01 อุบัติเหตุ
ณ.ห้องบอลล์รูมขนาดใหญ่ของโรงแรมชื่อดังซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมือง กำลังครึกครื้นไปด้วยแขกจำนวนหลายพันคนเพราะวันนี้เป็นวันเปิดตัวนักธุรกิจสาวชื่อดังซึ่งเป็นลูกสาวของเจ้าสัวที่มีความมั่งคั่งเป็นอันดับต้นๆของเมืองไทย
'เวนิตา อัครหิรัญ' นักธุรกิจสาวสวยรุ่นใหม่ไฟแรงเจ้าของบริษัทนำเข้าและส่งออกสินค้าอุปโภคและบริโภครายใหญ่ของเอเชีย ซึ่งบิดาของหล่อนเป็นถึงผู้คุมบังเหียนใหญ่ของบริษัทที่รู้จักกันในนาม ‘เจ้าสัวเอกชัย’ มีมูลค่าทรัพย์สินหลายหมื่นล้านบาท ดังนั้นคนที่มาร่วมงานล้วนเป็นเหล่าเซเลปไฮโซ รวมไปถึงนักธุรกิจชั้นนำของเมืองไทย
เช่นเดียวกับ 'อิณรา กฤติไกรสน' บุตรสาวคนเล็กของ 'คุณปทีป กฤติไกรสน' ซึ่งเป็นผู้คุมบังเหียนใหญ่ของบริษัทนำเข้าและส่งออกเพชรพลอยรายใหญ่ของประเทศไทย เธอเองก็ได้เดินทางมาร่วมงานเช่นกันเนื่องจากคนอื่นๆติดธุระกันหมด ถึงจะไม่ได้มีชื่อเสียงในแวดวงไฮโซหรือแวดวงนักธุรกิจเพราะบิดาไม่เคยพาไปเปิดตัวที่ไหน แต่ทว่าเบื้องหลังกลับมีเธอทำงานเพียงคนเดียวจนหัวหมุน บางวันก็ทำงานจนแทบไม่ได้หลับได้นอนเพราะพี่ชายกับพี่สาวที่ไม่ค่อยเอาไหน ไม่เคยเข้าไปช่วยงานในบริษัท หน้าที่ต่างๆจึงตกมาอยู่ที่เธอเพียงคนเดียว
แต่กระนั้นเธอก็ไม่ได้บ่นหรือปริปากใดๆ ทำได้เพียงก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองอย่างเงียบๆเผื่อว่าสักวันบิดาจะเห็นความสำคัญของเธอบ้าง
ในระหว่างที่อิณรากำลังร่วมรับประทานอาหารกับบรรดานักธุรกิจ จู่ๆมือถือของเธอก็แผดดังขึ้น ปลายสายคือพี่ชายคนโตที่ชอบทำตัวไม่เป็นโล่เป็นพาย
“ค่ะ พี่อิฐ”
(ว่างหรือเปล่า ทำอะไรอยู่)
“ตอนนี้อินมางานเปิดตัวเจ้าของบริษัทคนใหม่ค่ะ พี่อิฐมีอะไรหรือเปล่าคะ”
(มึงรีบออกมาจากงาน แล้วขับรถไปส่งกูที่ท่าเรือเดี๋ยวนี้!)
“พี่อิฐคะ อินไปไม่ได้จริงๆ งานนี้อินมาเป็นตัวแทนคุณพ่อนะคะ”
(แค่แปปเดียวเองน่า ตอนนี้กูกำลังเดือดร้อน!)
“ว่าไงนะคะ! นี่พี่อิฐไปทำอะไรมา”
(อย่าถามเซ้าซี้ได้ไหม รีบมารับกูที่คอนโดแล้วไปส่งที่ท่าเรือ ไม่อย่างนั้นกูจะตามไปป่วนมึงที่โรงแรม)
“เดี๋ยวก่อนค่ะพี่อิฐ….พี่อิฐ!”
อิทธิกรตัดสายไปแล้ว อิณราถอนหายใจพรืดใหญ่แล้วเก็บมือถือไว้ในกระเป๋า อิทธิกรไม่เคยเห็นใจเธอเลยด้วยซ้ำทั้งๆที่วันนี้ทำงานจนแทบไม่ได้พัก พอเสร็จงานก็ต้องมาเป็นตัวแทนให้บิดา อย่างน้อยถ้าพี่สาวกับพี่ชายยอมช่วยงานในบริษัทบ้างก็คงไม่เหนื่อยขนาดนี้
อิณราจำใจขับรถออกจากโรงแรมกลางคันเพื่อไปรับพี่ชายที่คอนโดซึ่งอยู่ไม่ไกล ท่าทางของอิทธิกรดูลุกลี้ลุกลนผิดสังเกต
“มาช้าจริงๆ!” อิทธิกรบ่นน้องสาวแล้วยัดร่างเข้ามาในรถด้วยความรวดเร็วพร้อมกระเป๋าเป้สะพายหลังใบใหญ่ ราวกับว่ากำลังจะย้ายที่อยู่
“นี่พี่อิฐจะไปไหนหรอคะ”
“อย่าถามมากได้ไหม รีบๆขับรถไปสิ เดี๋ยวตำรวจก็มาตามตัวกูหรอก!”
“มะ…หมายความว่ายังไง นี่พี่เข้าไปยุ่งกับยาเสพติดอีกแล้วใช่ไหมคะ”
“ถ้ารู้แล้วจะถามทำไม”
“พ่อต้องเสียเงินปิดคดีให้พี่ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แล้วเมื่อไหร่พี่จะเลิกทำตัวแบบนี้สักที เรื่องผู้หญิงก็เหมือนกัน”
“ก็กูกำลังจะเลิกนี่ไง แต่อี่เคทมันไม่ยอม”
เคท หรือ แคทเทอรีน นางแบบสาวชาวอังกฤษคู่ควงของอิทธิกรที่คบหากันมาสักพัก แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าอิทธิกรจะเปิดตัวสักที
“พี่หมายความว่ายังไง”
“กูขอเลิกอีเคทแต่มันไม่ยอม เลยมีปากเสียงกันและกูก็พลั้งมือทำร้ายมัน”
“พี่อิฐ!!”
“ถ้ารู้แล้วอย่าถามมาก รีบๆไปส่งกูซะ ก่อนที่ตำรวจแม่งจะแห่มา”
“ตะ…แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มากๆเลยนะคะ พี่ต้องบอกคุณพ่อ”
“มึงก็คอยแก้ปัญหาให้กูละกัน ช่วงนี้กูต้องหนีไปกบดานที่ต่างประเทศสักพัก เผื่อตำรวจตามตัว”
“พี่อิฐ….”
“มึงเป็นน้องกู ก็ต้องช่วยกู หรือมึงอยากให้กูถูกจับติดคุก”
อิทธิกรรู้ดีว่าน้องสาวไม่มีทางยอมให้เขาติดคุกแน่นอน เพราะนั่นก็เท่ากับว่ายอมเสียชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล
ปทีปใช้เงินปิดคดีมากมาย ทั้งคดียาเสพติด คดีทำร้ายร่างกาย รวมไปถึงคดีกักขังหน่วงเหนี่ยว แต่บุตรชายก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะดีขึ้น ยังทำเรื่องเดิมซ้ำๆจนบิดาแทบอยากตัดหางปล่อยวัด
“เมื่อไหร่พี่อิฐจะคิดได้สักที พ่อไม่ได้อยู่ช่วยพี่ตลอดชีวิตนะคะ”
“มึงเป็นแค่ลูกคนรับใช้ไม่มีสิทธิ์มาสั่งสอนกู หน้าที่ของมึงก็คือดูแลกิจการช่วยพ่อ”
“แต่คุณพ่อเป็นห่วงพี่มากนะคะ ท่านอยากให้พี่เข้าไปดูแลกิจการที่บริษัทบ้าง”
“ไม่มีกูก็คงไม่ตายหรอกมั้ง หรือถ้ามันจะเจ๊งก็ให้มันเจ๊งไปเลย”
“พี่อิฐ!”
“กูขี้เกียจเถียงกับมึงแล้ว รีบๆขับ ชักช้าอยู่ได้!”
Mercedes benz ขับฝ่าสายฝนที่กำลังถาโถมลงมาอย่างหนักจนขาวโพลน แทบมองไม่เห็นถนน แต่หญิงสาวก็ยังฝืนขับต่อจนกระทั่งใกล้ถึงท่าเรือ
ด้วยความที่ฝนตกหนักบวกกับรถที่กำลังแล่นมาด้วยความเร็วสูง ทำให้อิณรามองไม่เห็นรถที่กำลังขับสวนมา จู่ๆสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
“เฮ้ยย!!!”
เอี๊ยดด!!
โคร่มม!!!
รถคันนั้นพุ่งตรงมาที่รถของเธอ ทำให้เธอเหยียบเบรกกะทันหันจนรถหมุนคว้างกลางถนน แรงปะทะทำให้รถคันดังกล่าวพุ่งตกลงทะเลท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก
“ตายแล้วพี่อิฐ...อะ...อินขับรถชนเขา!!!” หญิงสาวอ้าปากค้าง เรือนร่างสั่นเทาด้วยความตกใจเมื่อเห็นรถคันดังกล่าวพุ่งลงทะเลต่อหน้าต่อตา
“ช่างแม่ง!! มันขับรถมาชนเราเองนะ”
“อินจะลงไปช่วยเขา!”
“มึงจะโง่ลงไปช่วยทำไม ป่านนี้คงตายห่าไปแล้วมั้ง รีบขับไปส่งกูเถอะ”
“ตะ....แต่อิน….”
“ขับไปส่งกูก่อน แล้วมึงค่อยวนกลับมาดู”
อีกฟากหนึ่ง...
“นิต้ากำลังขับรถไปโรงแรมนะคะ ป่านนี้แขกคงรอแย่เลย” เธอพูดกับปลายสายด้วยน้ำเสียงหวานละมุน แต่ทว่าดวงตากลมโตคู่นั้นกลับว่างเปล่า เหมือนมีอะไรบางอย่างในใจ
(ผมขอโทษนิต้านะที่ไม่ได้ขับรถพาไป ช่วงนี้งานผมค่อนข้างยุ่ง)
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ นิต้าขับได้สบายมาก”
(แต่นิต้ากำลังท้องอยู่นะครับ ทีหลังให้ขับรถพาไปนะ ผมเป็นห่วง ยิ่งมีแฟนแค่คนเดียวด้วย)
“เพิ่งสองเดือนเองนะคะ ท้องยังไม่โตเลย ยังไปไหนมาไหนสะดวก”
(ผมตามใจนิต้าแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวพอนะ ถ้าเกิดนิต้าเป็นอะไรไป ผมจะอยู่ยังไง)
หล่อนคลี่ยิ้มเศร้าๆแล้วขับรถผ่าสายฝนไปยังโรงแรมหรูใจกลางเมือง เนื่องจากวันนี้เป็นวันเปิดตัวนักธุรกิจสาวคนใหม่นั่นก็คือหล่อนเอง แต่จนป่านนี้หล่อนก็ยังไปไม่ถึงงาน
“ราฟคะ ถ้านิต้าทำอะไรไม่ดี หรือทำให้ราฟไม่พอใจ นิต้าขอโทษด้วยนะคะ” จู่ๆหล่อนก็เอ่ยเสียงสั่นเครือ
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่านิต้า จู่ๆทำไมพูดแบบนี้”
(ไม่รู้สิคะ นิต้าแค่รู้สึกผิดกับคุณ)
“จะมารู้สึกผิดกับผมทำไม คุณไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย เรากำลังมีลูกด้วยกันนะนิต้า ไว้คุณคลอดลูกเมื่อไหร่ เราสองคนจะแต่งงานกัน)
“....บางทีนิต้าอาจจะไม่ใช่คนดีก็ได้”
(คุณเป็นอะไรไปนิต้า ทำไมถึงพูดแบบนี้)
“นิต้าแค่คิดว่าตัวเองไม่เหมาะสมกับคุณ”
(อย่าคิดมากเลยที่รัก คุณคือคนที่ผมเลือก คือคนที่ผมอยากจะใช้ชีวิตด้วย)
จู่ๆน้ำตาก็ไหลทะลักออกมาอาบใบหน้าของหญิงสาว มือเรียวกำพวงมาลัยแน่น เหยียบคันเร่งจนมิด ไม่มีใครรู้ว่าหล่อนกำลังคิดอะไร ทั้งๆที่วันนี้เป็นวันที่ดีสำหรับหล่อน แต่กลับไม่ได้รู้สึกดีใจเลย
ท่านกลางฝนที่กำลังตกลงมาอย่างหนัก ดวงตากลมโตมองเห็นแสงไฟจากรถที่กำลังขับสวนมา หล่อนตัดสินใจหักพวงมาลัยพุ่งเข้าไปหารถคันนั้น
กระทั่ง...
ปรี๊ดดดดด!!!
โคร่มมม!!!
(เกิดอะไรขึ้นนิต้า...นิต้า!!...นิต้า!!!.....)