พบ
"ไม่น้าาาาจะตายไม่ได้ได้นะ ห้ามตายตรงนี้เจ้าคนถ่อย ลุกขึ้นมาข้าสั่งไม่ให้ตายจะตายทั้งๆ ที่ยังนอนอยู่บนตัวข้าไม่ได้น้าาาา"
ทั้งผลักทั้งดันร่างสูงที่หนวดเครารุงรังแต่ด้วยร่างสูงที่ทั้งใหญ่ทั้งหนักหลันเล่อจึงเปลี่ยนวิธียกมือขึ้นกอดรวบลำตัวมือบางวางที่แผ่นหลังของเหลวเหนียวหนึบ หลันเล่อจ้องมือบางที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดของตัวเอง
"บาดเจ็บนี่"
พลิกร่างสูงลงด้านล่างตัวเองนอนทับด้านบน หอบแฮ่กๆ
"คนอะไรตัวใหญ่เป็นบ้า ไปตามอาจารย์มาดีกว่า ไม่ได้สิต้องจัดการกับบาดแผลเสียก่อนค่อยตามอาจารย์"
ดึงมีดสั้นออกมาจากเอวขมวดคิ้วจรดมีดสั้นลงที่ลำคอของต้าหมิงคุน ลากมือขึ้นลงเบาๆ
"ไม่มีหนวดเคราแล้วค่อยดูดีมาหน่อย อีกอย่างพวกที่ตามล่าก็จะจำไม่ได้"
พลิกร่างใหญ่ให้นอนคว่ำหน้าด้วยแรงทั้งหมด ตัดเศษอาภรณ์ด้านหลังของต้าหมิงคุนออก แผลยาวเหวอะหวะฟาดยาวบนแผ่นหลัง ดึงถุงน้ำกระเพาะแพะมารินน้ำใส่ผ้าจนชุมเช็ดรอบๆ บาดแผล
"ไปปล้นฆ่าใครเขามา จึงถูกตามล่าเช่นนี้ แต่หายห่วงถึงมือหลันเล่อแล้วจะต้องปลอดภัย"
หยิบยาสมานแผลขวดเล็กที่พกติดตัวเป็นประจำ ก็หลันเล่อมักจะบาดเจ็บมีบาดแผลเล็กน้อยไปทั่วกาย ถงหมิ่นจึงยัดยาสมานแผลใส่มือให้ตั้งแต่นั้นมาก็กลายเป็นของที่ต้องพกติดตัวเป็นประจำ โรยยาสมานแผล เทน้ำใส่ในผ้าอีกครั้ง เช็ดรอยเลือดที่เปรอะเปื้อนใบหน้าอีกครั้ง หลันเล่อชะงักมือ ด้วยใบหน้าหมดจดที่เห็นช่างหล่อเหลาในตอนที่มีหนวดเครามองเหมือนโจรป่า แต่พอโกนหนวดเคราออกเสียสิ้นกับมีสภาพ ดังอ๋องหรือองค์ชายของแคว้นใดสักแห่งหนึ่ง
หลันเล่อมองใบหน้าหล่อเหลารู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด บังเกิดความรู้สึกประหลาด ที่หลันเล่อไม่เข้าใจว่ารู้สึกอย่างไรกันแน่ สะบัดหัวไปมา
"ไปตามอาจารย์ดีกว่า"
ลุกขึ้นยืนกับถูกร่างสูงดึงรั้งจนล้มลงบนอกของเขาทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วเพียงครู่เดียวร่างเล็กของหลันเล่อก็อยู่ใต้ร่างของต้าหมิงคุน
"เจ้าเป็นใคร"
"ขะขะ เอ่อหลันเล่อ"
"ไม่จริงลี่หลันเล่อนางตายไปแล้ว"
"ลี่หลันเล่อ ไม่ไม่ไม่ข้าเอ่อหลันเล่อองค์หญิงรองเผ่าปาเอ่อถัว"
ต้าหมิงคุนยกมือขึ้นกุมขมับ
"นางตายไปแล้ว"
พึมพำเบาๆ
"ท่านลุงเอ๊ยท่านอาท่านต้องใจเย็นๆ ข้าเป็นคนช่วยท่านไม่ได้คิดจะทำร้ายท่าน เห็นไหมบาดแผลของท่านก็เป็นยาสมานแผลที่ดีที่สุดของเผ่าเรามีใช้เฉพาะในวังหลวงชาวบ้านธรรมดาไม่มีโอกาสได้ใช้ยานี่ ถงหมิ่นให้ข้าพกไว้พอดีได้ใช้ช่วยชีวิตท่านอาพอดีเลย"
