บท
ตั้งค่า

8

เมื่อถูกปฏิเสธรอบที่ 4 จากบริษัทในฝัน อภิศราก็กลับมายังห้องนอน เพื่ออาบน้ำล้มตัวลงนอน จมอยู่กับความเสียใจ และเลือกที่จะผ่อนคลายด้วยภาพยนตร์ดีๆ สักเรื่อง

แชะ!

‘หาข้ออ้างร้องไห้แปบ’ ภาพหน้าจอ Notebook ที่เธอมักจะเอาไว้ใช้ดูภาพยนตร์หรือซีรี่เจ้าประจำ ได้รับการเปิดขึ้นมาในรอบกว่าหลายวัน

เพราะปกติ เธอก็ไม่ค่อยจะได้ดูบ่อยนัก นอกจากจะมีเรื่องเครียดหนักเข้ามาแบบรู้สึกไม่ไหวแล้วจริงๆ

‘มาสามครั้งก็ยังทำเหมือนเดิม...แล้วเหตุผลอะไรล่ะ ที่เราจะรับคุณเข้ามาทำงานกับเรา?’

เพราะไอ้ประโยคเดียวนี่แท้ๆ ที่ทำให้เธอรู้สึกห่อเหี่ยวไปทั้งร่าง ไม่อยากจะไปไหน ไม่อยากจะทำอะไร

‘แก ก็ไปสมัครที่ใหม่สิวะ จะไปเสียเวลาทำไม ยังไงเขาก็กาหัวไว้แล้วแหละ ว่ายังไงก็จะไม่รับแกแน่ๆ น่ะ’ หนึ่งในกลุ่มเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัย ที่พอจะให้เธอเกาะไปไหนด้วยได้ ว่ามาอย่างนั้น

‘ที่ใหม่ไหนจะรับวะ มันทำงานไม่มีผลงานเดิมอะไรเลย เป็นแค่ผู้ช่วยอินทิเรียตอนอยู่บริษัทเดิม ผลงานทุกอย่างก็คือเป็นแค่ผู้ช่วย ใครเขาจะไปอยากรับ’ เพื่อนอีกคนว่ามาแบบไม่รักษาน้ำใจ ตามประสาคนปากสว่าง ส่งผลให้คนอื่นๆ ปราม แต่ก็สุดท้ายก็พากันเราะเชิงเยาะเย้ย แบบที่เคยทำๆ กันมา

จนอภิศรารู้สึกว่า ไม่ควรที่จะโทรไปหาพวกมันเลยด้วยซ้ำ

แต่เป็นเพราะว่าเธออยากจะระบาย แต่ไม่รู้จะระบายกับใครนั่นแหละ "อือ ช่างเถอะ ดูซีรี่ดีกว่า”

แล้วเธอก็จัดเตรียมที่จะนอนดูซีรี่เกาหลีบนเตียง แบบที่เคยๆ ทำมา จัดวางขนม น้ำอัดลมพร้อมสรรพ

สูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนเลือกภาพยนตร์ที่กดเพิ่มลงคลังเอาไว้ แต่ไม่เคยได้เปิดดูสักที

“ฮื้อ...น่าสงสาร” เมื่อดูไปสักพักร่วมสองชั่วโมง จุดพีคของเรื่อง ก็ทำเอาเธอน้ำตาแตก ชะตาชีวิตของนางเอก มันช่างเหมือนกับเธอตอนนี้เสียเหลือเกิน...

ว่าแล้วก็คว้าแก้วน้ำอัดลมมาดูดอึกใหญ่ สายตาก็จ้องมองแต่หน้าจออย่างเดียว เพราะกำลังอินหนัก

เมื่อดูดเสร็จก็จะวางแก้วลงไปในที่ของมัน เพราะซื้อมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ตามเช่นปกติ...

โพล๊ะ!

