บทที่ 4 แม่สื่อ
“ค่ะเจ้านาย จะใช้งานอะไรดิฉันก็บอกมาได้เลยค่ะ” โศรดาล้อเพื่อนแล้วยิ้มให้ก่อนจะเดินไปบ้านทรงไทยหลังใหญ่ที่ใหญ่จริงเป็นบ้านทรงไทยโบราณ ขึ้นบันไดไปก็เป็นชานโล่งตรงกลางสองฝั่งมีหลังคาและมีโซฟารับแขกทันสมัยอีกฝั่งก็จะเป็นแบบไทยๆมีตั่งใหญ่และตั่งตัวเล็กหลายตัวสำหรับแขกและมีหมอนสามเหลี่ยมวางอยู่เดินตรงไปก็บาร์เครื่องดื่มอยู่ฝั่งหนึ่งและตู้เย็นใหญ่ และทีวีขนาดหกสิบนิ้ว มีเบาะรองนั่งและเก้าอี้โยกสี่ห้าตัววางเรียงกันมีประตูใหญ่ที่เปิดเข้าไปเป็นห้องนอนของคนในบ้านถึงหกห้องนอนหากคนไม่รู้ก็คิดว่ามีแค่นี้หลังจากวิธานรีโนเวทใหม่ก็กลายเป็นบ้านทรงไทยประยุกต์ทันสมัย ด้านล่างก็มีทั้งห้องรับแขกห้องนั่งเล่นห้องครัวที่อยู่ด้านหลังและเรือนหลังเล็กอีกสามหลังของคนเก่าแก่ที่อยู่กันมานานจนเหมือนญาติทั้งแม่ครัวแม่บ้านคนขับรถที่ตั้งรกรากอยู่ที่นี่ไม่ไปไหนแล้ว
“สวัสดีค่ะคุณย่า ป้าชุ” สองสาวเดินเข้าไปไหว้คุณแพรไหมย่าของเลอมานที่นั่งดูทีวีกับป้าชุ
“สวัสดีจ้ะหนูโศ สบายดีนะลูก” คุณย่าถามเพื่อนหลานสาวที่ไม่เจอกันมาสองสามเดือน
“โศสบายดีค่ะ คุณย่าแพรกับป้าชุสบายดีนะคะ”
“ก็ตามประสาคนแก่น่ะลูก แล้วเจอพี่เขาหรือยังล่ะยัยแพม”
“ย่าแพรขา แพมนึกว่าลืมหลานซะแล้วสิคะ เห็นถามแต่ยัยโศน่ะ” เสียงใสกระเซ้าย่าที่คุยกับเพื่อนของเธอ
“เอ้ะ,ไอ้หลานคนนี้นี่ไม่กวนย่าสักวันจะนอนหลับไหมฮึ้เรา” คุณแพรไหมพูดกับหลานสาวแล้วยิ้มมือเหี่ยวย่นลูบศีรษะไปมาเบาๆอย่างรักใคร่และคิดถึงลูกชายกับลูกสะใภ้ที่ไม่ทันได้เห็นความสำเร็จของลูก
“ไม่หลับหรอกค่ะย่า จุ๊บๆ ป้าชุขามีอะไรให้หลานสาวสุดที่รักกินบ้างคะ เดี๋ยวไม่มีแรงไปทำงานค่ะ” เสียงหวานใสอ้อนป้าสะใภ้ที่รักหลานสามีราวกับลูกตัวเองต่างจากป้าสะใภ้อีกคนที่ชอบค่อนคอดเธอเพราะคิดว่าแม่สามีลำเอียงรักหลานสาวไม่เท่ากันทั้งที่คุณแพรไหมจะให้อะไรลูกหลานก็จะให้เท่ากันเพียงแต่เลอมานจะได้ทั้งส่วนของพ่อและของตัวเองก็ดูเหมือนว่าจะได้เยอะทำให้วีนาอดอิจฉาหลานสามีไม่ได้แต่ไม่ถึงกับเกลียดแค่หมั่นไส้บางครั้งก็อดเอ็นดูสงสารไม่ได้
“หมายกลางวันนี้มีอะไรให้หลานสาวฉันกับหนูโศกินบ้างจ้ะ” คุณชุถามแม่บ้านที่ยกน้ำเย็นมาต้อนรับแขกของเจ้านายสาวน้อย
