สูตรรักคุณหมอ

240.0K · จบแล้ว
รินธารา
84
บท
52.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อสาวสวยสุดมั่นต้องมาอาศัยอยู่คอนโดเดียวกับคุณหมอสุดหล่อ แถมเขายังขยันอ่อยเธอทุกวัน แล้วเธอจะห้ามใจไหวยังไง เพราะเขามาแก้ผ้าล่อตาล่อใจเธอขนาดนี้...งั้นเธอขอจับเขาทำสามีให้สมใจก็แล้วกัน... ปาร์ค ปากรณ์ สิริภักวานิช อายุ 24 ปี หนุ่มไฮโซหน้าหล่อ ดีกรีว่าที่คุณหมอของคณะแพทยศาสตร์ ที่สาวๆต่างพากับหลงใหลในความหล่อของเขา แต่ก็ไม่เคยมีสาวคนไหนจีบเขาติดเลยสักคน เพราะเขาชอบใช้ชีวิตแบบส่วนตัวคนเดียว และถือคติว่าหญิงไม่ยุ่งมุ่งแต่เรียน จนวันหนึ่งเขาต้องมาปวดหัวกับป้าสุดที่รัก ที่เอาผู้หญิงมายัดเหยียดให้อยู่ในคอนโดเดียวกับเขา แถมยัยตัวร้ายนั่นก็ยังมาป่วนชีวิตที่แสนสงบของเขา จนมันเปลี่ยนไปในแบบที่เขาไม่เคยคิดเลยว่า คนอย่างเขาจะต้องมานั่งหึง นั่งหวงผู้หญิงที่เขาควบคุมไม่ได้แบบนี้ ไวน์ นรินดา พุทธิโสภณ อายุ 21 ปี สาวใต้สุดน่ารักและแอบมีความแซ่บอยู่ในตัว ถูกผู้เป็นแม่จับคู่ให้กับหลานชายของเพื่อน เธอก็ปฎิเสธหัวชนฝาเพราะเธอแอบชอบรุ่นพี่คนหนึ่งแล้ว เธอจะไม่นอกใจเขาไปชอบคนอื่นเด็ดขาด แต่สุดท้ายเธอก็หลงกลย้ายมาอยู่กับผู้ชายที่ไม่ได้รู้จักจนได้ แล้วเธอก็เจอความเย็นชาและความร้ายกาจของไอ้หมอหน้าหล่อใจร้ายที่ไม่ได้ยินดีต้อนรับเธอเลยสักนิด เธอก็ต้องจำทนอยู่ต่อไปเพราะความจำเป็น แถมเธอยังต้องเก็บเรื่องที่เธออยู่กับเขาเป็นความลับไม่ให้รุ่นพี่ที่เธอแอบชอบรู้อีก แต่มันจะได้นานเท่าไหร่กัน เมื่อเขาพยายามจะเข้ามาในชีวิตของเธอในแบบของ “คนรัก” ที่ขี้หึงสุดฤทธิ์ เรื่องย่อ.... “เดี๋ยวนะ นี่นายมาแก้ผ้าอยู่ห้องฉันได้ยังไงเนี่ย ”นรินดามองหนุ่มหล่อตรงหน้าด้วยความตกใจ แล้วสายตาของเธอก็เพ่งดูความล่ำสันของหนุ่มหล่ออย่างอึ้งๆ พร้อมกับคิดในใจแบบมโนว่า " ซิกแพคเป็นก้อนๆเลยแม่เจ้า หัวนมก็ชมพูไปอีก หน้าก็หล่อ หุ่นก็ดี โอ้ย อยากจะเป็นลมล้มที่หน้าอกแน่นๆแบบนี้จริงๆ..." นรินดาคิดไปก็ไล่สายตาต่ำลงไปแล้วก็เลียริมฝีปากของตัวเอง “ห้องของคุณอะไร นี่มันห้องผม บ้าเปล่าเนี่ย คุณเข้ามาได้ยังไงออกไปเลยนะ อย่าให้ผมต้องเรียกรปภมาเอาตัวคุณออกไป ผู้หญิงอะไรยืนมองผู้ชายแก้ผ้าได้หน้าตาเฉย รู้จักอายบ้างสิคุณ...” ปากรณ์พูดไปก็เอามือมาปิดหน้าอกของเขาและอีกข้างก็เอามือปิดที่เป้าของตัวเองที่เธอกำลังมองตาเป็นมันแบบเขินๆ “อายอะไรยะ...นายมาแก้ผ้าให้ฉันดูเองป่ะ ฉันเข้าห้องมาก็เจอนายมายืนแก้ผ้าโชว์อยู่ตรงนี้แล้ว ของดีๆแบบนี้ไม่ให้มองได้ไงล่ะ เอ้ย ไม่สิ แล้วฉันต่างหากที่ต้องเรียกรปภมาไล่นายออกไป เพราะนี่ห้องของฉัน นายน่ะเข้าห้องมาผิดแล้วย่ะ นู้นประตูจ้ะ เชิญ เก็ท เฮาท์ เอาหุ่นขาวๆ ของนายออกไปได้ละ ไม่งั้นโดนไอ้นี่แน่” นรินดาเอ่ยพูดไปก็เอามือหยิบเครื่องช็อตไฟฟ้าที่เธอซื้อมาไว้ป้องกันตัว ขู่เขาออกไปเพื่อที่จะไล่เขาออกไปแต่โดยดี เพราะเธอคิดว่าเขาน่าจะเข้าห้องมาผิดแน่ๆ “ไม่ออก นี่มันห้องของผม ผมจะเข้าผิดได้ยังไงในเมื่อเขาให้ใส่รหัสไว้กันคนนอกเข้า” ปากรณ์ทำหน้าจริงจังไปแบบไม่ยอม นี่มันห้องของเขา เธอมีสิทธิ์อะไรมาไล่ เอ๊ะ เดี๋ยวนะ หรือว่ายัยผู้หญิงคนนี้คือสิ่งที่ป้าเขาบอกว่ามันคือเซอร์ไพร์สก่อนหน้านี้ “หน้าตาก็ดี ไม่น่าหน้าด้านเลยนะ ได้ ไม่ไปใช่ไหมไอ้โรคจิต งั้นก็อย่าหาว่าฉันไม่เตือน แซ่ แซ่” นรินดาพูดจบก็กัดฟันทำหน้าโหดไป พร้อมกับเอามือกดเครื่องช็อตไฟฟ้าขู่เขา แล้วเธอก็เดินเข้าไปหาเขาแบบไม่กลัว “เฮ้ ไม่เล่นนะคุณ เรามาคุยกันดีๆก่อน ผมว่ามันต้องมีอะไรเข้าใจผิดแน่ เห้ยคุณ อย่าเข้ามานะคุณ พรึบ เห้ย ” ปากรณ์พูดไปก็เดินถอยไปจนชิดขอบโซฟา แล้วเขาก็พยายามมองหาทางหนี แต่ผู้หญิงคนนี้ก็เข้ามาจะเอาเครื่องช็อตไฟฟ้าช็อตเข้าให้ได้ เขาจึงเข้าไปแย่งมันจากมือเธอ แล้วผ้าเช็ดตัวผืนเดียวที่เขาเอาคลุมตัวไว้ก็หลุดลงจนได้ “ไม่ต้องมาเนียนเลย ปล่อยนะ อื้อ ปล่อยสิ อ้าย กรี๊ด ไอ้ลามก” นรินดาพยายามแข็งมือขัดขืนไป ก่อนจะร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อเธอก้มไปเจอปลาช่อนตัวใหญ่ของเขาเต็มๆตา เพราะตอนนี้ไอ้ผู้ชายคนนี้มันโป๊ต่อหน้าเธอแบบไม่มีอะไรมาปิดบังเลย ให้ตายสิ นี่มันวันบ้าบออะไรของเธอเนี่ย ซวยจริงๆเลย

