บทที่ 3
นับจากที่รู้แล้วว่าชัชชลเป็นใคร มารตีก็ยิ่งทำตัวห่างเหิน แม้ว่าชายหนุ่มจะพยายามเข้าหาอยู่ตลอดเวลา จากที่พยายามจะเอาชนะก็แพ้ไปหมด เพราะยิ่งใกล้ก็ยิ่งหวั่นไหวมากขึ้นไปทุกที แม้ว่าจะผ่านมาสองปีแล้วแต่มารตีกลับไม่เคยหวั่นไหวไปกับการกระทำของชัชชลเลยสักนิด ที่มากไปกว่านั้น เธอเมินเขาได้ตลอดเวลา
เสียงพูดคุยที่ดังมาจากในโซนห้องแต่งตัวทำให้ชัชชลชะงักเท้าและหยุดฟัง
"พี่เรมี่สุดยอดมาก เอาลูกค้าอยู่ทุกราย ท่าทางเพื่อนบอสจะชอบพี่มากเลยนะ" สายป่าน หนึ่งในเด็กดริ้งรุ่นเดียวกับเรมี่รีบเข้ามาประจบพูดจาเอาใจเช่นที่ชอบทำ เรมี่ยิ้มอย่างลำพองใจ
"ก็แค่เด็กนั่งดริ้ง อย่าไปใฝ่สูงนักเลย" เสียงของคู่แข่งเบอร์หนึ่งอย่างมารตีดังมาแต่ไกล ก่อนจะเดินโยกย้ายส่ายสะโพกเข้ามาอิงกับขอบโต๊ะและบิดยิ้มใส่
"ฉันจะฝันอะไรมันก็เรื่องของฉัน พี่ไม่ต้องมายุ่ง เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ" เรมี่ตวาดใส่ด้วยความไม่พอใจ ตากลมเลือกโปนบ่งบอกถึงความโมโห
"หึ คางคก" มารตีไม่วายจะทิ้งบอมบ์เอาไว้ก่อนจะย้ายร่างเดินหนีไปอีกทางไม่รอให้เรมี่กรี้ดใส่ และแน่นอน พอมารตีหมุนตัว เรมี่ส่งเสียงกรี๊ดออกมาทันที
"อ๊าย! ฝากไว้ก่อนเถอะอีแก่" เรมี่ชี้นิ้วเต้นเร่าๆ คอยดูเถอะ เธอจะต้องเป็นมากกว่าเด็กนั่งดริ้งให้ได้ คอยดู!
ไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งย่ามเรื่องระหว่างสองสาวที่มีมาพักใหญ่ เรมี่เพิ่งเข้ามาทำงานเป็นเด็กดริ้งได้ไม่ถึงปีก็ได้รับความนิยม หลายคนมองว่าเพราะมารตีอิจฉา แต่ที่จริงเป็นเพราะมารตีไม่ชอบที่เรมี่เสนอตัวให้ลูกค้ามากเกินไป แต่ถึงจะอบรมแค่ไหนเรมี่ก็ไม่ฟัง แต่ใครๆ ก็รู้ว่าไม่มีใครกล้ายุ่งกับมารตี เพราะอีกฝ่ายเป็นคนโปรดของเจ้าของผับอย่างชัชชล
มารตีเดินนวยนาดเข้ามาล้างมือในห้องน้ำก่อนกลับมาออกมาและพบว่าชัชชลยืนรออยู่
"มีอะไรคะ" มารตีถามทันทีที่พบหน้า ชัชชลอิงหัวไหล่กับกำแพงและมองร่างเย้ายวนตรงหน้าก่อนยกยิ้มมุมปาก
"ทำไมชอบหาเรื่องเรมี่นัก" เขาถามตรงๆ เพราะได้ยินทุกอย่างที่สองสาวห้ำหั่นใส่กัน
"ฉันไม่จำเป็นต้องตอบคุณ" มารตีเชิดหน้าขึ้นแล้วเลี่ยงจะเดินหนี ปกติเธอไม่เคยหาเรื่องใครก่อน แต่กับเรมี่เป็นข้อยกเว้น
"มาร์ ทำไมคุณใจแข็งนักนะ" ชัชชลคว้าแขนขาวเอาไว้ก่อนอีกฝ่ายจะเดินหนี
"คุณพูดเรื่องอะไรเหรอคะ" มารตีไม่ยอมตอบคำถาม แสร้งตีหน้าไม่รู้ไม่สนใจ นั่นแหละ เธอเป็นแบบนี้มาตลอด แต่ไหนแต่ไร มันเป็นอาการเดียวที่ชัชชลมักจะเห็นเมื่ออยู่ต่อหน้ากัน
"มาร์ คุณจะพูดดีๆ กับผมหน่อยไม่ได้เหรอ"
"แล้วฉันพูดไม่ดีตรงไหนเหรอคะ" มารตียังตีฝีปากตอบกลับชัชชลไปแบบที่เคย ใช่ว่าเธอจะพูดจาไม่ดีหรอกนะ แต่ในความหมายของชัชชลน่ะ เขาจะสื่อว่าเธอไม่เคยพูดจาหวานๆ เช่นที่พูดกับลูกค้ากับเขาเลยสักนิด
"คุณรู้ว่าผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น" ชัชชลล้วงมือในกระเป๋ากางเกง จ้องมองหญิงสาวที่นับวันก็ยิ่งสวยขึ้นจนเขาเริ่มหวง ใจก็อยากให้ไปทำตำแหน่งอื่นแต่อีกฝ่ายไม่ยอมท่าเดียว
"แล้วหมายความว่าแบบไหนเหรอคะ" คนสวยช้อนตามอง
"เมื่อไหร่จะเปิดใจให้ผมสักที คุณก็รู้ว่าผมคิดยังไง" ชายหนุ่มเริ่มรุกเร้า เขาแสดงออกไม่ชัดเจนอีกเหรอว่าชอบเธอจนแทบจะเรียกว่าบ้าคลั่งอยู่แล้ว
"ฉันไม่รู้หรอกค่ะว่าคุณคิดอะไร ฉันรู้แต่ว่าคุณเป็นเจ้านาย และฉันเป็นลูกน้องคุณ"
"มาร์ .... แต่ผม" เขาพ้อออกเสียงยาน
"ฉันมีงานต้องทำ ขอตัวนะคะ" มารตีดึงแขนกลับ เดินหนีไปดื้อๆ ชัชชลได้แต่พ่นลมหายใจยืดยาว แล้วมองร่างสะโอดสะองของมารตีเดินหนีไป
บวรที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ไม่ไกลเห็นว่าเจ้านายเสร็จธุระกับสาวสวยแล้วจึงเดินเข้ามาหา
"บอสครับ เรื่องที่ให้ไปจัดการ เรียบร้อยแล้วนะครับ" บวรยื่นเอกสารให้กับเจ้านายดู
"อืม เดี๋ยวคอยจับตาดูเอาไว้นะ ถ้าเล่นตุกติกเมื่อไหร่บอกผม ผมจะจัดการพวกมันเอง" ชัชชลสีหน้าเครียดขึ้นมาทันที เรื่องที่ให้บวรไปจัดการเป็นเรื่องของนักเลงท้องถิ่นที่ก่อนหน้าเคยอยู่ร่วมกันมาอย่างดี พอเปลี่ยนรุ่นก็เกิดอยากจะลองดี ตอนนี้ทำตัวเป็นหมาบ้ากัดไม่ปล่อย จนคิดว่าน่าจะต้องจัดการขั้นเด็ดขาดจะดีกว่า
