หมั้นรัก บทที่ 1 : มาร์ชิน
• แม้ว่าดวงดาวจะสวยแค่ไหน แต่ผมก็จะภาวนาให้ได้พระจันทร์มาครอบครอง •
ณ ประเทศญี่ปุ่น
บ้านพักส่วนตัวในย่านชนบทของประเทศญี่ปุ่น ความเงียบสงบบวกกับอากาศเย็นของฤดูหนาวทำให้บริเวณทั่วทั้งหมดปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาว
กรุ๊งกริ๊ง ~
เสียงกระดิ่งประตูรั้ว ทำให้หญิงสาววัยกลางคนผู้เป็นเจ้าของบ้านหันมองไปยังทิศทางของเสียง ผู้ชายตัวสูงคนหนึ่งชะโงกหน้ามองเธอ เขาไม่ใช่คนแปลกหน้าหรือคนไม่ดีที่เข้ามาก่อกวน แต่เขาคือคนของอดีตสามีเธอและยังเป็นลูกน้องคนสำคัญของลูกชายของเธออีกด้วย
“สวัสดีครับนายหญิง” เขาก้มหัวให้หญิงสาวที่เดินออกมาเปิดประตูรั้ว
“หยุดเรียกแบบนี้ได้แล้ว” ตลอดสิบปีที่เธอหย่าร้างกับสามีและยุติหน้าที่ในตำแหน่ง ‘นายหญิงแห่งมัสชิโม่’ พวกเขาก็ยังไม่เลิกใช้คำนี้กับเธอ
“นายหญิงก็รู้ว่าพวกเราไม่ได้ยอมรับและไม่อยากยอมรับเธอคนนั้น”
“ไม่อยากยอมรับก็ต้องยอมรับ เธอเป็นคนที่เขาคนนั้นเลือกนะ” รอยยิ้มใจดีปรากฏบนใบหน้า แม้จะเข้าสู่ช่วงวัยสี่สิบกว่าปี แต่ความสวยของเธอไม่น้อยลงเลย ผู้หญิงที่เป็นแม่ของทายาทเพียงคนเดียวที่พวกเขายอมรับ
“แต่...คนที่พวกเราไม่มีทางยอมรับคือคนที่จะมาเป็นทายาทนะครับ”
“...” คำพูดของเขาทำให้เธอไม่สามารถปฏิเสธได้ แม้ว่าจะหย่าร้างกับสามีมานาน แต่ไม่ว่ายังไงสายเลือดเพียงคนเดียวที่จะสามารถ รับตำแหน่งบอสคนต่อไปได้ก็มีแค่ลูกชายของเธอเท่านั้น มาร์ชิน
“ขออนุญาตนะครับ” เขาก้มหัวให้เธอแล้วเดินผ่านเข้าไปในบ้านแบบปกติทุกครั้งที่มา
“ถึงเวลาแล้วเหรอเนี่ย...” เสียงของคนเป็นแม่พึมพำกับตัวเองเธอรับรู้และยอมรับเรื่องของลูกชายมาตลอด เพราะทั้งหมดและทุกอย่างของเขาคนนั้น ยังไงมันก็คือของของมาร์ชิน
ณ ห้องพักส่วนตัว
ร่างสูงสวมเสื้อฮูดตัวหนาปกปิดผิวขาวซีด แขนเสื้อถูกดึงปิดรอยสักบนแขนไว้อย่างมิดชิด ดวงตาคมจ้องมองผู้ชายที่นั่งอยู่บนพื้นด้านหลัง วันนี้เป็นวันที่เขาจะต้องเดินทางกลับไปสู่หน้าที่ของตัวเองและกลับไปจัดการปัญหาคาราคาซังต่าง ๆ ที่ประเทศอิตาลี หน้าที่ที่เขาไม่มีทางหนีมันไปได้
“นี่ครับเอกสารของคุณมาร์ชิน ผมจัดเตรียมไว้ให้หมดแล้ว” หนังสือเดินทางและเอกสารสำคัญวางเรียงกันอยู่บนโต๊ะ
“...” เขายังคงจัดเตรียมของในส่วนของตัวเองจนกระทั่งลิ้นชักหนึ่งถูกเปิดออก เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเปิดมันครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่
กล่องสีแดงกำมะหยี่ด้านในมีแหวนตัวเรือนเป็นทองคำขาว หัวแหวนประดับด้วยเพชรเม็ดเล็ก มันคือแหวนหมั้นที่อยู่กับเขาหนึ่งวงและอีกหนึ่งวงก็อยู่กับผู้ถูกกำหนดมาให้เป็นเจ้าของของมัน
“คุณเฮเลนเธอเติบโตมาเป็นผู้หญิงที่สวยมากเลยนะครับ”
ปึก! กล่องแหวนถูกปิดลงอย่างแรง
“...” มาร์ชินหันหลังกลับมามองผู้ชายที่นั่งอยู่
“ยอมรับเถอะครับ ว่ายังไงก็เป็นเธอ” เพราะอยู่มานานแล้วยังเป็นคนสนิทของพ่อ ทำให้เขารู้เรื่องการหมั้นหมายในวัยเด็กนี่ด้วย
“เดี๋ยวมันก็เปลี่ยน” ผู้หญิงที่ไม่เคยรู้จักกันใครจะแต่งงานด้วยได้ นี่มันสมัยไหนแล้วยังมีการจับคลุมถุงชนอยู่อีก แต่เพราะครั้งนั้นเขายังเด็กทำให้ไม่สามารถปฏิเสธความคิดของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายได้ แต่ต่อจากนี้เขาจะค่อย ๆ จัดการไปทีละเรื่อง รวมถึงเรื่องการหมั้นด้วย
“ทำไมล่ะครับ กลับไปครั้งนี้ลองไปเจอเธอดูสิครับ”
“ได้เจอแน่” เพราะเขาตั้งใจจะจัดการเรื่องของเธอต่อเป็นลำดับที่สอง
“อยากจะบอกว่าเธอสวยมากเลยนะครับ แล้วก็ใจดีมากด้วย”
“...” เขาปาดสายตามองผู้ชายที่นั่งอยู่ ก่อนจะละสายตาไปสนใจเอกสารบนโต๊ะ
“ตอนนี้เธอพึ่งเปิดบาร์เป็นธุรกิจของตัวเองครับ เห็นว่าไม่ได้ใช้เงินของทางบ้านเลย”
“ยังไงก็เงินที่บ้าน ลูกสาวมาเฟียแบบเธอจะทำอะไรเป็น...ว่าแต่บาร์แนวไหน” เขาพูดพร้อมกับเปิดเอกสารในมืออ่านทีละหน้า
“...บาร์โฮสครับ”
“...” คำตอบของลูกน้องคนสนิท ทำเอามือที่กำลังเปิดพลิกหน้ากระดาษหยุดชะงัก
“บาร์โฮสที่บริการผู้หญิงน่ะครับ” เขาขยายความเพราะเข้าใจว่าเจ้านายตัวเองกำลังไม่เข้าใจในสิ่งที่เขากำลังพูด
“รู้แล้ว”
“แต่นั่นก็แค่ธุรกิจครับ เดี๋ยวคุณมาร์ชินกลับไปเจอเธอก็จะได้สัมผัสว่าเธอน่ารักมากแค่ไหน”
“ธุรกิจจะบ่งบอกตัวตนของเจ้าของนะ” แล้วผู้หญิงคนนั้นก็เปิดบาร์โฮส เป็นตัวของตัวเองสุด ๆ
“...” ลูกน้องของเขาได้แต่ก้มหน้า เพราะไม่สามารถเถียงอะไรออกไปได้
“เครื่องออกกี่โมง”
“สองทุ่มครับ”
“แล้วของนายกี่ทุ่ม”
“เที่ยงคืนครับ”
“อือ” เขาสั่งให้จองสองเที่ยวบินและแยกกันกลับ เพราะรู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์บางอย่างเหมือนมันจะต้องมีอะไรเกิดขึ้น
“คือว่า...ที่ให้จองแบบนี้เพราะจะตบตาคนของคุณเฮเลนเหรอครับ” เพราะสงสัยมานานเขาจึงเลือกที่จะถามออกไป
“ใช่”
“ทำไมล่ะครับ ทำไมถึงคิดว่าเธอจะส่งคนมาตามทั้ง ๆ ที่คนของเราก็ปิดเรื่องนี้เป็นความลับกันได้อย่างดี แม้แต่แม่เลี้ยงของคุณมาร์ชินยังไม่รู้”
“แม่เลี้ยงฉันโง่นะ แต่คู่หมั้นฉันไม่ได้โง่ ไม่อย่างงั้นเธอไม่ปล่อยให้ การหมั้นผูกมัดเป็นสิบ ๆ ปีแบบนี้หรอก” แม้ว่าจะไม่รู้นิสัยใจคอของเธออย่างใกล้ชิด แต่ทุกเรื่องที่รับรู้มาก็พอจะคิดได้ว่า เธอไม่ใช่คนที่เขาจะรับมือได้ง่าย
“เธออาจจะชอบคุณมาร์ชินก็ได้ เธอถึงไม่ถอนหมั้น” เขาพูดพร้อมกับก้มหน้าหลบสายตาของเจ้านายที่จ้องมองมา
“เธอรอวันเอาคืนต่างหาก” แต่ไม่ว่าจะมาแบบไหน เขาก็ไม่เคยกลัวอยู่แล้ว
“เธอเป็นคนดีนะครับ ผมว่าเธอไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น”
“นายอายุเท่าไหร่” จู่ ๆ มาร์ชินก็ถามนอกเรื่องที่กำลังคุยกัน
“สามสิบสองครับ” เขาเงยหน้าขึ้นมองด้วยแววตาสงสัย
“มีครอบครัวหรือยัง”
“ยังครับ”
“แฟนล่ะ”
“...ไม่มีครับ” พอถูกถามแบบนี้ เขาก็รู้สึกเขินเหมือนกันนะ
พึ่บ! มาร์ชินลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้ามาหยุดยืนตรงหน้า
“คู่หมั้นฉันสวยใช่ไหม”
“...ครับ” คำถามของผู้เป็นเจ้านายทำเอาเขายิ่งงงเข้าไปใหญ่ แต่ถ้าถามว่าเธอถูกใจเขาไหมก็ต้องยอมรับว่ามาก
“เดี๋ยวฉันยกให้” พูดจบก็เดินออกจากห้องไปทันที น้ำเสียง แววตา ไม่ได้มีความหึงหวงหรือไม่พอใจ แต่สิ่งที่เขาพูดออกมาคือสิ่งที่เขาจะทำมันจริง ๆ ผู้ชายคนนี้ไม่สนใจและไม่ยอมรับคู่หมั้นของตัวเองมาแต่ไหนแต่ไร ไม่สนใจว่าเธอจะเป็นยังไง พูดว่ายกให้ด้วยใบหน้าเรียบเฉยขนาดนั้นโดยไม่รู้สึกเสียดาย
“เดี๋ยวก็กลืนน้ำลายตัวเองหรอกครับเจ้านาย”