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักหมอนักศึกษาเศรษฐีโรแมนติก18+25+รักหวานๆ

1. บทนำ

ย้อนอดีต.........

ณ จังหวัดภูเก็ต

“นรินดา” สาวน้อยหน้าคมกำลังนั่งหน้างอนใส่พ่อและแม่ของตัวเอง ที่พยายามจะส่งเธอไปเรียนมหาลัยในกรุงเทพเหมือนกับพี่ชายของเธอ ทั้งๆที่เธอก็สามารถเรียนที่ภูเก็ตนี้ก็ได้ แต่ทำไมต้องไปเรียนที่นั่นด้วยเธอก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน

“อย่ามาทำแบบนี้ไวน์ แม่บอกแล้วไงว่าแกต้องไปเรียนที่นั่น แกจะได้มีเพื่อนมีสังคมดีๆ พี่แกก็ยังจบที่นั่นเลย ทำไมแกถึงไม่อยากไปห้ะ” ปาริดาเอ่ยถามลูกสาวด้วยเสียงโมโห อย่างไม่เข้าใจว่าทำไมลูกสาวถึงไม่อยากไปเรียนในกรุงเทพ ทั้งๆที่ใครๆก็อยากจะไปกันทั้งนั้น

“โอ๊ยแม่ กรุงเทพวุ่นวายจะตายไป คนก็ไม่ได้จริงใจมีแต่สังคมสวมหน้ากาก ไวน์ไม่อยากไปหรอก อีกอย่างโง่ๆอย่างไวน์ไปเรียนมหาลัยอินเตอร์แบบนั้นคงไปไม่รอดอ่ะ ไวน์ไม่ใช่พี่นายนะที่เรียนจบได้เกียรตินิยมน่ะ ” นรินดาบอกเหตุผลของตัวเองไปแล้วไม่ยอมไปท่าเดียว