ต้าหมิงคุนได้ยินชื่อของถงหมิ่น
"ถงหมิ่น ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน"
"อาจารย์กับข้าเรามักจะร่ำสุราด้วยกันที่….ทำไมข้าต้องบอกท่านด้วย"
"ตามเขาให้ข้า"
น้ำเสียงดุดัน
"นี่พูดดีๆ หน่อยถ้าท่านอารู้จักซือฟุอยากพบซือฟุจะต้องพูดกับข้าดีๆ เพราะว่าข้าเป็นถึงองค์หญิง"
"ตามเขามาพบข้า"
ยังพูดคำเดิมซ้ำๆ ก่อนจะทิ้งตัวลงแผ่หลาด้วยรู้สึกถึงความเจ็บปวดบริเวณบาดแผล
จื่อจื่อทะยานลงจากคบไม้ ตรงเข้าพยุงร่างสูงของต้าหมิงคุน
"ฮะฮะ ฮ่าฮ่า"
อดที่จะขำไม่ได้เมื่อเห็นว่าใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเคราไม่เคยต้องคมมีดมานับสิบปีบัดนี้สะอาดหมดจดไม่เหลือเส้นขนบนใบหน้าแม้แต่เส้นเดียว
"นายท่าน ทำไมใบหน้าท่าน"
หลันเล่อเม้มริมฝีปากกลั้นยิ้ม ยืนส่ายไปส่ายมา
"ข้ากลัวว่าพวกที่ตามล่าเขาจะจำเขาได้อีกอย่าง...ข้าไม่ชอบคนที่หนวดเครายาวรุงรังเหมือนโจรป่า"
ต้าหมิงคุนอ้าปากค้างยกมือขึ้นลูบที่ใบหน้าหมดจดของตัวเอง
"เจ้า นี่เจ้าทำอะไรข้า"
"เอ้า ก็แค่โกนหนวดเคราให้ แล้วก็ทำแผลไม่ได้ปล้นพรหมจรรย์เสียหน่อยทำไมต้องโมโหขนาดนั้น"
“เจ้าต้องชดใช้”
“จะบ้าหรือชดใช้เรื่องอะไรกัน ข้าช่วยชีวิตแค่กวนหนวดเคราด้วยความหวังดี อีกอย่างโกนขนพวกนี้ทิ้งแล้วก็หล่อเหลาไม่น้อย”
จื่อจื่ออมยิ้มนึกขำ แม่นางน้อยผู้นี้ช่างมีอารมณ์ขันยิ่งนัก นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่เห็นว่า ต้าหมิงคุนจะมีอาการวุ่นวายแบบนี้
จื่อจื่อหันมองหลันเล่อ ก่อนจะอ้าปากค้าง
"คุณหนูลี่"
"ไม่ไม่ไม่ข้าชื่อเอ่อหลันเล่อ"
จื่อจื่อยังคงจ้องมองใบหน้าของหลันเล่อนิ่ง จะเป็นไปได้อย่างไรหากเป็นลี่หลันเล่อที่ไม่แก่เฒ่าแล้วยังสวยน่ารักแววตาใสซื่อไร้แววหยิ่งยโส
ลี่หลันเล่อที่เขาฝังนางกับมือ ต้าหมิงคุนหลบลี้หนีหน้าจากผู้คนนานนับเดือนด้วยเรื่องของลี่หลันเล่อ เมิ่งเม่ยที่แทบจะถอดใจเมื่อไม่อาจดึงรั้งต้าหมิงคุนให้กลับเป็นคนเดิม
"ไม่เอาดีกว่าท่านมีคนดูแลแล้ว ข้าไปก่อนดีกว่า”
ก้าวขาจากไป จื่อจื่อพยุงต้าหมิงคุนนั่งพิงต้นไม้ใหญ่
“นางยั่วโทสะข้า”
“นางน่าเอ็นดูอีกอย่างใบหน้าของนางช่างละม้ายกับแม่นางลี่แล้วยังมีชื่อเดียวกันด้วย”
ต้าหมิงคุนยกมือขึ้นลูบหนวดเคราด้วยความรู้สึกแปลกไป ความจริงก็ดีไม่น้อยไม่มีหนวดเคราก็รู้สึกว่าใบหน้าสะอาดสะอ้าน ถอนหายใจกับคำว่าหล่อเหลาของแม่นางน้อยหลันเล่อ
“เจอตัวหรือไม่”
หลันตี้ ถามหัวหน้าโจรจิ้งจอกดำ
“ไม่เจอ ข้าส่งคนติดตามจนทั่วไม่พบแม้แต่เงา”
หานจงหัวหน้าโจรพรรคจิ้งจอกดำส่ายหน้าไปมา
“เรื่องง่ายดายทำให้เป็นเรื่องยาก อยู่ในเผ่าปาเอ่อถัวของเราจะสังหารคนล้วนง่ายดาย ข้ามักจะเปิดโอกาสให้พวกท่านได้ทำตามใจ ของที่ปล้นมาก็ไม่เคยเอาส่วนแบ่งเรื่องแค่นี้กลับทำไม่สำเร็จ”
“ต้าหมิงคุนได้รับบาดเจ็บสาหัส หากองค์ชายเพียงแค่ห้ามหมอในปาเอ่อถัวให้การรักษา คาดว่าบาดแผลอาจมีปัญหาในภายหลัง”
“โง่เสียจริงข้าจะสั่งแบบนั้นได้อย่างไร พรุ่งนี้พระสนมลู่ฟางก็จะต้องรับเอาหลานคนโปรดต้าหมิงคุนเข้ามาในวังหลวงอยู่แล้ว ความจริงควรจะจัดการให้สำเร็จในคืนนี้”
“ข้าส่งคนไปแล้วองค์ชายวางใจ ข้าจะทำให้ดีที่สุดตามที่ตกลงกันไว้”
“เรื่องน้องสาวของข้า องค์หญิงรองนะหรือข้ายังไม่ได้รับปากว่าจะทูลเสด็จพ่อเรื่องนี้”
“องค์ชาย แต่ข้าบอกท่านแล้วว่าที่ข้ายอมทำเรื่องทั้งหมดให้ท่านยอมเสี่ยงกับการยกทัพมาโจมตียอมเอาชีวิตของจอมโจรจิ้งจอกดำหลายร้อยชีวิตไปเสี่ยงก็เพราะว่าข้าแอบหมายปององค์หญิงรองหลันเล่อ เพียงท่านเอ่ยปากเชื่อว่าฝ่าบาทจะต้องไม่กล้าปฏิเสธ”
หลันตี้ยิ้มมุมปาก ใครกันอยากจะให้ลูกสาวหรือน้องสาวที่น่าเอ็นดูอย่างหลันเล่อต้องไปเป็นภรรยาจอมโจรมีชีวิตหลบๆ ซ่อนๆ
“ไว้ข้าคุยกับเสด็จพ่อเรื่องนี้อีกที เจ้าทำสิ่งที่ข้ามอบหมายให้สำเร็จก่อนเถิด หานจง”
ลุกขึ้นสะบัดชายเสื้อจากไปในทันที
“องค์หญิงรองหายออกจากวังหลวงอีกแล้ว กงเจี้ยนตามหาองค์หญิงให้กลับมาได้แล้ว”
หลันตี้สั่งดังๆ
“องค์ชาย คงอยู่กับถงหมิ่นเป็นแน่ไม่ได้หายไปไหน”
“นั่นยิ่งต้องตามนางกลับมา ถงหมิ่นเป็นคนแคว้นหานข้าไม่เคยไว้ใจเขา”
“ขอรับ”
กงเจี้ยนประสานมือ คว้ากระบี่ออกจากห้องไปอีกคน
หลันเล่อสาวเท้ากลับวังหลวงเร็วรี่วันนี้ไม่ได้ร่ำสุราเหมือนเช่นทุกครั้งที่หนีออกมาป่านนี้แล้ว อาจารย์ก็คงกลับวังหลวงแล้วเช่นกัน
“อุ๊ป”
ถงหมิ่นกางมือออกขวางหน้าหลันเล่อไว้ยิ้มด้วยแววตาอ่อนโยน
“องค์หญิงรองหนีอะไรมา” พูดยิ้มๆ
“อาจารย์ ดีใจจังข้าคิดว่าต้อง เดินกลับวังหลวงเพียงลำพังเสียแล้ว”
ยื่นหน้าเข้ามาใกล้
“ก็เลยคิดถึงอาจารย์ใช่หรือไม่”
“อาจารย์รู้ใจข้าที่สุด นี่ข้าเดินจนขาพังไปแล้ว”
ทรุดกายชันเข่านวดน่องเบาๆถงหมิ่นหันหลังให้
“มะ...อาจารย์แบกเจ้าไปดีไหม”
หลันเล่อกระโดดขึ้นหลังของถงหมิ่นในทันที