“เฮ้ย!” แก้วน้ำอัดลมที่ควรจะวางในที่ของมัน ดันชนเข้ากับโถขนมขนาดใหญ่ของเธอเข้า จนแก้วเสียหลักล้ม คนตกใจลุกขึ้นแบบลืมไปเลยว่า หน้าตักของตัวเองมีโต๊ะญี่ปุ่นคร่อมอยู่

เจ้า Notebook ที่กำลังฉายละครเกาหลี ก็เทลงไปหาน้ำอัดลมเหล่านั้น จนดับในทันที แบบตีลังกาคว่ำลงไปด้วย

“อุ๋งอุ๋งลูกแม่!” ชื่อที่เธอตั้งให้มัน ถูกตะโกนจนสุดเสียง พร้อมวิ่งไปเอามันมากอดไว้ เช็ดน้ำออกด้วยความเร็วไว แต่น้ำดันไหลเข้าสู่ช่องสำคัญ

“โอ๊ย ทำไงดีเนี่ย...” ความตกใจทำให้เธอสติแทบแตก เพราะมันเป็นของรัก และที่สำคัญถ้ามันเสียหาย เธอไม่มีปัญญาจะซื้อใหม่ในช่วงนี้นะ!

“เรียบร้อยแล้วค่ะท่านประธาน” น้ำเสียงเชิงเรียบของหญิงวัยกลางคน เอ่ยพร้อมกับแววตาที่ยิ้มเยือนอบอุ่น หลังจากที่ได้ถูห้องรับแขกของท่านประธานเสร็จ

ห้องทำงานของสงครามอยู่บนชั้นสูงสุดของตึก เห็นวิวมหานครเมืองใหญ่แบบชัดแจ๋ว นอกจากห้องจะใหญ่มากแล้ว ยังมีโซนรับแขกส่วนตัว เอาไว้ต้อนรับลูกค้าและคู่ค้าทางธุรกิจในคราที่เขาต้องเป็นฝ่ายดูแลบ้าง

“เดี๋ยวครับ” แม่บ้านวัยกลางคน ที่ทำงานให้เขามายาวนาน แม้จะไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากมายเท่าไหร่นัก ตามประสาที่จะต้องรักษาภาพลักษณ์ท่านประธาน แต่เขาก็เลือกที่จะให้ความเคารพ สมกับที่ทำงานอย่างมืออาชีพมาเสมอ

“คะท่าน” กิริยาค้อมศีรษะให้เพียงนิด แต่แววตาไม่ได้มีความเกรงกลัวจนเกินงามและมืออาชีพมากๆ ยิ่งทำให้เขารู้สึกชอบใจ

ไม่รู้สิ สงครามมองว่า คนที่มั่นใจในตัวเอง เชื่อมั่นในสิ่งที่ทำและไม่คิดว่าตัวเองด้อยไปกว่าใคร ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งไหน ทำอาชีพอะไร...เขาว่านั่นคือเสน่ห์

“เช้านี้ทานข้าวกับอะไรครับ” ช่างเป็นคำถามที่ชวนให้ขมวดคิ้วนักหนา แต่คนที่เตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ อยู่ตลอดเวลา กลับเลือกที่จะขมวดคิ้วอยู่ในใจ

“ข้าวสวยกับน้ำพริกปลาทูค่ะ”

“ผักลวกหรือผักสด” เขาถามสวนทันทีแบบสบายๆ

“ผักลวกค่ะ แก่แล้ว ผักสดไม่ค่อยไหว” เมื่อรายนั้นเริ่มผ่อนคลาย ตอบกลับแบบสบายๆ ไม่แพ้ และดูไม่ได้เกรงกลัวเขามากจนเกินไปเหมือนคนอื่นๆ

อันที่จริง ฟ้าภิรมย์ เรืองสรรค์ แม่บ้านวัยห้าสิบต้นๆ ก็ไม่เคยจะแสดงทีท่ากลัวเขาให้ได้เห็นมาตั้งแต่ไหน แม้ว่าจะมาทำงานที่นี่ได้เพียงแค่สามปีเท่านั้น

