EP 4
สาวน้อยตกใจกับเสียงดังสนั่นหวั่นไหว จนต้องหันไปตามทิศทางอย่างรวดเร็ว เห็นผู้คนยืนมองรถเก๋งสีดำ ที่เพิ่งพุ่งชนรถพ่วงอย่างจัง จนกระเด็นมาชนกับเสาประตูโรงเรียนพังยับไปครึ่งคัน “แพ็ตอย่าออกไป มาหาครูนี่เร็ว”
เด็กสาวกำลังจะวิ่งออกประตูไปดูตามคนอื่น แต่ครูชาวต่างชาติแต่พูดภาษาไทยชัดแจ๋วที่อยู่แถวนั้นพอดีห้ามไว้ก่อน ครั้นพอเห็นว่านักเรียนหลายคนอยากรู้อยากเห็น ครูเลยพาเดินไปดูตรงรั้วเหล็กดัดโปร่งมองเห็นภายนอกได้ชัดเจน สายตาอยากรู้อยากเห็นของปรารถนามองไปยังผู้คน กำลังช่วยกันเปิดประตูรถที่อัดก๊อปปี้กับเสาประตูอยากอย่างลำบาก
“นั่นรถคุณพ่อนี่คะครู”
สาวน้อยตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ ครูก็ใช่ว่าจะไม่ตกใจ จะหันมาหาลูกศิษย์แต่ก็ช้าไปแล้ว เมื่อร่างผอมๆ เล็กๆ วิ่งไปแหวกฝูงชนที่ยืนล้อมมุงดูรถอยู่โดยรอบ กว่าจะมุดตัวเข้าไปได้ก็ต้องเบียดคนนั้นคนนี้แทบตาย
“คุณพ่อ!!! คุณแม่!!!”
‘Happy birthday to you, Happy birthday to you, Happy birthday Happy birthday Happy birthday to you.’
แม้จะได้ยินเพลงนี้มาหลายปี แม้จะไม่อยากให้ใครต้องเหนื่อยจัดอะไร และแม้จะไม่อยากเป่าเค้กที่น้องๆ ประคองเดินมาหายังไง แต่ภีมวัจน์ก็จำต้องทำอยู่ดี โดยมีสาวสวยในวัยเดียวกันคือ ‘ญาติกา บุญตั้งตรง’ หรือชื่อที่เขาและใครๆ เรียกคือ ‘ออม’ ยืนคอยส่งยิ้มให้อยู่ข้างๆ อย่างคนมีความสุข
รวมทั้งแม่และพนักงานนับร้อยที่ต่างก็มาเต็มบ้าน เซอร์ไพร้ส์เขาในแง่ที่ไม่เคยมีใครมาร่วมงานมากขนาดนี้ เพราะปกติแล้วเขาไม่เคยอยากให้พนักงานเข้ามาข้องเกี่ยวในชีวิตส่วนตัวมากนัก แต่เมื่อแม่และคุณน้องทั้งสอง บวกคนใกล้ชิดอีกหนึ่งจัดแจงเองซะทั้งหมด เขาจะทำอะไรได้นอกจากเล่นไปตามน้ำ
ภีมวัจน์กวาดตามองผู้คนนั่งอยู่ตามสนามหญ้าหลังบ้าน มีสปอร์ตไล้ท์ให้แสงสว่างไปทั่ว ทุกคนต่างพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน มีอาหารอยู่ตรงหน้า กินไปคุยไปอย่างมีความสุข จนอดสงสัยไม่ได้ ว่าใครกันแน่เป็นเจ้าของวันเกิด เห็นคุณนายแม่กับเพื่อนสนิทอย่าง ‘ญาณี บุญตั้งตรง หรือแม่อุ้ย’ กินกันไปยิ้มกันไปเขาเลยพลอยยิ้มตาม
เกือบสี่ทุ่มเขาเลยยอมยกธงขาวให้สาวๆ ที่ไม่มีทีท่าว่าจะวงแตกแต่อย่างใด ด้วยการเดินขึ้นห้องอาบน้ำแล้วนอน เพราะเหนื่อยมาตั้งแต่เช้ามืด พอหัวถึงหมอนก็หลับเป็นตาย อาจจะเป็นเพราะไวน์ที่เดิมเข้าไปหลายขวด บวกกับพรุ่งนี้เป็นวันหยุด เลยปล่อยตัวให้หลับไวและกะว่าจะนอนตื่นสายๆ เป็นของขวัญวันเกิดให้กับตัวเองสักครั้งในรอบปี
แต่เสียงมือถือก็ดังขึ้นปลุกให้ตื่นตั้งแต่เช้า ทำเอาเขาหัวเสียน้อยๆ งัวเงียคว้ามือถือขึ้นมากดรับทั้งที่สองตายังคงปิดอยู่
‘เวทิตนะครับคุณหนาว ขอโทษนะครับที่กวนแต่เช้า คือผมแค่อยากจะบอกว่าคุณปัญกับคุณปาเสียแล้วนะครับเมื่อวานนี้ เป็นอุบัติเหตุทางรถยนต์ตอนไปรับลูกสาวครับ’
แม้จะเพิ่งเจอกันแค่ครั้งเดียว แถมมีทีท่าว่าจะไม่เจอกันเป็นครั้งที่สอง แต่ในบ่ายวันนั้นภีมวัจน์ก็ขึ้นเครื่องมางานศพของทั้งคู่อยู่ดี เวทิตคอยต้อนรับและแนะนำให้เขารู้จักกับวิภพ เพื่อนสนิทของปัญญาและเป็นทนายประจำบ้าน รวมทั้งประนพผู้เป็นพี่ชายของปาริดาและเป็นญาติเพียงคนเดียวที่มีอยู่ เพราะพ่อแม่ของทั้งสองจากไปหลายปีมาแล้ว ส่วนญาติคนอื่นๆ ก็แยกกันไปคนละทิศคนละทางไม่ได้ติดต่อกันเลย โดยเฉพาะในช่วงหลัง
‘มีเงินก็นับเป็นน้อง มีทองก็นับเป็นพี่ แต่พอมีหนี้ไม่มีทั้งพี่ทั้งน้อง’
ภีมวัจน์คิดถึงคำนี้ของพ่อกับแม่ในสมัยตั้งตัวใหม่ๆ ตอนนั้นเขายังเรียนอยู่มัธยมต้น ส่วนน้องคนกลางที่ห่างกันสามปี ก็อยู่ประถมหก น้องคนเล็กที่ห่างเขาหกปีก็อยู่ประถมสาม ทุกคนจะต้องช่วยงานหลังเลิกเรียน ไม่มีโอกาสได้ไปเที่ยวเล่นเตร็ดเตร่เหมือนลูกบ้านอื่น ไข่เหลือใบเดียวยังต้องเอามาแกงให้กินได้ทั้งครอบครัวในวันไม่มีจริงๆ
เขาจำได้ว่าแม่เคยแคะเศษเหรียญในกระปุกออมสินของเขา เอาไปเป็นค่าล้างแผลตอนพ่อเดินเหยียบเศษแก้วจนทำงานไม่ได้หลายวัน หลังจากแม่ไปขอยืมเงินญาติผู้ใหญ่ของพ่อห้าพัน เพื่อเอามาหมุนแล้วจะรีบใช้คืน แต่เขาไม่ให้แถมบอกว่าไม่มีหน้าตาเฉย ไม่มีเชื่อ แต่จะทำไงได้ หลังจากนั้นแม่ก็บอกว่าจะไม่ไปยืมเงินใครอีกเลย
ในกรณีของสองผัวเมียที่ตายจาก แล้วทิ้งหนี้ก้อนโตเอาไว้ให้ลูกสาวตาดำๆ ทำให้สงสารและสะเทือนใจยิ่ง เพราะเด็กแทบไม่เป็นผู้เป็นคน นั่งร้องไห้คร่ำครวญอยู่ข้างศพมาตั้งแต่บ่าย เขาเห็นหญิงวันกลางคนวุ่นวายเดินไปมาทำนั่นทำนี่ ไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องอะไรกัน สายตาที่มองดูเด็กนั้นบ่งบอกว่าห่วงใยยิ่ง
ผิดกับประนพที่แทบไม่สนใจหลาน เอาแต่คอยต้อนรับแขก และต้องเป็นแขกแต่งกายภูมิฐานด้วย เขาก็เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น ที่ประนพคอยย้ำให้เด็กหมั่นเอาน้ำกับกาแฟมาเสิร์ฟบ่อยเกินความจำเป็น ผู้คนแทบจะทั้งศาลามักจะมองมาหาเขาโดยเฉพาะสาวแก่แม่หม้ายมองกันตาเป็นมัน
‘หล่อไม่หล่อเวลาโกรธยังดูดีเลยคุณหนาวน่ะ ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมสาวๆ ในบริษัทถึงได้แอบเก็บไปนอนฝันนัก’
เลขาแซวบ่อยๆ แต่เขาไม่เคยใส่ใจ พอๆ กับไม่ได้แคร์สายตาผู้คนในศาลาด้วย เพราะกำลังให้มองเด็กสาวผู้น่าสงสาร และน้ำตาไม่เคยเหือดแห้งจากหน้าเลย จนขอบตาช้ำบวมเป่ง ใบหน้าซีดเซียว ร่างผอมๆ ดูอ่อนระโหยโรยแรงเหมือนไม่ได้กินอะไรมาหลายชั่วโมง
“น้องเหนือ!!!”