“ดีมาก ไม่เห็นข้าไปก็ไม่ยอมตามหาข้า ต้องทำคุณไถ่โทษโดยการแบกข้ากลับวังหลวง”
ถงหมิ่นยิ้ม
“เต็มใจอย่างยิ่ง”
แสงจันทร์กระจ่างกับร่างเล็กบนแผ่นหลังที่เจื้อยแจ้วไม่หยุด ถงหมิ่นฟังไปยิ้มไป กับคำถามที่หลันเล่อสรรหามาถามเขาตลอดทาง
“อาจารย์ เมื่อครู่หลันเล่อช่วยชีวิตคนผู้หนึ่งจากการถูกสังหาร”
ถงหมิ่นชะงักฝีเท้า
“ องค์หญิง ท่านทำเรื่องอันตรายเพียงนี้ คนผู้นั้นอาจไม่ใช่คนดี”
“ดีสิ เพราะเขารู้จักอาจารย์ เขายังบังคับให้ข้าตามอาจารย์ให้เขา”
"องค์หญิงเจอเขาที่ไหน”
“ป่าทางทิศใต้ก่อนถึงทางออกไปยังโรงเตี๊ยมที่เรามักจะพบกัน”
“องค์หญิง จากนี้ไปก็จะถึงตำหนักขององค์หญิงแล้ว ข้าน้อยขอตัว”
นั่งลงให้หลันเล่อลงจากแผ่นหลัง
“อ้าว ..อาจารย์ท่านไม่แบกข้าแล้วหรือ”
“อาจารย์มีเรื่องเร่งด่วนต้องไปทำ องค์หญิงอย่าเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังอย่าบอกใครว่าคนผู้นั้นรู้จักกับอาจารย์”
หลันเล่อพยักหน้ายิ้มๆ
“หากเป็นคำสั่งอาจารย์หลันเล่อจะปกปิดให้เอง”
ยิ้มกว้างถงหมิ่นรีบทะยานจากไป
“ฝ่าบาท ต้าหมิงคุนมาในครั้งนี้ เป็นเพราะลู่ฟางส่งสารไปเชิญเขามา”
“ข้ารู้ เจ้าหวังดี”
“ฝ่าบาทหากจะรักษาดินแดนของเผ่าปาเอ่อถัวไว้ได้ ไม่มีการรุกรานจากเผ่าอื่นและแคว้นใต้จะต้องอาศัยแคว้นหาน”
“หลันเล่อเพิ่งจะสิบแปดอีกอย่างข้าไม่อยากฝืนใจนาง”
“ฝ่าบาท ต้าหมิงคุนยังไม่มีฮองเฮารับนางไปแคว้นหาน ข้าช่วยพูดเสียหน่อย ตำแหน่งฮองเฮาคงจะต้องเป็นหลันเล่ออย่างแน่นอน”
“หลันเล่อยังเด็กนักเกรงว่าชีวิตในวังหลวงแคว้นหาน จะทำให้นางต้องพบกับความทุกข์มากกว่าความสุข”
“ นางเป็นองค์หญิง เรื่องบ้านเมืองล้วนสำคัญเหนืออื่นใด”
“ไว้ข้าไตร่ตรองให้ดีกว่านี้ก่อน ไท่จือแคว้นใต้ก็กำลังจะส่งเครื่องบรรณาการมาสู่ขอนาง”
ลู่ฟางยิ้มอ่อนโยน
“ฝ่าบาทต้าหมิงคุน ไม่มีสิ่งใดบกพร่อง หวังว่าฝ่าบาทจะเห็นแก่ข้ามอบนางให้เป็นคนของต้าหมิงคุน”
“ไม่มีทางนางพูดเอาเองตามแต่ใจของนาง คิดจะดองกับเผ่าปาเอ่อถัวเพื่อผลประโยชน์กดดันหลันเล่อของข้า นางแพศยาได้ใจฝ่าบาทไปยังคิดบงการลูกของข้าอีก”
ฮองเฮา ส่งเสียงดังลั่นเมื่อนางกำนัลที่ส่งไปยังตำหนักของลู่ฟางรีบคาบข่าวสำคัญนี้มาบอก
“ฝ่าบาทรับปากนางหรือไม่”
“ไม่เพคะฝ่าบาทไม่ยอมรับปาก อ้างว่าองค์หญิงยังเด็ก”
“ทั้งลู่ฟางและถงหมิ่นทั้งสองคนคิดจะบงการหลันเล่อของข้า ส่งข่าวบอกไท่จือแคว้นใต้ให้รีบเสด็จยังเผ่าปาเอ่อถัวโดยเร็วที่สุด”