ตอนที่ 5 เปิดเผยความจริง 2
"เอ๋ เหยาเอ๋อร์เจ้ามีความสามารถเรื่องการรักษาโรคด้วยหรือ ทำไมพี่ไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อน" เหยียนเชี่ยหลงทำสีหน้างงงวย และมองไปที่นางอย่างสงสัย
"ข้าก็พอมีความรู้อยู่บ้างเจ้าค่ะ แต่ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้น"
"ตั้งแต่นางมาอยู่ที่จวนตระกูลเหยียน ข้าก็ส่งองครักษ์เงาสังเกตดูความเคลื่อนไหวของนางตลอด จึงทำให้ทราบว่า นางได้ให้สาวใช้คนสนิทไปหาพิษกระเรียนแดงมา และ ต้องการที่จะใส่ร้ายป้ายสีข้า ดังนั้นข้าจึงยอมทำตามแผนการณ์ของนางทุกอย่าง ตั้งแต่หาเรื่องให้ข้าตบตีนาง ทำให้ข้ามีภาพลักษณ์ของฮูหยินเอกที่มีใจคอคับแคบในสายตาของผู้อื่นอย่างไรเล่า แต่ข้าหาได้ใส่ใจไม่ ในเมื่อมีคนที่ข้าเกลียดมาให้ลงมือถึงที่ ไยข้าจะไม่ทำ อีกอย่างเรื่องของพิษที่สาวใช้ของนางไปหามานั้น ข้าก็ได้สะกดรอยตามจนทราบว่า สาวใช้ผู้นั้น ได้ไหว้วานให้ญาติของนางไปจัดหามาให้ และนัดกันรับของที่เรือนหลังท้ายจวน โดยมีญาติของนางเป็นผู้นำมาให้ หากทำเช่นนี้ถึงแม้จะถูกจับได้ แต่ผู้ที่ไปรับซื้อพิษก็ยังเป็นผู้อื่น ไม่ใช่คนของนาง ข้อนี้ถือว่านางยังมีความฉลาด แต่ยังฉลาดน้อยกว่าข้าไปหน่อยที่ ไม่เฉลียวใจสักนิดว่าข้าจะส่งคนติดตามนาง"
"ฟ่านเหยาเหยา เจ้าพูดเช่นนี้ ก็เท่ากับเจ้าใส่ร้ายข้า เจ้าจะพูดพล่อยๆ โดยไม่มีหลักฐานไม่ได้โดยเด็ดขาด"
"ถูกต้องที่ข้าพูดข้าต้องมีหลักฐานอยู่แล้ว เจ้าไม่สังเกตรึว่าสาวใช้ที่เจ้าให้ไปนำพิษกระเรียนแดงมาให้ตอนนี้นางไปอยู่ที่ไหนสะละ? "
หลังฟ่านเหยาเหยาพูดจบ หลี่ชิงชิงก็ส่งสายตาเป็นเชิงถามสาวใช้ของตนทันที เป็นจริงดังที่คาดไว้ สาวใช้ของนางไม่ทราบว่า หยูเชี่ยนเอ๋อร์หายไปไหน
เมื่อมองเห็นสีหน้าร้อนรนของนางแล้ว ฟ่านเหยาเหยาก็ไม่รอช้า หัวเราะออกมาเสียงดัง อย่างไม่สงวนท่าที
"เด็กๆ นำตัวคนเข้ามา"
หลังพูดจบ บ่าวรับใช้ก็ลากตัวสาวใช้หยูเชี่ยนเอ๋อร์ เข้ามาข้างในห้องโถงใหญ่
ในยามนี้ใบหน้าของหลี่ชิงชิงซีดเผือด ในเมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ นางยังจะเหลือทางรอดใดให้กับตนเองได้อีก
"หยูเชี่ยนเอ๋อร์ เจ้าจะพูด ออกมาเอง หรือว่าเจ้าจะให้ข้าเป็นคนอธิบายกับทุกคน"
"ไม่! ไม่! ไม่เจ้าค่ะฮูหยินโปรดไว้ชีวิตของบ่าวและครอบครัวด้วยเถิดเจ้าค่ะ บ่าวจะพูดเอง เรียนฮูหยินผู้เฒ่า ท่านแม่ทัพเหยียน เนื่องด้วยว่าบ่าวเป็นคนนำพิษกระเรียนแดงมาเอง บ่าวก็แค่ทำตามคำสั่งของอนุหลี่เท่านั้น"
ไม่รอให้นางได้พูดจบหลี่ชิงชิงก็ปรี่เข้ามาตบตีทำร้ายหยูเชี่ยนเอ๋อร์ทันที
"นังบ่าวสารเลวข้าไปทำอันใดให้เจ้า อยู่ดีๆ ก็มาใส่ร้ายข้า เจ้าอยากตายมากนักใช่หรือไม่ หึ" นางทำร้ายบ่าวรับใช้ของตัวเองอย่างเสียสติมิหนำซ้ำ ยังไม่สนใจภาพลักษณ์ของคุณหนูผู้อ่อนหวานและอ่อนโยนอีกต่อไป
"พอได้แล้ว หยุดบ้าสักที" เหยียนเชี่ยหลงทนมองดูการกระทำของอนุของเขาไม่ได้อีกต่อไป เรื่องทั้งหมดมันคือเรื่องโกหก มันคือเรื่องหลอกลวง ความอ่อนหวานอ่อนโยนของสตรีตรงหน้าเขาที่ผ่านมา มันคือเรื่องโกหก!! ในตอนนั้นเขาได้ทำร้ายสตรีที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสตรีที่เขารักไปมากเพียงใด ใช่แล้ว!!! เขาไม่เชื่อใจนาง เขากลับไปเชื่อใจนางอสรพิษนี่ ในตอนนี้เขารู้สึกผิดต่อนางจริงๆๆ
"เหยาเอ๋อร์อดีตพี่ทำเจ้าต้องเสียใจ เพราะพี่มองแต่เพียงภายนอก ไม่ว่านางจะพูดอะไรพี่ก็เชื่อนางไปเสียหมดอย่างที่เจ้าว่า มองเจ้าเป็นสตรีร้ายกาจ พี่ขอโทษเจ้า เป็นพี่ไม่ดีเอง"
หลังพูดกับฟ่านเหยาเหยาเสร็จ เขาก็หันไปพูดกับหลี่ชิงชิงด้วยสายตาชิงชัง
"ข้าได้สัญญากับบิดาของเจ้าว่าข้าจะดูแลเจ้า ถึงได้รับเจ้ามาเป็นอนุ แต่ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะกล้ามาทำร้ายคนที่ข้ารัก ทำให้ข้ากับนางต้องมีความหมางใจกันครั้งแล้วครั้งเล่า เจ้าสำนึกในความผิดของเจ้าบ้างหรือไม่ ด้วยความผิดของเจ้าข้าสมควรจะขับไล่เจ้าออกจากตระกูลเหยียน แต่ด้วยนึกถึงความดีของบิดาเจ้า ข้าจึงจะให้เจ้าไปอยู่ที่เรือนหลังตลอดทั้งชีวิตนี้ของเจ้าอย่าได้เสนอหน้ามาเรือนใหญ่อีกเป็นอันขาด"
"ท่านพี่" หลังจากฟังคำตัดสินของผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีของตนจนจบ นางก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้อีกต่อไป นางมองหน้าเขาอย่างเจ็บปวดในอก 'คำก็ทำร้ายสตรีที่ข้ารัก สองคำก็สตรีที่ข้ารัก แล้วนางเล่าเขาไม่คิดจะรักนางบ้างหรืออย่างไร'
"เด็กๆ มาลากตัวสตรีแพศยานี้ไปที่เรือนหลังและข้าวของเครื่องใช้ของนางทั้งหมด อย่าเก็บไว้ให้เป็นเสนียดกับสายตาข้า"
พูดจบเขาก็ไม่สนใจมองหน้านางอีกเลย
"เหยาเอ๋อร์ เอ่อ … คือว่าย่า" อ้ำอึ้งอยู่นานสองนานในที่สุดฮูหยินผู้เฒ่าก็ไม่มีสักคำที่จะกล่าวออกไป ด้วยว่ารู้สึกผิดต่อหลานสะใภ้
ฟ่านเหยาเหยาเพียงส่งสายตาอ่อนโยนไปให้ฮูหยินผู้เฒ่าเหยียน โดยไม่มีสายตาผิดหวังหรือเสียใจอยู่ในนั้นเลย
"ท่านย่าหลานเข้าใจเจ้าค่ะ หลานไม่โทษท่าน เป็นหลานที่ไม่อธิบายพฤติกรรมก่อนหน้านั้นให้ชัดเจนเอง ถ้าท่านย่าจะเข้าใจเช่นนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องผิดอันใด เรื่องในวันนี้ทั้งหมดก็ได้คลี่คลายลงแล้ว ท่านย่าก็ลืมมันไปเสียเถิด"
นางเข้าใจความรู้สึกของฮูหยินผู้เฒ่าดี ในเมื่อหลี่ชิงชิงเอาเรื่องที่นางตั้งครรภ์มาอ้างสำหรับคนแก่แล้วจะมีอันใดสำคัญไปกว่าเรื่องการมีลูกหลานไว้สืบสกุลเล่า เฮ้อ….