“ก็มีน้ำพริกกะปิ ไข่เจียวชะอม ต้มยำไก่บ้านใบมะขามอ่อน หมูทอดกระเทียมจ้ะคุณชุ เดี๋ยวพี่จะไปจัดโต้ะให้น้องแพมกับน้องโศนะคะ” หมายบอกรายการอาหารทำให้คนหิวยิ้มกว้างอย่างพอใจ
“ให้ไวเลยค่ะพี่หมาย ขอบคุณค่ะ” เลอมานขอบคุณพี่เลี้ยงที่รู้ใจเธอที่สุดเพราะหมายคอยดูแลเธอมาตั้งแต่เด็กเวลาย่าลุงป้าไปทำงานจึงสนิทกันมากพอเธอโตจึงควบตำแหน่งแม่บ้านและหมายก็พักอยู่ที่บ้านของเลอมาน
สองสาวไปกินอาหารกันอิ่มแล้วก็เดินไปที่รีสอร์ทเพื่อไปเตรียมตัวต้อนรับลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่จะมาถึงตอนเที่ยง
“สวัสดีค่ะคุณแพม คุณโศ” พิมพาทักทายเจ้านายสาวที่มารับงานต่อจากพี่สาวที่ท้องและไปทำบัญชีของรีสอร์ทกับสวนกล้วยไม้ให้น้องสาวลงมาลุยงานแทนและเธอก็ทำได้ดีพอกับลมิตาและจัดโปรโมชั่นใหม่ๆติดต่อบริษัททัวร์และติดต่อโรงแรมทำโบชัวร์ไปนำเสนอให้ส่วนลดหากพาแขกมาพักแค่ระยะเวลาหกเดือน รีสอร์ทก็มีลูกค้าเข้ามาพักเรื่อยๆและมาแบบเป็นกรุ๊ปทัวร์ของราชการบ้างและนักท่องเที่ยวต่างชาติก็เยอะ ปกติจะมีไกด์มาดูและแต่ครั้งนี้ฉุกเฉินจริงจึงขอให้ทางรีสอร์ช่วย
“สวัสดีค่ะพี่พิม พี่หนิง” สองสาวยกมือไหว้พนักงานต้อนรับของรีสอร์ทที่อายุเยอะกว่าและทำงานมาหลายปี
“โชดดีจังเลยค่ะที่คุณแพมกับคุณโศมาช่วยไม่งั้นพี่สองคนแย่แน่ค่ะ เจอฝรั่งเกือบครึ่งร้อยนี่พี่ไม่สู้ค่ะ” ผานิต หรือ หนิงบอกเจ้านายสาวอายุน้อยเพราะทริปนี้มาจากบริษัทของเพื่อนเจ้านายที่มีนักท่องเที่ยวขาลุยชายหญิงมาพร้อมกันสองกลุ่มอีกสองกลุ่มก็จะมาเที่ยวพักผ่อนเล่นน้ำนอนแพล่องแพชมธรรมชาติ
“พี่ธานอยู่ไหนคะ” แพมถามหาพี่ชาย
“สั่งงานเสร็จก็เข้าไปในห้องทำงานค่ะ”
“ขอบคุณค่ะพี่หนิง แพมไปหาพี่ธานก่อนนะคะจะได้คุยเรื่องานจะได้ไม่ผิดพลาด ไปเถอะยัยโศ” เลอมานเดินนำเพื่อนเข้าไปในห้องทำงานที่อยู่ด้านหลังมีพนักงานนับสิบกำลังทำหน้าที่ของตัวเองและห้องในสุดก็มีโต้ะทำงานของสามพี่น้องตั้งอยู่สามมุม
“หวัดดีพี่ธาน/ สวัสดีค่ะ” สองสาวไหว้หนุ่มหล่อหน้าตาคมเข้มคร้ามแดดรูปร่างบึกบึนสมกับใช้แรงกายดูแลกิจกรรมแอดเวนเจอร์ของรีสอร์ท
“สวัสดี นั่งก่อนสิ นี่เอาไปอ่านดูแพมกับเธอช่วยคุณหน่องดูแลนักท่องเที่ยวสองกลุ่มนี้นะเดี๋ยวพี่จะดูกลุ่มขาลุยเอง” วิธานยื่นกระดาษเอสี่ให้สองสาวเพื่อดูรายละเอียดของลูกค้าที่ทางไกด์แจ้งมาว่าแต่ละคนต้องการอะไรบ้างและใครมีปัญหาเรื่องอาหารการกินหรือเปล่า
