีกเช่นเคยเหมือนกัน เพราะตอนนี้เขากำลังตื่นเต้นกับแผนการที่เขาวางไว้ว่าจะทำในวันนี้
เพื่อนๆ ก็ไม่ได้ตื้อ หรือว่าอะไร ต่างพากันตบไหล่ให้กำลังใจ เพราะคิดว่าหลงเฟยยังเศร้าเรื่องปู่ของเขาอยู่ แต่หารู้ไม่ มันตรงกันข้ามเลยทีเดียว
หลังจากนั้นหลงเฟยก็มุ่งตรงกลับไปยังบ้านพักอย่างเร่งรีบ เพราะเขามีนัดรับของที่ซื้อไว้เมื่อเช้า เมื่อมาถึงบ้าน ยังไม่ทันที่หลงเฟยจะได้ไขกุญแจ ก็มีคนงานจากร้านขายเนื้อไก่นำของมาส่งพอดี
“สวัสดีครับ คุณหลงเฟยใช่ไหมครับ ผมนำไก่ที่สั่งไว้เมื่อเช้ามาส่ง เจ้ร้านหมูปิ้งก็ฝากของมาด้วยครับ” คนงานคนนั้นกล่าว
“อ้อ ครับ ผมหลงเฟย ขอบคุณมากครับผม”
“ให้ผมยกเข้าไปในบ้านให้เลยไหมครับ” คนงานถามอย่างมีน้ำใจ
“ไม่เป็นไรครับ แค่นี้ก็รบกวนจะแย่อยู่แล้ว ขอบคุณครับ” หลงเฟยตอบ พลางไขกุญแจบ้านไปด้วย จากนั้นจึงหันมารับเนื้อไก่กับหมูปิ้งเสียบไม้ที่เขาสั่งไว้
เมื่อส่งมอบของเรียบร้อยแล้ว คนงานก็กลับไป เหลือเพียงหลงเฟยที่พยายามนำของทั้งหมดเข้าบ้านอย่างทุลักทุเล เนื่องจากของที่เขาสั่งมาไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เลย
หลังจากหลงเฟยนำของวางบนโต๊ะในครัวยังไม่ทันไร ก็มีเสียงบีบแตรรถดังมาจากหน้าบ้าน ซึ่งคาดว่าน่ามาส่งของจากร้านขายอุปกณ์เครื่องครัว เขาจึงออกมาที่หน้าบ้านอีกครั้ง และพบว่าเจ้าของร้านเป็นคนขับรถเอาของมาส่งให้เขาเองเลยทีเดียว
“ไม่ทราบว่าจะเปิดร้านอาหารข้างทางหรือป่าวครับ เมื่อเช้าเห็นคุณซื้อของหลายอย่างเลย” เจ้าของร้านขายอุปกณ์เครื่องครัวเอ่ยถาม ขณะที่กำลังยกของลงจากรถ
“ประมานนั้นครับ เพราะผมไม่มีอุปกรณ์อะไรเลย” หลงเฟยยิ้มอ่อนแล้วตอบรับไป
“แล้วซื้อโต๊ะเก้าอี้ให้ลูกค้านั่งทานแล้วหรอครับ หรือไม่อย่างน้อยก็ควรมีโต๊ะสำหรับว่างของนะครับ” เจ้าของร้านขายอุปกณ์เครื่องครัวถามอย่างงงๆ เล็กน้อย เพราะยังไม่เห็นหลงเฟยซื้อโต๊ะเก้าอี้
“เชี่ย!! ลืมมันไปได้ยังไงวะ” หลงเฟยที่ได้ยินอย่างนั้น ก็อุทานออกมาอย่างตกใจ
“ร้านเรามีโต๊ะไม้ขายตัวละ 400 บาท และถ้าซื้อชุดโต๊ะที่มีเก้าอี้ จะขายชุดละ 750 บาท สนใจไหมครับ” เจ้าของร้านขายอุปกณ์เครื่องครัว ไม่ถือสากับคำอุทานของหลงเฟย แต่กลับยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ รีบเสนอขายโต๊ะในทันที
หลงเฟยที่ได้รับขอเสนอก็เริ่มคิดหนัก เพราะหากว่าเขาซื้อโต๊ะเก้าอี้เพิ่ม มันก็จะเกินงบที่เขาตั้งเอาไว้ แต่เพื่อความปังของการขาย และของมันจำเป็นต้องมี เขาจึงตัดสินใจที่จะชื้อ ชุดโต๊ะเก้าอี้ 3 ชุด โต๊ะสำหรับวางของอีก 2 ตัว และตู้กระจกมือสองที่เจ้าของร้านหลอกล่อให้เขาชื้อได้สำเร็จอีก 1 ชุด รวมรวมเป็น 3,400 บาท
ในระหว่างรอนั้นเจ้าของร้านขายอุปกณ์เครื่องครัวนำชุดโต๊ะที่เขาซื้อเพิ่มมาส่งอีกครั้ง หลงเฟยก็เริ่มนั่งคำนวณต้นทุนไปพลางๆ
นี่เท่ากับเขาลงทุนไปทั้งหมด 13,400 บาท และเงินเดือนที่พึ่งได้รับมาเมื่อสองวันก่อนก็กำลังจะหมดลง หลงเฟยเช็คยอดเงินที่เหลือในบัญชี พบว่ามันเหลือเพียงแค่ 2,000 เศษๆ ไหนจะค่าเช่าบ้าน ค่าไฟ ค่าน้ำอีก
“ถ้ามันไม่เป็นไปตามที่คิด สงสัยฉันคงต้องกินแต่มาม่าแล้วละเดือนนี้” หลงเฟยพึมพำออกมาอย่างเสียวสันหลัง
ไม่นานเจ้าของร้านขายอุปกณ์เครื่องครัวขับรถกลับมาส่งของอีกหนึ่งรอบ โดยที่เจ้าของร้านเสนอตัวช่วยหลงเฟยยกของทุกอย่างเข้าไปในบ้านอย่างใจดี
เมื่อเจ้าของร้านกลับไปแล้ว ภายในบ้านพักเหลือเพียงแค่หลงเฟยคนเดียว เขาก็ไปนำถุงย่ามมาเปิดปากถุง และนำไปแตะของชิ้นใหญ่ๆ อย่างชุดโต๊ะเก้าก่อน เมื่อปากถุงย่ามสัมผัสกับของเหล่านั้น ของก็หายไปเหมือนถูกดูดเข้าไปในถุงย่าม ตามที่รีเกลแนะนำไว้จริงๆ เขาจึงทยอยเก็บของใช้เครื่องครัวเข้าไปในถุงย่ามก่อน
ต่อมาหลงเฟยก็เริ่มทำส่วนผสมสำหรับแป้งทอดกรอบตามที่เพิ่งศึกษาวิธีการทำมาจากอินเตอร์เน็ตสดๆ ร้อนๆ และเขาคิดว่า สำหรับโลก MAGIC แล้ว สูตรไหนๆ มันก็น่าขายได้ดีหมดนั่นแหละ เขาจึงเลือกสูตรที่สามารถทำได้ง่ายๆ เช่น การนำน้ำ แป้งและไข่ เข้าไปผสมกันตามอัตราส่วนที่กำหนด จากนั้นหลงเฟยก็นำแป้งทอดไปเก็บไว้ในโหลพลาสติกทรงกระบอกที่เขามีอยู่แล้ว
หลงเฟยกทำการหมักไก่ และทำน้ำจิ้มต่อ สุดท้ายก็เป้นการเทน้ำที่แช่ข้าวเหนียวทิ้ง เก็บเมื่อเก็บทุกอย่างลงภาชนะบรรจุแยกกันจนเรียบร้อย และค่อยๆ จัดเก็บลงถุงย่าม
เวลาเลยผ่านไปจนถึงช่วง 22.00 น. หลงเฟยก็เตรียมทุกอย่างเสร็จเป็นที่เรียบร้อย เขาจึงเข้าไปอาบน้ำ สระผม เตรียมพักผ่อนก่อนที่จะเดินทางไปต่างโลกในคืนนี้
เมื่อถึงเวลาเที่ยงคืน แสงสว่างวาบก็พาเขามาพบรีเอลในห้องเตรียมการ พวกเขาทักทายกันสักเล็กน้อย ก่อนที่รีเอลจะให้เขาเลือกสิ่งที่จะนำติดตัวไปด้วยเหมือนปกติ จากนั้นหลงเฟยก็ถูกเคลื่อนย้ายไปยังกระท่อมโง่หลังเล็กที่เขาจากมา ในเวลาตีสี่เช่นเดิม
แต่วันนี้หลงเฟยไม่ได้คิดจะพักผ่อนรอให้เช้าก่อน เขาสะพายถุงย่ามเดินมุ่งตรงไปหาทางป้อมสังเกตการณ์ เพื่อไปขอคำแนะนำเรื่องสถานที่ทำธุรกิจค้าขายของเขากับพวกลีมูน
“สวัสดีครับพี่ลีมูน พี่มิเกล พี่การิน และพี่อารีน”
เขากล่าวทักทายรอบวง เมื่อมาถึงป้อมสังเกตการณ์แล้วพบว่าพวกลีมูนกำลังนั่งผิงไฟอยู่เหมือนเมื่อวานไม่มีผิด ต่างกันตรงที่วันนี้ไม่มีปลาโคลนเสียบไม้ปิ้งเอาไว้
“พอดีผมกำลังหาเช่าที่อยู่ พวกพี่พอจะมีที่สำหรับขายอาหารแนะนำไหมครับ”
หลงเฟยถามเข้าประเด็นทันที่ พร้อมกำหย่อนตัวลงนั่งบนท่อนไม้ที่ว่างอยู่เหมือนเดิม
“ร้านอาหารหรือ ส่วนใหญ่ก็อยู่ตรงตลาดของกินนั้นแหละ แล้วเจ้ามีงบเท่าไหร่ล่ะ ส่วนใหญ่คิดราคากันโหดเอาเรื่องอยู่นะ ยิ่งเจ้าไม่ได้เป็นสมาชิกของสมาคมพ่อค้า การก่อตั้งร้านอาหารจะทำให้เจ้าเสียค่าเช่ามากกว่าปกติถึง 2 เท่าเลยทีเดียว”
ลีมูนอธิบาย พร้อมกับมีพี่ๆ คนอื่นพยักหน้าร่วมเป็นการยืนยันว่าข้อมูลที่ลีมูนบอกนั้นเป็นเรื่องจริง