“ลูกพ่อเก่งจะตายทำไมจะไปไม่รอดล่ะ เรียนเอาแค่จบก็พอลูก ไม่ต้องไปแข่งใครเขาหรอก พ่อแค่อยากให้ลูกเลิกติดพ่อกับแม่แล้วลองไปใช้ชีวิตในแบบวัยรุ่นดู พ่อว่ามันก็ดีนะ ลูกจะได้ค้นพบตัวตนของตัวเอง แล้วเรียนๆไปลูกก็จะได้ความรู้เอามาช่วยดูแลธุรกิจที่ฟาร์มของเราไง ลูกจะให้พ่อพึ่งตานายมาคอยดูแลงั้นเหรอ ฟาร์มพ่อก็เจ้งกันพอดี พี่แกมันเป็นนักบริหาร มันมาทำฟาร์มแบบลูกไม่ได้หรอก ถ้าลูกไปเรียนพ่อจะซื้อรถให้ใหม่เลย เอารุ่นไหนก็บอก พ่อจะจัดให้” สิทธิกรที่รู้จักวิธีหว่านล้อมลูกสาวก็เอารถยนต์มาล่อ เพราะเขาอยากให้ลูกสาวได้เจอสิ่งดีๆที่รออยู่ แล้วที่สำคัญเขาอยากจะให้ลูกสาวมาสานต่อฟาร์มไข่มุกของเขาในอนาคตด้วย

“ถ้าแกไม่ไปแม่จะโทรไปหาตานายให้มารับแกไปอยู่ด้วย เพื่อเรียนรู้งานกับพี่แก จะเอาไหมล่ะ ถ้าตานายมันรู้ว่าแม่เสียค่าเทอมเป็นแสนๆแล้วแกไม่ไป ตานายมันคงร้อนหูน่าดูเลยว่าไหม ฮ่าๆ” ปาริดาขู่ลูกสาวออกไป เพราะรู้ดีว่าลูกสาวของเธอนั้นกลัวพี่ชายขนาดไหนเพราะรายนั้นสั่งทำอะไรก็ยอมไปหมด

“ไม่เอาๆนะแม่ อย่าบอกพี่นายนะคะ พี่นายบ่นจนไวน์หูชาจะทำยังไงคะ ไวน์ยิ่งโง่ๆอยู่ด้วย อือๆ ไวน์ไปเรียนที่กรุงเทพก็ได้ แต่ขอรถหนึ่งคันแล้วก็คอนโดหนึ่งห้องนะคะ ไม่งั้นไวน์ไม่ไป” นรินดาพูดไปแบบจำยอม เพราะเธอไม่อยากจะไปอยู่กับไอ้พี่ชายจอมขี้บ่น ที่บ่นเรื่องความโง่ของเธอได้ทุกครั้งที่เจอ กะอีแค่เธอสอบได้เกรดสองกว่าๆทำมาบ่น

“จัดไปเลยลูกแม่ แม่พร้อมให้ลูกเสมอจ้ะ” ปาริดาพูดไปก็ยิ้มอย่างดีใจ เพราะที่เธอคะยั้นคะยอให้ลูกสาวไปเรียนกรุงเทพก็เพราะอยากให้ลูกสาวได้ดี

อีกด้านหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ณ บ้านตระกูลสิริภักวานิช

“ปาร์ค ปากรณ์” ว่าที่คุณหมอสุดหล่อที่เรียนคณะแพทย์ศาสตร์ชั้นปีที่สาม ก็กำลังเร่งแต่งตัวเพื่อไปรับน้องในเช้าวันนี้ เพราะตอนนี้ทางคณะกำลังทำกิจกรรมรับน้องใหม่ที่เข้ามาใหม่ เขาในฐานะรุ่นพี่ก็ต้องไปทำความรู้จักและให้คำแนะนำกับน้องๆในฐานะของรุ่นพี่ ที่ทางเพื่อนๆจงใจเลือกเขาเป็นตัวแทนของรุ่นไปพบปะกับน้องๆ เพียงเพราะเขาเป็นหน้าเป็นตาให้กับรุ่นได้ และแล้วโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นรัวๆ ก่อนจะกดรับสายไปเมื่อเห็นว่าเพื่อนสาวโทรเข้ามา

“ปาร์ค วันนี้ให้เจนไปรับไหม พอดีเจนผ่านคอนโดปาร์คพอดีน่ะ” เจนจิราเพื่อนสาวที่เรียนหมอมากับปากรณ์ โทรมาหาเพื่อที่จะแวะรับปากรณ์ไปด้วย เพราะเธอกับเขาจะได้ใกล้ชิดกัน เนื่องจากเธอแอบชอบเขามานานโดยที่เขาไม่รู้ และเพราะคำว่าเพื่อนมันจึงทำให้เธอเข้าถึงตัวเขาได้ดีกว่า

“ไม่เป็นไร วันนี้ปาร์คไม่ได้นอนคอนโด ปาร์คไปเองสะดวกกว่า เจนไปมหาลัยก่อนเลย แค่นี้นะ” ปากรณ์พูดจบก็กดวางสายไปทันที ก่อนจะเดินลงไปหาป้าและพี่ๆที่อยู่ข้างล่าง โดยไม่ได้สนใจเพื่อนสาวเลยสักนิด

“เฮ้อ แห้วอีกแล้วสิเรา” เจนจิราพูดออกไปแบบเสียดาย ทั้งที่เธออุตส่าห์ขับรถจะมารับเขาที่คอนโดอยู่แล้ว ไม่รู้จะใจแข็งไปถึงไหน ผู้ชายอะไรจีบยากชะมัดเลย แต่ช่างเถอะ คนดีๆมันก็ควรจะเล่นตัวหน่อยสิ เจนจิราคิดไปก็รีบขับรถไปมหาลัยเพื่อไปรอปากรณ์ที่นั่น

“อรุณสวัสดิ์ครับป้ากัน พี่ปาล์ม พี่เปรม” ปากรณ์เดินลงมาจากชั้นบนก็เข้ามาทักทายทุกคน โดยเฉพาะป้ากันติมาที่เขานั้นรักและเคารพเหมือนกันแม่ของเขาคนหนึ่ง เนื่องจากพ่อและแม่ของเขาเป็นเอกอัคราชทูตอยู่ต่างประเทศจึงไม่ได้อยู่ไทยดูแลพวกเขาเท่าไหร่นัก พวกเขาทั้งสามพี่น้องก็ได้ป้ากันนี่แหละคอยดูแลมาตั้งแต่เล็กๆ

“วันนี้ป้าให้แม่บ้านเขาเตรียมของโปรดเราไว้แล้ว ไปนั่งสิลูก” กันติมาพูดไปก็ยิ้มแล้วเอามือตีแขนหลานชายเบาๆอย่างเอ็นดู

“วันนี้ผมมีรับน้องครับป้า คงทานไม่ทันแล้ว ขอตัวเลยนะครับป้า ไปนะพี่ปาล์ม พี่เปรม อ่อ แล้วคืนนี้ไม่ต้องพาสาวๆไปคอนโดผมอีกนะ ช่วงนี้ผมต้องการความเงียบสงบ” ปากรณ์เอ่ยบอกทุกคนไปก็รีบเดินออกไปด้านนอกทันที เพราะเขาทนมาพอแล้ว

เมื่อพี่ชายทั้งสองชอบเอาสาวๆมานอนที่คอนโดของเขา จนเขาอ่านหนังสือแทบไม่ได้ เพราะมีเสียงโอดร้องครวญครางดังออกมา นี่ถ้าเขาไม่โดนขู่เรื่องที่แอบมีหนังสือโป๊ไว้ในห้องล่ะก็ เขาก็คงไม่ยอมมานานถึงขนาดนี้ ทั้งๆที่หนังสือนั่นมันไม่ใช่ของเขาเลยสักนิด มันเป็นของไอ้บาส เพื่อนที่ชอบมานอนคอนโดของเขาต่างหาก แต่พี่ชายทั้งสองก็ไม่ยอมฟัง วันนี้เขาจะไม่ยอมอีกต่อไป

“ไอ้น้องเวร” พี่ชายทั้งสองถึงกับแอบด่าปากรณ์ในใจออกไปอย่างอดไม่ได้ ที่ไอ้น้องตัวดีมันเอาเรื่องนี้มาพูดต่อหน้าป้าของเขาที่พร้อมจะจัดการพวกเขาตลอดเวลา

“เย็นชากับพี่มันจริงๆไอ้น้องคนนี้ อยากจะเห็นตอนมันมีเมียจริงๆว่ามันจะเย็นชาแบบนี้ไหม” ปาล์ม ปริญอายุยี่สิบเจ็ดปี เป็นพี่ชายคนโตของบ้านเอ่ยพูดตามร่างน้องชายที่เดินออกไปแล้ว ตั้งแต่เด็กจนโต น้องชายคนนี้มันใช้ชีวิตแบบมีความเป็นส่วนตัวสูงมาตั้งแต่เด็ก จนเขาและทุกคนเข้าไม่ถึงมันสักที

“ไม่ต้องมาเนียนเลยนะ ป้าอุตส่าห์ขายคอนโดพวกแกไป เพื่อที่จะได้หยุดความเจ้าชู้ของพวกแกสองพี่น้องได้บ้าง แต่นี่แกสองคนกล้ามากนะที่เอาสาวไปนอนคอนโดของน้องน่ะ ต่อไปถ้าป้าได้ยินเรื่องแบบนี้อีก เรื่องนี้ถึงหูพ่อแม่พวกแกแน่ๆ” กันติมาขู่ออกไป เพราะไม่รู้จะทำยังไงกับความเจ้าชู้ของหลานทั้งสองแล้ว ขายคอนโดก็แล้ว ยึดเงินในบัตรก็แล้ว ยังจะมีความพยายามพาสาวไปนอนคอนโดน้องชายอีก เธอล่ะอยากจะเป็นลม

“ครับๆ ผมสองคนจะไม่ไปยุ่งคอนโดของหลานรักป้าอีก อย่าโมโหไปสิครับ” ปริญตอบไปแบบกวนๆ เพราะใครบอกให้ป้ามายึดคอนโดนของเขาไปขายเองล่ะ เขาไม่มีที่พาสาวๆไปก็ต้องไปคอนโดของน้องรักสิ มันมีตั้งสองห้อง แบ่งๆกันใช้จะเป็นอะไรไป

“พี่ปาล์ม ผมว่าไอ้ปาร์คนี่มันชักจะหล่อเกินหน้าเกินตาเราสองคนแล้วนะพี่ ดูสิ ทั้งหุ่นทั้งหน้า มันกินขาดไปหมดเลย ทำไมพ่อกับแม่ไม่ให้มาเท่าๆกันนะ เฮ้อ ขนาดป้าก็ยังรักหลานไม่เท่ากันเลย” เปรม ปติภพ อายุยี่สิบสี่ปี พี่ชายคนรองของบ้านเอ่ยพูดไปแบบอิจฉาน้องตัวเอง ที่มันหน้าตาหล่อเหลาจนเกินพี่ๆของมันไปแล้ว แถมยังได้ความเอ็นดูจากผู้เป็นป้าไปเต็มๆ เขาจึงพูดหาเรื่องแกล้งผู้เป็นป้าไปแบบขำๆ ก่อนจะขยิบตาส่งซิกให้พี่ชายเข้าใจ

“เออว่ะ คอนโดก็ยึด บัตรเครดิตก็โดนจำกัดวงเงิน แต่ทีกับไอ้ปาร์คล่ะใจดี ขนาดวันก่อนยังมีสาวๆเอาดอกไม้กับขนมมาส่งให้มันถึงหน้าบ้านเลยนะ ไม่เห็นป้าจะว่าเลย หรือว่าผมต้องไปเรียนหมอแบบไอ้ปาร์คมันดี ป้าถึงจะใจดีกับหลานๆอย่างพวกผมบ้าง สาวๆตามมันเป็นพรวนไม่โดนว่าสักคำ” ปริญเอ่ยเสริมน้องชายออกไปบ้าง เพราะตั้งแต่น้องชายคนสุดท้องไปเข้ามหาลัย ประตูหน้าบ้านก็ไม่เคยแห้งเลย เพราะมีของมาส่งให้ทุกวันจากบรรดาสาวๆที่มาแอบชอบน้องชายของเขา

“เดี๋ยวเถอะ อย่ามาพูดแบบนี้นะ ป้าน่ะรักหลานทุกคนเท่าๆกัน แต่ที่ป้าไม่ว่าตาปาร์คก็เพราะว่ามันไม่ได้เล่นความรู้สึกกับสาวๆพวกนั้นไง แถมยังไล่ปฎิเสธสาวๆพวกนั้นด้วยซ้ำ แต่กับพวกแกเนี่ย เอาไม่เลือก สักวันเถอะจะไปไข่ทิ้งไว้จนเขามาเอาเรื่อง” กันติมาเอ่ยพูดบอกไปอย่างมีเหตุผลที่สุด

“แต่ถึงสาวๆจะตามมัน ผมก็ยังไม่เคยเห็นไอ้ปาร์คมันมีแฟนเลยนะป้า นี่มันเรียนมาจนอยู่ปีสามแล้วนะ ผมยังไม่เห็นแฟนมันเลยสักคน ผมกับพี่ปาล์มเข้าปีหนึ่งก็พาแฟนมาบ้านแล้ว แต่ไอ้ปาร์คนี่มันแปลก มันปฎิเสธสาวๆไม่พอนะ นี่มันยังสำอางอีก ผมก็หวังว่ามันจะไม่ใช่เกย์ก็แล้วกัน” ปติภพเอ่ยพูดไปแบบแกล้งๆผู้เป็นป้า เพราะน้องชายของเขามันก็สำอางอย่างกับอะไร แต่เขาก็พอมั่นใจว่าน้องชายของเขาไม่ได้เป็นเกย์อย่างแน่นอน ไม่งั้นมันก็คงไม่แอบมีหนังสือโป๊อยู่ในห้องหรอก

“ดูพูดเข้าสิตาเปรม น้องแกจะเป็นเกย์ได้ยังไงกัน ตาปาร์คพึ่งอายุแค่ยี่สิบเอ็ดเท่านั้นเอง ไม่ได้แก่แดดแบบเราสองคนสักหน่อยที่เอาสาวๆเป็นว่าเล่นน่ะ ไม่เอา อย่ามาพูดว่าน้องแบบนี้อีกนะ ป้าไม่ชอบเลย ถ้าพ่อแม่แกรู้เข้ามาด่าป้าตายแน่ๆ” กันติมาพูดเอ็ดหลานชายไปอย่างไม่พอใจ เพราะหลานเธอจะต้องไม่ใช่เกย์ เธออุตส่าห์เลี้ยงปากรณ์มาตั้งแต่แบเบาะ มันจะต้องไม่เป็นอย่างนั้น

“ก็ไม่แน่นะป้า ถ้าขืนไอ้ปาร์คมันยังไม่มีแฟนแบบนี้ ป้าเตรียมใจไว้เลย ว่าไอ้ปาร์คเป็นเกย์แน่นอน ฮ่าๆ” ปริญเอ่ยเสริมออกไปอย่างแกล้งๆ เพราะเอาจริงๆแล้วคนอย่างปากรณ์มันไม่มีทางเป็นเกย์ได้หรอก ไม่งั้นเขากับปติภพคงไม่ไปเจอหนังสือโป๊ในห้องมันหรอก แถมเขายังเอาข้ออ้างนี้ไปขอยืมห้องน้องชายเพื่อที่จะพาสาวๆไปเริงรักที่คอนโดมันมาเป็นเดือนๆได้หรอก

“รอดูไปเถอะ ตาปาร์คจะเอาแฟนมาให้แกสองคนดูเข้าสักวัน วันนั้นแหละ ป้าจะหัวเราะให้ฟันล่วงเลย” กันติมาพูดไปแบบงอนหลานชายทั้งสอง เพราะขี้แกล้งน้องมาตั้งแต่เด็ก จนตอนนี้ก็ยังคงไม่วายจะแกล้งอยู่

“หวังว่าจะไม่ใช่ผู้ชายนะป้า ฮ่าๆ” ปติภพเอ่ยเสริมไปก็หัวเราะแบบขำๆ เพราะเขาแค่พูดแซวเล่นเท่านั้น หรือต่อให้น้องชายของเขามันจะเป็นหรือไม่เป็น มันก็ยังเป็นน้องชายที่เขารักคนเดิมนั่นแหละ

“หัวเราะไปเถอะ งั้นป้าก็จะบอกข่าวร้ายให้แกสองคนฟัง ป้าห้ามพวกแกห้ามเอาผู้หญิงไปนอนห้องน้องอีกเด็ดขาด ถ้าใครขัดคำสั่ง ป้าจะหาผู้หญิงมาแต่งงานกับพวกแกให้หมดเลย ไม่เชื่อก็ลองดูสิ อยากจะเล่นๆกับผู้หญิงดีนัก ป้าก็จะจัดให้” กันติมาพูดขู่ออกไปจนหลานทั้งสองทำหน้าจ๋อยลงทันที

“ครับๆ คุณป้า พวกผมสองคนไม่พาไปแล้วก็ได้ครับ อย่ามาหาเมียให้พวกผมก็พอ” ปริญเอ่ยพูดบอกไปก็ทำหน้ายิ้มแบบกวนๆใส่ผู้เป็นป้า

ส่วนปติภพเองก็ยิ้มออกไปไม่ต่างจากพี่ชายเท่าไหร่นัก สงสัยเขาต้องเร่งกลับไปเรียนต่อซะแล้วสิ ดูท่าอยู่ไทยมันจะไม่สนุกซะแล้ว

ณ วันรับน้องปีหนึ่ง ของมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังในกรุงเทพมหานคร

“นรินดา” สาวใต้หน้าคมก็ถอนหายใจยาวๆกับการมาเรียนที่นี่ เพราะเธอต้องมาเข้าสังคมกับพวกลูกไฮโซทั้งหลายที่มาเรียนกันที่นี่ เพื่อเชิดหน้าชูหน้าตาให้พ่อแม่ และเธอก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ถูกแม่สุดที่รักบังคับให้มาเรียนในกรุงเทพ เพื่อที่จะทำให้เศรษฐีบ้านนอกอย่างเธอกลายเป็นสาวเมืองกรุงอย่างสมบูรณ์แบบ แถมเธอยังมีหน้าที่คอยช่วยดูแลร้านจิวเวอร์รี่ของที่บ้านที่มาเปิดสาขาในกรุงเทพอีก ไหนจะไอ้พี่ชายจอมขี้บ่นของเธอ มันจึงทำให้เธอไม่มีทางปฎิเสธได้เลย เพราะสุดท้ายแล้วเธอก็ต้องสานต่อมันจากพ่อและแม่ของตัวเอง แทนพี่ชายที่เลือกบริหารงานบริษัทมากกว่าทำฟาร์มไข่มุกและร้านจิวเวอร์รี่