“เหมือนผมเลยครับ ชอบผักลวกมาตั้งแต่เด็กๆ เลย แต่ก็ไม่ค่อยได้ทานเท่าไหร่เดี๋ยวนี้ เห็นทีว่าพรุ่งนี้ต้องสั่งแม่บ้านทำให้ซะหน่อย” เมื่อเธอไม่ได้ทำทีท่ากลัวเขา คนที่ชอบคุยกับญาติผู้ใหญ่อย่างอ่อนน้อมมาเสมอ ก็เลือกที่จะเผยมุมนี้ของตัวเองให้เธอได้เห็น

“ท่านประธานก็ชอบทานเหรอคะ ไว้วันหลัง ดิฉันขออนุญาตทำมาให้รับประทานนะคะ รับรองว่าอร่อยมากแน่” ไม่ได้มีทีท่าว่าจะอวดหรือพยายามเข้าหาแต่อย่างใด มีแต่ประกายตาที่จริงใจและน้ำเสียงอันตื่นเต้น

เหมือนผู้ใหญ่ ดีใจที่จะได้ทำอาหารให้เด็กๆ รับประทาน จนคนจับสังเกตอยู่ตลอดเวลาสะดุดเล็กน้อย และลอบคิดในใจถึงสาเหตุแห่งการกระตือรือร้นนี้

“เอาสิครับ พรุ่งนี้เลยเป็นไง”

“ได้เลยค่ะ เดี๋ยวป้า เอ้ย...”

“แทนตัวเองว่าป้าก็ได้ครับ” ไม่รู้สิ คนที่เคยโดดเดี่ยวจากการ ขาด มาก่อน เห็นความขาดในกิริยาอาการและแววตาคู่นั้นเด่นชัด

“อย่าดีกว่าค่ะ อิฉันเป็นแค่ลูกจ้าง” แม้จะไม่ได้มีทีท่ากลัวจนตัวสั่น แต่ก็ไม่ทีท่าว่าจะผยอง ลำพอง เมื่อได้โอกาสด้วย

“ไม่เป็นไรครับ ผมอนุญาต” เขาว่าเชิงสบายๆ และคิดว่าคราวหน้า ต้องสืบซะหน่อย ว่าชีวิตเบื้องหลังครอบครัวของแม่บ้านคนนี้ เป็นยังไง

“ขอบคุณที่เมตตาอิฉันนะคะ” เขาพยักหน้าเชิงยอมรับ แม้จะเห็นว่าอีกฝ่าย ไม่ยอมแทนตัวเองว่าป้าตามที่อนุญาตไปก็ตาม

“หยิบมาใบหนึ่งสิครับ เผื่อได้โชคใหญ่” เขามองไปยังแก้วพลาสติกใส ที่มีกระดาษม้วนเล็กๆ บรรจุอยู่

“ชิงโชคเหรอคะ?” ว่าเชิงลังเล

“ประมาณนั้น” เขาตอบแบบกลางๆ พร้อมส่งสายตาเชิญชวน ประมาณว่า...ยังไงก็ต้องจับ

“ขอบคุณค่ะ” คนมั่นใจในตัวเอง แต่ก็มีความอ่อนน้อม เคลื่อนไหวกิริยาด้วยทีท่าที่น่าเคารพ สำหรับเขานะ...

เขาที่มักจะสังเกตผู้คนเป็นกิจวัตรอยู่เสมอ

สงครามรับกระดาษม้วนนั้นมาไว้ในมือ พร้อมคลี่ออก แอบตื่นเต้นทุกครั้ง ว่ามันจะคือตัวอักษรอะไร เห็นทีว่าเขาจะต้องให้คนเล่นเกมส์จบกันให้หมดภายในวันนี้!

‘Y’
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel