บท
ตั้งค่า

บทที่ 4

สี่เดือนต่อมา

ด้วยภารกิจของฝ่าบาทที่จำเป็นต้องเดินทางไปคลายทุกข์ให้กับพสกนิกรที่ประสบภัยน้ำท่วมที่มณฑลเจิ้นจึงทำให้พระองค์ยังไม่จัดงานอภิเษกสมรสขึ้นมาเสียทีอีกทั้งยังมีคำทำนายที่เกิดขึ้นกระทันหันเรื่องฝ่าบาทไม่อาจจัดงานอภิเษกสมรสได้จนกว่าจะพ้นเดือนสิบไปแล้ว

คนที่สบายใจก็คืออันซูเซี่ย แต่คนที่เป็นกังวลแทบจะกินไม่ได้นอนไม่หลับก็คือแม่นมเผิง

“บ่าวทราบมาว่าอำมาตย์ผู้นั้นคือบิดาของซูเฟยเพคะ ในวันที่ให้โหรหลวงทายดวงชะตาผูกดวงเพื่อกำหนดวันสมรสจู่ ๆ โหรหลวงผู้นั้นก็กล่าวอ้างเรื่องนี้ขึ้นมา แคว้นเหมิงเชื่อในคำทำนายยิ่งนักดังนั้นยามนี้ฤกษ์สมรสก็ไม่อาจกำหนดได้จนกว่าจะพ้นเดือนที่สิบไปก่อน ทำแบบนี้ไม่เรียกว่าร่วมมือกับโหรหลวงกลั่นแกล้งจะเรียกอะไรได้อีกเพคะ”

อันซูเซี่ยกำลังตั้งใจเย็บปักเสื้อด้วยตนเอง นางอยู่ที่นี่รู้สึกดียิ่งนักด้วยยามนี้เข้าสู่หน้าร้อนแล้ว เดิมทีแคว้นสู่มีอากาศหนาวตลอดปีทำให้นางไม่ค่อยได้สัมผัสกับแสงแดด ทว่าแคว้นเหมิงนั้นกลับมีแสงแดดที่อบอุ่นยิ่งนักพลอยทำให้อารมณ์ของนางดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ

“อยู่ที่นี่พวกเราได้กินอาหารอร่อยทั้งแกงร้อน ข้ายังได้ปลูกผักเลี้ยงไก่จนเติบโตสนุกยิ่ง ไม่มีผู้ใดก้าวเข้าตำหนักมารังแก ด้านหลังตำหนักยังมีน้ำตกอันรื่นรม อากาศที่นี่ก็อบอุ่นสบายแม่นมเผิง พวกเราแค่ปล่อยเวลาให้ผ่านไปอย่างมีความสุขได้หรือไม่ ข้ายังไม่อยากแต่งงานจริง ๆ”

ที่สำคัญก็คือซานหลิงกับซานหลันยังรู้ทางลับหรือจะเรียกว่าทางสุนัขลอดพานางไปเที่ยวนอกวังหลวงอยู่บ่อยครั้ง ยิ่งทำให้นางมีความสุขและรู้สึกเป็นอิสระมากกว่ายามที่อยู่ที่แดนสู่เสียอีก

“แต่หากปล่อยไปเนิ่นนานยิ่งกว่านี้ฝ่าบาทอาจลืมองค์หญิงไปก็ได้นะเพคะ”

อันซูเซี่ยแย้มยิ้มงดงาม

“เช่นนั้นก็ดี ข้าจะหนีกลับแดนสู่แล้วไปหลบที่สำนักชี สักหลายเดือนค่อยโผล่ออกมาเล่าเรื่องให้ท่านพ่อ ท่านแม่รู้ดีหรือไม่”

แม่นมเผิงโกรธจนควันแทบจะออกจากหู ไม่รู้ว่าตนเองรู้สึกโกรธผู้ใดมากกว่ากัน ระหว่างฝ่าบาทแคว้นเหมิงที่หลงลืมว่าที่ฮองเฮาไปแล้วหรือว่าองค์หญิงน้อยที่แสนจะจิตใจดีที่ตนเองเลี้ยงมากับมือผู้นี้

ยามนี้เป็นฤดูร้อนของแคว้นเหมิง ถึงความจริงอากาศมิได้ร้อนมากทว่าคนที่เคยชินกับความหนาวเช่นอันซูเซี่ยกลับรู้สึกร้อนจนทนไม่ไหวแล้ว

ดังนั้นน้ำตกหลังตำหนักจึงกลายเป็นที่พำนักประจำของนาง

คืนนี้อันซูเซี่ยรู้สึกร้อนจนนอนไม่ได้ เพราะอยู่ในตำหนักที่ไม่มีผู้ใดสนใจจึงไม่มีใครนำน้ำแข็งมาวางไว้ในห้องเพื่อดับร้อนให้นาง อันซูเซี่ยตื่นขึ้นมากลางดึก รู้สึกว่าเหงื่อโทรมกายจนอาภรณ์เปียกชุ่มนางจึงค่อย ๆ ย่องออกมาจากตำหนัก

คงเพราะที่นี่แทบจะกลายเป็นตำหนักร้างท้ายวังที่ไม่มีผู้ใดสนใจ นางจึงคว้าผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่พร้อมทั้งเสื้อคลุมตัวหนึ่งออกมานางคิดจะไปอาบน้ำที่น้ำตกหลังตำหนักเพียงลำพังโดยไม่รบกวนแม่นมเผิง

อันซูเซี่ยย่อมไว้ใจว่าจะไม่มีใครโผล่มาพบ เพราะก่อนที่จะเดินมาถึงตำหนักของนางเวรยามล้วนแน่นหนากระทั่งแมลงวันสักตัวยังไม่สามารถผ่านเข้ามาได้

เพราะอยู่ที่นี่มาหลายเดือน นางยังเดินผ่านเส้นทางเล็ก ๆ นี่ทุกวันแม้ไม่มีคบเพลิงในมือ ท่ามกลางแสงจันทร์กระจ่างอันซูเซี่ยจึงสามารถมองเห็นเส้นทางได้อย่างชัดเจน

เสียงน้ำตกดังขึ้นทุกทีเมื่อนางเดินมาใกล้และแน่นอนว่าอากาศก็เย็นลงภายในพริบตา

อันซูเซี่ยมองไปรอบ ๆ อย่างไรก็ต้องรอบคอบเอาไว้ก่อนนางมองกระทั่งพบว่าปลอดคนจึงได้หลบอยู่ที่ก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่งแล้วถอดอาภรณ์ของตนเองออกจนเหลือเพียงร่างกายเปล่าเปลือย

ในตอนที่นางแอบย่องไปหยิบผ้าเช็ดตัวในห้องอาบน้ำนั้น อันซูเซี่ยยังไม่ลืมหยิบสบู่มันแพะก้อนใหญ่ติดมือมาด้วย

ร่างกายเปล่าเปลือยขาวผ่องบัดนี้กำลังอวดความงามท้าแสงจันทร์กระจ่าง

ใบหน้างดงามประดุจเทพเซียนบนสวรรค์ เรือนผมดำขลับแผ่สยาย เต้านมใหญ่และเต่งตึง สะโพกผายอิ่ม ช่วงเอวคอดกิ่วผิวพรรณผุดผ่องไร้ราคีประดุจเต้าหู้ขาวที่นุ่มนิ่มและชวนให้ลิ้มลอง

อันซูเซี่ยไม่เคยรู้มาก่อนว่าตนเองมีรูปร่างที่ยั่วเย้าตันหาบุรุษเพียงใด นั่นเป็นเพราะนางเติบโตในสำนักชียามอาบน้ำที่น้ำตกบนหุบเขาพวกนางล้วนเปลือยกายจนเคยชินเป็นนิสัย

สตรีมีมากมายเพียงนั้นทุกคนล้วนตั้งใจอาบน้ำอย่างเงียบเชียบตามกฎจึงไม่มีผู้ใดมีเวลามาพิจารณาร่างกายของกันและกัน

นางค่อย ๆ ก้าวเท้าลงไปในแอ่งน้ำใสเย็นฉับพลันนั้นความรู้สึกร้อนได้หายไปในพริบตา อันซูเซี่ยเดินไปนั่งที่โขดหินที่นางใช้นั่งอาบน้ำในทุกวันแล้วเริ่มต้นถูกายสระผมอย่างสบายอารมณ์

หลังจากนางสระผมเสร็จอันซูเซี่ยก็ยืนขึ้นอวดร่างงดงามเย้ายวนให้แสงจันทร์ลูบไล้เนื้อนวลขาวราวหยก

นางค่อย ๆ ใช้สบู่ถูกายอย่างช้า ๆ กระทั่งมาวนอยู่รอบถันตนเองและเมื่อสบู่สัมผัสกับยอดอกสีชมพูความรู้สึกประหลาดพลันเกิดขึ้นกับอันซูเซี่ย

ความเสียวสยิวเล็ก ๆ อันแปลกประหลาด

ตั้งแต่นางออกจากสำนักชีและเข้ามาอยู่ในวังของตนเอง แม่นมเผิงมักจะปรนนิบัตินางอาบน้ำอยู่เสมอ นางยิ่งรู้สึกสงสัยว่าไยยามที่มืออันเหี่ยวชราสัมผัสยอดอกของนางนั้นไม่ทำให้อันซูเซี่ยรู้สึกอันใด

ทว่ายามนี้กลับแตกต่างยิ่งนัก

อันซูเซี่ยลองใช้สบู่เขี่ยหัวนมของตนเองอีกครั้ง นางถูวนไปทั้งสองเต้าและเช่นเดียวกันครานี้ถึงกับรู้สึกเสียวซ่านมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

“อา เสียวยิ่งนัก รู้สึกดียิ่ง”

นางครางออกมาด้วยไม่อาจหักห้ามตนเองได้ หัวนมของนางแข็งชัน เต้าอันใหญ่ล้นตั้งตรงยั่วเย้า นางมองมือเรียวของตนเองแล้วถูไปมา

ความอยากรู้อยากเห็นพลันเกิดขึ้น แม้ว่านางจะเป็นว่าที่เจ้าสาว แต่ด้วยธรรมเนียมอันเคร่งครัดของแดนสู่ที่ว่าเจ้าสาวต้องบริสุทธิ์ทั้งหัวใจและร่างกายเพื่อให้สามีเป็นผู้สั่งสอนและนำพา อันซูเซี่ยจึงไม่เคยรู้เรื่องของบุรุษและสตรีมาก่อนในชีวิต

นางยังคงเข้าใจดั่งเด็กน้อยว่า เด็กที่เกิดจากครรภ์มารดานั้นเป็นเพราะเทพเซียนต้องการกำเนิดใหม่จึงพุ่งเข้าสู่ท้องของสตรีที่แต่งงานแล้ว

ด้วยความสงสัยอันซูเซี่ยจึงค่อย ๆ ไต่นิ้วไปสัมผัสทั่วร่างกายของตนเองจากบนลงล่าง ทั้งยังเอ่ยว่า

“จะมีตรงไหนที่ทำให้ข้ารู้สึกดีมากกว่านี้อีกนะ”

มือของนางลูบลงไปช้า ๆ กระทั่งถึงส่วนกึ่งกลางร่างกาย บริเวณนั้นมีกลีบอวบใหญ่เกินสตรีใดซ่อนอยู่

นางอ้าขาออกแล้วยกขาข้างหนึ่งไว้บนโขดหิน นิ้วมือไต่ไปสัมผัสกลีบนั้นเบา ๆ และนั่นทำให้นางถึงกับครางซี้ดออกมา

“ซี้ด อา ตรงนี้นี่เอง ไยข้ารู้สึกเช่นนี้ อืม ลองขยี้เบา ๆ จะเป็นเช่นไรนะ อ้า เสียวยิ่งนัก อืม อ้ะ หากขยี้แรงขึ้นเล่า ซี้ด ความรู้สึกนี้คือสิ่งใดกันนะ อ้า นี่อะไรหรือ อืม ข้าเหมือนมีน้ำลื่น ๆ ออกมาจากตรงนี้”

นางเอ่ยถามตนเองด้วยความสงสัย นิ้วเรียวค่อย ๆ ยัดเข้าไปในรูสวาทที่กำลังคายน้ำหวานออกมาเป็นสาย ยามนั้นนางรู้สึกเจ็บและเสียวอย่างแปลกประหลาดทว่าความสงสัยทำให้ความเจ็บปวดคลายลงไปไม่น้อย นางจึงค่อย ๆ ดันนิ้วเข้าไปมากขึ้นจนถึงหนึ่งข้อนิ้ว

“ซี้ด อ้า อืม แหย่นิ้วตรงนี้รู้สึกดียิ่งนัก ไยข้าไม่เคยรู้มาก่อน ซี้ด อ้า”

ยามนั้นนางกลับได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้น

ตุ่บ!

อันซูเซี่ยตกใจกับเสียงที่ได้ยิน นางดึงมือของตนเองออกมาทันทีจากนั้นจึงมองไปรอบ ๆ กรอกตาไปมาท่าทางระมัดระวังยิ่ง

“เสียงอะไรหรือ”

ด้วยความตกใจนางลุกพรวดขึ้นจากสายน้ำแล้ววิ่งมาคว้าเสื้อคลุมที่อยู่บนโขดหินมาคลุมกายอย่างรวดเร็ว

“หรือว่าจะเป็น....ผี”

เพียงคิดได้ดังนั้นอันซูเซี่ยก็ออกแรงวิ่งเตลิดกลับตำหนักอย่างรวดเร็ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel