บทที่1
บทที่1
หมึกที่ถูกฝนอย่างใจเย็นและพู่กันอันเก่าที่ถูกหยิบเอาขึ้นอย่างมั่นคงแสดงให้เห็นว่ายามนี้มือที่กำลังจรดพู่กันลงบนหนังสือสำคัญแผ่นตรงหน้าได้คิดมาอย่างดีและถี่ถ้วนแล้ว นางตัดสินใจดีแล้ว
อันที่จริงนางควรจะรู้ตั้งแต่ที่สตรีผู้นั้นเข้ามาพักอยู่ที่จวนแห่งนี้แล้ว และก็ควรมั่นใจในความรู้สึกของตัวเองได้ตั้งนานแล้ว การที่สตรีผู้นั้นได้เข้าไปอยู่ในที่ที่นางไม่เคยได้เข้าไปนั่นก็เป็นสิ่งที่บอกชัดแล้ว ว่ากำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในจวนแห่งนี้
มิรู้ว่าหวงอิ่งจื่อทนให้คนตระกูลฟ่านกระทำหมิ่นเกียรติและดูแคลนอยู่เช่นนี้ทำไม ทำดีไม่มีใครเห็นนั่นก็ปวดใจมากพออยู่แล้ว แต่หนักหนากว่านั้นคือการไม่ได้ทำอะไรสักอย่างก็ยังโดนกลั่นแกล้งและใส่ร้าย นางอยู่นางไม่สู้ก็ยิ่งทำให้พวกเขาเหล่านั้นได้ใจ
“เฮ้อ” ริมฝีปากซีดเซียวถอนลมหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า
จนถึงตอนนี้ก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงได้อีกแล้ว ไม่มีจริง ๆ ต่อให้พยายามมากมายแค่ไหน ในเมื่อไม่มีใครสนใจจะมองหรือสังเกตุเห็นความพยายามทั้งหมดของนางก็ไร้ประโยชน์ ช่างเสียเวลายิ่งนัก
“ทั้งเรือนอวี้ฟาน และหัวใจของท่านมันไม่เคยเป็นที่สำหรับข้าเลย” หวงอิ่งจื่อลงชื่อของตนเองลงในตอนท้ายของหนังสือหย่า นัยน์ตากลมโตมองไปรอบ ๆ ห้องที่อยู่เดียวดายมานานนับปี
“เคยคิดว่าห้องนี้ยามไม่มีท่านมันช่างเงียบเหงา แต่มิรู้เลยว่ายามที่ท่านกลับมา สถานที่แห่งนี้จะสร้างความเจ็บปวดให้ทั้งกายและใจของข้าเช่นนี้” แม้ว่านี่ดูเหมือนจะเป็นการคร่ำครวญและอาลัยอาวรณ์ แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นเพียงแค่คำที่นางใช้แสดงความสมเพชตนเองต่างหาก
“ลาก่อน”
ร่างเพรียวบอบบางของสตรีเดินไปยังกองข้าวของเล็กน้อยที่เตรียมเอาไว้ แม้หนทางข้างหน้าจะยากลำบาก แต่ก็ยังดีกว่าอยู่อย่างไร้ตัวตนที่นี่ และอย่างน้อยท่านย่าจะได้ไม่ต้องเป็นอันตรายเพราะการแก่งแย่งที่ไม่จำเป็นในจวนแห่งนี้ด้วย
ขาดนางไปสักคน ทุกสิ่งทุกอย่างคงดีขึ้น
“ในเมื่อที่นี่ไม่มีใครต้องการข้าแล้วข้าก็ไม่ควรอยู่อีกต่อไป” หวงอิ่งจื่อก้าวเท้าออกจากเรือนนอนของตน ทุกอย่างยังคงเป็นเหมือนวันแรกที่นางเดินเข้ามา มันไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปมากนัก เพราะนางไม่เคยได้รับข้าวของอะไรที่เหมาะสมกับคำว่าฮูหยินท่านแม่ทัพเลยแม้แต่น้อย
เรื่องราวที่จบลงอย่างปวดร้าวนี่มันเริ่มราวกับนิยายที่ในเมืองหลวงชอบเขียนขาย ชีวิตยากไร้ของสตรีผู้หนึ่งถูกบุรุษสูงศักดิ์ฉุดรั้งให้พ้นจากความทุกข์ยาก เนื้อเรื่องทำนองนี้ถูกเขียนเพราะเป็นที่นิยมและขายดี สตรีทุกนางต่างอยากเจอเทพบุตรในฝันดั่งในนิยาย
หวงอิ่งจื่อเป็นบุตรสาวคนเดียวของตระกูลหวง
แม้ว่าตระกูลหวงท่านพ่อของนางจะไม่ได้มีตำแหน่งยิ่งใหญ่ในกองทัพ แต่ท่านพ่อก็เป็นถึงคนสนิทของนายกองที่มีฝีมือ แม้จะไม่ยิ่งใหญ่เพราะเกิดในตระกูลชาวบ้าน แต่เพราะฝีมือก็พาให้ท่านพ่อของนางเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ท่านพ่อของนางไม่ใช่ตระกูลขุนนางจึงไม่สามารถรับตำแหน่งอะไรได้นอกจากทหารชั้นประทวน และถึงแม้จะสิ้นชีพที่ชายแดน ความสามารถก็เป็นที่ประจัก จนนายกองคนนั้นนำข่าวของบิดามาบอกถึงกระท่อมที่นางใช้เป็นที่พักเพียงลำพังยามที่บิดาออกศึก
“นี่เป็นเพียงสิ่งเดียวที่ข้านำมาจากท่านลุงหวง” มือของหวงอิ่งจื่อสั่นเมื่อยามเอื้อมออกไปรับดาบของบิดาของตัวเอง “ข้าขอโทษ เป็นเพราะข้า บิดาของเจ้าจึงต้องสิ้นลมหายใจ” เสียงทุ้มเจือไปด้วยความสำนึกผิดเต็มหัวใจ
หวงอิ่งจื่อส่ายหน้าเบา ๆ
“ท่านพ่อจากไปอย่างสมเกียรติแล้ว” รอยยิ้มพร้อมน้ำตาที่ไหลลงมาช่างไม่เข้ากันนั่น แต่มันกลับน่ามองยิ่งนัก
“ข้ารับปากกับพ่อเจ้าเอาไว้หนึ่งเรื่อง และเรื่องนั้นเกี่ยวกับเจ้า”
หวงอิ่งจื่อเงยหน้าขึ้นมองบุรุษที่นางเพิ่งเคยเห็นเขาเป็นครั้งแรก
“กลับไปตระกูลข้าเถอะ ข้าสัญญากับบิดาเจ้าว่าจะดูแลเจ้า รับเจ้าเป็นภรรยา”
แม้ว่าดวงตาสวยจะเบิกโตเมื่อได้ฟังคำสั่งเสียสุดท้ายที่บิดาฝากเอาไว้ ท่านฝากนางเอาไว้กับบุรุษตรงหน้านี้ แม้จะไม่เคยพบกันมาก่อนแต่นี่อาจเป็นหนทางเดียวที่นางมี
สุดท้ายแล้วชีวิตของหวงอิ่งจื่อก็ดำเนินไปแบบนั้น ในวันที่นางสูญเสียเสาหลักในชีวิตไป ก็มีเสาอื่นมาทดแทน เพียงแต่สิ่งที่รอคอยหวงอิ่งจื่ออยู่มันไม่ได้สวยงามเหมือนกับบทละครที่ใช้แสดงกันในโรงงิ้ว สตรียากไร้อย่างนางไม่ได้ถูกดึงให้กลายเป็นหงส์อย่างในบทละคร
พิธีเรียบง่ายอย่าได้หวังถึงสินสอดหรือสินเดิม ทุกอย่างล้วนไม่มีทั้งสิ้น เพียงแค่หาชุดสีมงคลมาจัดพิธีไหว้ฟ้าดินยกน้ำชา มีแม่สื่อตามธรรมเนียมก็ถือว่าเป็นบุญของนางแล้ว
และทันทีที่จบพิธีฟ่านเฉิงเฉิงก็ต้องเดินทางไปชายแดนอีกครั้งไม่แม้แต่จะบอกกล่าวหรือเอ่ยคำร่ำลาฮูหยินที่เพิ่งแต่งเข้าจวน แม้นางเองจะรู้ว่าฟ่านเฉิงเฉิงไม่ได้มีใจรักให้นาง ด้วยเพราะการกระทำที่ค่อนข้างเมินเฉย และสีหน้าไม่พอใจของคนในครอบครัวของเขา แต่หวงอิ่งจื่อก็คิดแล้วว่าหน้าที่ของนางคือสะใภ้ของสกุลฟ่าน ต่อให้ฟ่านเฉิงเฉิงจะอยู่ตรงนี้หรือไม่ นางก็ควรจะดูแลทุกคนให้ดีเยี่ยงสะใภ้ที่ควรปฎิบัติต่อครอบครัวสามี
แม้จะคิดเช่นนั้นแต่ในความเป็นจริงกลับทำได้ยากยิ่งนัก
“เรื่องง่าย ๆ แค่นี้ก็ทำไม่ได้ หากลูกชายข้ากลับมาเจ้าจะทำสิ่งที่ควรทำได้อย่างนั้นหรือ” น้ำเสียงกล่าวตำหนิทุกสิ่งของแม่สามีทำให้หวงอิ่งจื่อต้องลอบถอนหายใจ แต่นี่มันก็เป็นเพียงเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นประจำก็เท่านั้น แม้จะเดาว่าต้องเป็นเช่นนี้ แต่นางก็ไม่เคยชินเสียที
“เจ้าค่ะท่านแม่ ข้าจะปรับปรุง”
“ปรับปรุง ปรับปรุงอย่างนั้นเหรอ” เสียงของฟ่านหลันหวีดร้องเมื่อหวงอิ่งจื่อเอ่ยโต้ตอบ แม้ว่าจะไม่ใช่น้ำเสียงประชดประชัน แต่ถึงกระนั้นฟ่านหลันก็ไม่พอใจ
“พอแล้วพอแล้ว เจ้าก็เลิกว่ากล่าวนางเสียที อิ๋งจื่อ เดี๋ยวเจ้าก็ตามไปนวดย่าที่เรือนหน่อย” หวงอิ่งจื่อรีบพยักหน้ารับคำ เพราะนางรู้ดีว่านี่คือการช่วยเหลือของผู้มีอาวุโสที่สุดในตระกูลฟ่าน
“ท่านย่าที่จริงท่านแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรมากนัก” เมื่อเดินเข้ามาในเรือนนอนของเหล่าฮูหยินหวงอิ๋งจื่อก็รีบแก้ต่างให้มารดาสามี
คนมีอายุได้ฟังก็ถอนหายใจยาว
“เจ้าทนได้ แต่ข้าทนไม่ได้ ที่นางเป็นเช่นนี้คงเพราะเป็นห่วงเฉิงเฉิง อย่าได้โกรธเคืองนางเลยนะ”
หวงอิ่งจื่อพยักหน้าอีกครา หากจะมีใครในตระกูลฟ่านดีกับนางก็คงเป็นสตรีสูงวัยตรงหน้านี่ หากแม่สามีของนางคิดแบบท่านย่าได้สักนิดก็คงดี ถ้าหากทุกคนในจวนสกุลฟ่านแห่งนี้เป็นแบบแม่สามี นางคงจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อย่างยากลำบากเสียแล้ว