“พี่คะ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ไปทางไหนเหรอคะ พอดีหนูเรียนหลักสูตรนานาชาติน่ะค่ะ ก็เลยไม่รู้จะไปทางไหนดี” สาวผมยาวหน้าสวยเดินเข้ามาพูดกับนรินดา พร้อมกับใบหน้างงๆ จนนรินดามองแล้วถอนหายใจทันที

“เฮ้อ นี่ฉันแก่ขนาดนั้นเลยเหรอ ฉันก็เด็กปีหนึ่งเหมือนๆเธอนั่นแหละ ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าพี่หรอก” นรินดาเอ่ยถามออกไปอย่างสงสัยว่าหน้าเธอมันแก่มากเหรอ ถึงได้มาเรียกเธอว่าพี่แบบนี้ ทั้งๆที่เธอออกจะสวยและหน้าเด็ก

“ปะ เปล่าๆ เราแค่ไม่รู้ว่าจะทักยังไงดี เราพึ่งเข้ามาเรียนในกรุงเทพน่ะก็เลยยังไม่รู้จักใคร แล้วก็ยังไม่มีเพื่อนด้วย เราชื่อสายหมอกนะ มาจากเชียงราย แล้วเธอชื่ออะไรอ่ะ” สายหมอกรีบเอ่ยแนะนำตัวทันทีที่เห็นหญิงสาวสวยตรงหน้าตอบกลับมาแบบเป็นกันเอง ไม่เหมือนคนอื่นๆที่ดูเย่อยิ่งไล่เธอให้ออกมา เพียงเพราะเธอเป็นเด็กต่างจังหวัด

“เราชื่อไวน์ มาจากภูเก็ต ถ้าเธอยังไม่มีเพื่อนก็มาเป็นเพื่อนกับเราก็ได้ เราก็ยังไม่มีเพื่อนที่นี่เหมือนกัน แต่ขออย่างน่ะพูดแบบเป็นกันเองเถอะ แกก็ได้นะ เราไม่ว่า” นรินดาพูดบอกไปก็ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

“ได้เลย เราก็ไม่ชินเหมือนกัน พูดเป็นกันเองจะได้สนิทกันไวๆเนอะ งั้นเราเรียกเธอว่าไวน์ ส่วนเธอก็เรียกเราว่าหมอก โอเคไหม” สายหมอกพูดก็ยิ้มที่ได้เพื่อนคนแรกแล้ว

“โอเคสิ งั้นเดี๋ยวไวน์จะพาหมอกไปที่คณะละกันนะ เพราะไวน์ก็เรียนสถาปัตยกรรมศาสตร์เหมือนกัน แต่ไวน์เรียนออกแบบเครื่องประดับน่ะ” นรินดาเอ่ยพูดบอกไปก่อนจะพาเพื่อนสาวคนแรกของเธอ เดินไปยังคณะที่พวกเธอเรียน

“เห้ยจริงดิ เราเรียนออกแบบพวกผลิตภัณฑ์น่ะ งั้นช่วงปีหนึ่งปีสองเราต้องได้เจอกันแน่เลย” สายหมอกพูดออกไปอย่างดีใจ ถึงแม้จะเรียนกันคนละสาขา แต่เธอก็หวังว่าจะได้เป็นเพื่อนกันแบบนี้ต่อไป

“คงเจอแหละมั้ง แต่ตอนนี้ไวน์ว่าเราหยุดคุยแล้วรีบไปลงทะเบียนดีกว่า ไปสายเดี๋ยวก็โดนลงโทษอ่ะ” นรินดาเอ่ยพูดบอกไปก็รีบพากันเดินไปยังคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ หลักสูตรนานาชาติของมหาวิทยาลัย

พอทั้งสองมาถึงก็รีบลงทะเบียนแล้วไปนั่งรวมแถวกับเพื่อนๆ ก่อนที่จะให้ออกไปแนะนะตัว และให้ถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มละสี่คนเพื่อทำความรู้จักกัน แล้วพวกลูกคุณไฮโซก็ไปเกาะกลุ่มเพื่อนที่ตามๆมาเรียนด้วยกัน ส่วนนรินดาและสายหมอกก็ได้เพื่อนใหม่ผู้หญิงหนึ่งคนและก็มีผู้ชายอีกหนึ่งคน

“ทำไมที่นี่มันต้องแบ่งพรรคแบ่งพวกด้วยอ่ะ แค่เริ่มก็รู้แล้วว่าที่นี่ต้องอยู่ยากแน่ๆ” สายหมอกพูดออกมาขณะใช้สายตามองไปยังเพื่อนๆกลุ่มอื่นๆ ที่พูดคุยกันแล้วก็หัวเราะแบบไม่เกร็งใจใคร

“อืม ฉันก็ว่างั้นแหละ แค่เดินเข้ามาก็รู้สึกเหมือนสายตารังสีไม่เป็นมิตรยังไงไม่รู้อ่ะ โดยเฉพาะยัยนั่นอ่ะ มองหน้าฉันบ่อยมากอ่ะ ” นรินดาเอ่ยพูดตอบเพื่อนออกไป แล้วมองดูเพื่อนๆรอบข้างเช่นกัน จนไปเจอสายตาของคนที่ห้อยป้ายชื่อว่าเบียร์ มองเธอแบบเหมือนกับว่าเธอเป็นศัตรูอย่างนั้นแหละ

“ก็เธอสวยขนาดนี้มันก็ต้องเสี่ยงที่เธอจะไปแย่งตำแหน่งดาวคณะของเบียร์ไง ยัยนี่น่ะ ชอบทำตัวเด่นตั้งแต่เรียนมัธยมละ ฉันเป็นผู้ชายแท้ๆยังไม่ชอบเลย เรื่องเยอะชิบ เธอมาลุคธรรมดาบ้านๆแต่ยังสวยขนาดนี้ถ้าจับแต่งตัวหน่อยล่ะก็กินขาดเลยแน่นอน” โดนัทพูดไปก็ยิ้มกริ่มใส่นรินดาที่สวยที่สุดในกลุ่มนี้ไปด้วยสายตาแพรวพราว ที่เขาเลือกมานั่งในกลุ่มนี้เพราะดูแล้วแต่ล่ะคนไม่ค่อยเรื่องเยอะเท่าไหร่ อีกอย่างเขาไม่ชอบพวกที่มันมาอวดรวยด้วย ยกเว้นตัวเขาเอง

“แล้วพวกเราจะมีเพื่อนคนอื่นๆคบไหมอ่ะ ”นาราพูดไปก็ถามแบบสงสัย เพราะดูเหมือนเพื่อนๆที่นี่จะดูแบ่งพรรคพวกกัน

“มีสิ ฉันนี่ไง อยู่ยากแต่ถ้ามีเพื่อนอย่างฉัน รับรองเลยว่าพวกเราอยู่ได้แน่ๆ ถึงพวกเธอจะไม่ใช่ลูกไฮโซอ่ะนะ แต่พวกเธอก็เป็นเศรษฐีภูธร จะกลัวอะไรล่ะ เพื่อนฉันมีเยอะแยะ คนดีๆทั้งนั้น แต่ไอ้แก้งค์นั้นน่ะ ไม่ต้องหวังเป็นเพื่อนด้วยหรอก ไม่มีทางคบพวกเธอสามคนแน่ๆ คบกับโดนัท เดี๋ยวก็มีเพื่อนตรึมรับรอง” โดนัทพูดออกไปก็ยิ้มแบบชอบใจ เพราะเขาคิดว่าสามสาวกลุ่มนี้น่าจะพอคบได้

“งั้นพวกเรามาเป็นเพื่อนกัน มาสัญญากันหน่อย” นรินดาเอ่ยพูดแล้วเอามือไปกางไปตรงกลาง แล้วเพื่อนๆทั้งสามคนก็เอามือมาทับมือซ้อนกันอีกทีเป็นการสัญญาจนกระทั่งรุ่นพี่เอ่ยขึ้นมา

“เอาล่ะน้องๆทุกคนมารับโน๊ตจากพี่รหัสที่ใบ้มาให้นะครับ พี่ให้เวลาสองชั่วโมง น้องๆต้องไปหาพี่รหัสให้เจอ ไม่งั้นสีบนหน้า พี่ก็จะไม่ให้ล้างนะครับ” รุ่นพี่เอ่ยขึ้นมาทุกคนก็รีบไปรับโน๊ตมา พร้อมกับตามหาพี่รหัสของตัวเองกันไปทั่วคณะ

“ไอ้ธาม น้องรหัสแกน่ารักนิวะ แบบนี้แกคงไม่คิดจะเคลมน้องรหัสตัวเองหรอกนะโว๊ย” วีรภาพเอ่ยแซวไปเมื่อเห็นสายตาของเพื่อนหนุ่มมองไปที่น้องรหัสของตัวเอง ด้วยสายตาที่แปลกไป แถมคนเจ้าชู้อย่างมันก็ยากที่จะไม่ให้เขาคิดแบบนี้

“มันก็ต้องดูก่อนว่าน้องเขานิสัยแบบไหน” ธีรภัทรเอ่ยพูดไปก็มองเด็กสาวที่ห้อยป้ายชื่อว่าไวน์ แบบไม่ละสายตา เพราะเธอไล่ตามหาเขาจนโดนเพื่อนๆของเขาป้ายสีเต็มใบหน้า จนไม่เห็นเคล้าโครงความสวยหลงเหลืออยู่ เห็นแล้วก็รู้สึกขำจริงๆ