“เค้ามีชื่อนะเรียกเธออยู่ได้” โศรดาบ่นเบาๆเมื่อพี่ชายเพื่อนหน้าดุไม่เรียกชื่อเธอทั้งที่รู้จักกัน
“ได้ยินนะ” วิธานพูดขึ้นมาทำให้สองสาวเงยหน้ามองแต่ชายหนุ่มจ้องโศรดาเขม็ง
“ได้ยินอะไรพี่ธาน”
“เพื่อนแพมว่าพี่”
“โศไม่ได้ว่านะ”
“แล้วใครพูดเมื่อกี้ว่าชื่อก็มีทำไมไม่เรียก ทีตัวเองล่ะจำชื่อพี่ไม่ได้หรือไง” วิธานพูดกับเพื่อนน้องสาวที่ทำให้เขาหงุดหงิดหัวใจทุกครั้งที่เจอกันตั้งตั้งครั้งโน้นที่เขาเอ็ดตะโรใส่โสรดาที่มาจับกล้วยไม้แสนหวงของเขาที่เฝ้ารอมันออกดอกมานานหลายปี
“ต้องเรียกชื่อด้วยเหรอคะพี่ธาน” โศรดาเน้นเสียงตรงชื่อของวิธานและจ้องตาไม่หลบ
“จ้องกันขนาดนี้กะจะให้ท้องเลยว่างั้นเถอะ” เลอมานมองเพื่อนสลับพี่ชายและรู้ว่าสองคนนี่จะเถียงกันไปทำไมแค่คุยกันดีๆก็จบ
“โศไม่ใช่ปลากัดนะ/พี่ไม่ใช่ปลากัดนะ”
“ขนาดพูดยังเหมือนกันเลยใจตรงกันอย่างนี้ แพมว่าตกลงคบกันเถอะ.”
“ไม่/”ไม่”
“คริๆ ตกลงคบกันแล้วนะ ทีนี้ก็มาทำงานกันก่อนเสร็จงานแล้วค่อยจ้องตากัน.”
“นังแพม/ยัยแพม.”
“เฮ้อ” เลอมานแกล้งถอนหายใจแล้วยิ้มให้เพื่อนที่หน้าแดงเรื่อกับพี่ชายที่หูแดงไม่บอกก็รู้ว่าเขินกันจึงหลุบตาลงไปอ่านรายละเอียดของแขกต่อ
“พี่ว่า/ โศว่า..”
“คริ คริๆ” เลอมานหัวเราะออกมาด้วยความขำเมื่อพี่ชายกับเพื่อนเงยหน้าขึ้นพูดพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
“โศพูดก่อน” วิธานมองเพื่อนน้องสาวแล้วยิ้ม
“ยิ้มก็เป็นนี่แต่ทำไมชอบทำหน้าดุจัง”
“ให้พูดเรื่องงานไม่ได้ให้วิจารณ์พี่ เรื่องนี้เดี๋ยวเราค่อยคุยกันสองคนดีมั้ย.”
“คริๆๆ ดีๆค่ะ แกจะพูดอะไรโศ” เลอมานขำพี่ชายกับเพื่อนสงสัยเธอจะมีพี่สะใภ้แล้วละมั้งทุกทีเห็นแต่พี่ชายแค่มองๆไม่เห็นจะกล้าพูดกล้าคุยเหมือนตอนนี้เลย
“บ้า ใครอยากไปคุยกับพี่ธานสองคนล่ะ” โศรดาพูดแล้วค้อนวิธานทำไมครั้งนี้ถึงได้พูดเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยกับน้องสาวนะ “โศลืมไปแล้วว่าจะพูดอะไรพี่ธานพูดก่อนเถอะ” ก็คนมันเขินอ่ะดิจึงลืมไปว่าจะพูดอะไรหมดน่ะสิยัยแพมก็มองแล้วยิ้มล้อเลียนเธออีกจึงยื่นมือไปหยิกเอวของเพื่อน
“อุ้ย, แพมว่านักท่องเที่ยวกลุ่มนี้แพมดูแลไหวมีพี่หน่องช่วยอีกคนให้ยัยโศไปช่วยพี่ธานจะได้เรียนรู้รับมือกับลูกค้าได้เวลามีปัญหา” เลอมานมองเพื่อนแล้วยิ้มขำ
