ตอนที่ 1[ บ้านศรีกันเตรียง ]
สืบศพสยบวิญญาณ
ตอนที่1
[บ้านศรีกันเตรียง]
ณ ที่บ้านศรีกันเตรียง
บ้านศรีกันเตรียง เป็นหมู่บ้านที่ในอำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลความเจริญและติดกับชายแดนไทยกัมพูชา ชาวบ้านที่นี่จึงใช้ภาษาพื้นบ้านคือภาษาเขมรเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากได้รับอิทธิพลทางภาษาและขนบธรรมเนียมมาจากคนกัมพูชาที่เข้ามาอาศัยอยู่บริเวณนี้นายชุ่มเป็นชายหนุ่มในหมู่บ้านศรีกันเตรียง นายชุ่มแต่งงานอยู่กินกับสาวในหมู่บ้านชื่อสายบัวและมีบุตรด้วยกันสองคน คนโตเป็นชายชื่อเพลิงคนเล็กเป็นหญิงชื่อสไบ นายชุ่มเป็นคนมีวิชาอาคมแก่กล้าแพระได้รับการถ่ายทอดวิชาอาคมมาจากนายเชียงผู้เป็นพ่อที่เป็นคนกัมพูชา หลังจากที่นายเชียงถ่ายทอดวิชาอาคมให้นายชุ่มได้ไม่นานนายเชียงก็เสียชีวิตด้วยโรคชราในวัย 85 ปี ทำให้นายชุ่มและลูกเมียต่างเศร้าโศกเสียใจเป็นอย่างมาก นายชุ่มถึงแม้ว่าจะมีอาชีพเป็นชาวนาและมีฐานะยากจน แต่นายชุ่มก็เป็นคนขยันขันแข็ง มีมานะอดทน และส่งเสียลูกทั้งสองคนจนเรียนจบมัธยมศึกษาตอนปลาย นายชุ่มอยากให้ลูก ๆ ได้เรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย แต่เนื่องจากฐานะทางครอบครัวไม่ดี จึงต้องให้ลูกทั้งสองหยุดเรียน แต่เพลิงนั้นเป็นคนรักการเรียนและอยากเรียนต่อจึงได้ขอผู้เป็นพ่อไปหางานทำที่กรุงเทพฯ เพื่อจะหาเงินเรียนเอง ทางนายชุ่มผู้เป็นพ่อเมื่อเห็นว่าลูกชายมีความตั้งใจที่จะเรียนต่อให้ได้จึงไม่ได้ว่าอะไร เพราะเขาเองก็อยากให้ลูกมีความรู้มีอนาคตที่ดี ส่วนสไบผู้เป็นน้องสาวนั้นไม่อยากเรียนต่อเพราะอยากอยู่ดูแลพ่อแม่ จึงไปสมัครงานที่ว่าการอำเภอและได้ทำงานราชการที่อำเภอเพราะจะได้อยู่ดูแลพ่อกับแม่ด้วย
วันนี้เพลิงเตรียมตัวเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าไว้เพราะพรุ่งนี้เช้าจะต้องออกเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อจะไปเรียนต่อตามที่ตัวเองตั้งใจไว้
"เก็บเสื้อผ้าของใช้เรียบร้อยแล้วเหรอลูก" ผู้เป็นพ่อเอ่ยถามลูกชาย
"เสร็จเรียบร้อยแล้วครับพ่อ" ชายหนุ่มหันมาเอ่ยกับผู้เป็นพ่อ
"ใจจริงพ่อก็ไม่อยากให้ลูกไปเท่าไหร่หรอกนะ เพราะการที่จะเข้าไปอยู๋ในเมืองกรุงโดยที่เราไม่รู้จักใครเลย มันก็น่ากลัว แต่พ่อเห็นว่าลูกตั้งใจที่จะไปเรียนต่อให้ได้ พ่อจึงไม่อยากขัดใจ ถ้าลูกมั่นใจว่าจะไปหางานทำและเรียนต่อได้ก็ตามใจ" ผู้เป็นพ่อเอ่ยกับลูกชายด้วยสีหน้าวิตกกังวลเพราะความเป็นห่วงลูก
"พ่อไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอกครับ ผม
โตแล้ว ผมจะไปหางานทำและตั้งใจเรียนให้จบ ผมจะเอาใบปริญญามาฝากพ่อกับแม่ให้ได้ครับ" ชายหนุ่มเอ่ยกับผู้เป็นพ่อแล้วหันไปยิ้มให้ผู้เป็นแม่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
"เออ ๆ อยากไปก็ไปเถอะ แต่อย่าไปทำตัวเกเรกินเหล้าเมายาเที่ยวเตร่ติดผู้หญิงจนเสียการเรียนก็แล้วกัน" ผู้เป็นแม่
เอ่ยกับลูกชาย
"ผมรับรองครับแม่ ผมให้สัญญาว่าผมจะไม่ทำให้พ่อกับแม่ผิดหวัง เพราะเรื่องกินเหล้าเมายาและเรื่องพวกนี้ผมไม่ชอบอยู่แล้ว ผมจะตั้งใจทำงานเก็บเงินหาเงินเรียนให้จบไว ๆ จะได้กลับมาหาพ่อกับแม่ครับ" ชายหนุ่มเอ่ยกับผู้เป็นแม่แล้วเข้าไปโอบกอด ทำให้ผู้เป็นแม่จึงอดที่จะยิ้มอย่างดีใจไม่ได้
"ให้มันจริงเถอะ ไม่ใช่ไปแล้วก็หาย
เงียบไปเลย แม่โกรธจริง ๆ นะ"
"ไม่หายไปไหนหรอกแม่ เชื่อใจผมสิ"
ลูกชายเอ่ยกับผู้เป็นแม่อย่างหนักแน่น
"ถ้าพี่เพลิงเขามั่นใจก็ให้เขาไปเถอะแม่ถ้าพี่เขาไม่กลับมาเดี๋ยวฉันจะพาแม่ไปตามเองจ้ะ" สไบผู้เป็นน้องสาวเอ่ยกับผู้เป็นแม่ก่อนจะหันไปหรี่ตาแล้วยิ้มให้พี่ชาย
"แหม…สไบเอ็งนี่ร้ายนะถึงกับจะพาแม่ไปตามพี่เลยเหรอ พี่ไม่พูดด้วยแล้ว พี่
ไปบ้านไอ้ขุนดีกว่า" ชายหนุ่มเอ่ยกับน้องสาวแล้วลุกขึ้นจะเดินลงจากบ้าน
"ลูกจะไปทำไมบ้านไอ้ขุน" ผู้เป็นพ่อเอ่ยถามลูกชายด้วยความสงสัย
"ผมจะไปถามมันดูว่าจะไปเรียนต่อกับผมหรือเปล่า เพราะเห็นวันก่อนมันพูดกับผมว่าอยากไปเรียนต่อเหมือนกันแต่พ่อแม่มันไม่มีเงินส่งเสียให้เรียน เผื่อมันจะอยากไปทำงานแล้วเรียนต่อเหมือนผม"
ชายหนุ่มเอ่ยกับผู้เป็นพ่อ
"เออ ๆ ก็ดีเหมือนกันถ้าไอ้พงษ์มันไปด้วยก็ดีลูกจะได้มีเพื่อน อย่างน้อยไอ้ขุนมันก็เป็นคนบ้านเดียวกัน ไปคนเดียวพ่อกับแม่ก็เป็นห่วงลูกเหมือนกัน " ผู้เป็นพ่อเอ่ยกับลูกชาย
"ครับพ่อ งั้น…ผมไปก่อนนะ" ชายหนุ่มเอ่ยกับผู้เป็นพ่อแล้วเดินลงจากเรือนไปขี่มอเตอร์ไซค์ฮอนด้าคู่ใจคันเก่า ๆ ออกจากบ้านไป
ชายหนุ่มขี่มอเตอร์ไซค์ไปได้ครู่หนึ่งก็มาถึงบ้านไอ้ขุน เสียงหมาที่เห่าดังลั่นทำให้ไอ้พงษ์ที่กำลังเอาฟางให้วัวกับควายกินอยู่หลังบ้านได้ยินจึงรีบเดินออกมาดู
"อ้าวเฮ้ย…ไอ้เพลิงวันนี้มาหากูแต่เช้าเลยมีอะไรหรือเปล่าวะ" ไอ้ขุนเอ่ยถามเพลิงด้วยความแปลกใจ
"กูว่าจะมาถามมึงว่ามึงยังอยากที่จะไปเรียนต่ออยู่หรือเปล่า เพราะพรุ่งนี้กูจะไปเรียนต่อแล้วนะ" เพลิงเอ่ยกับเพื่อนที่มีสีหน้าเหมือนคนกำลังคิดหนัก
"กูก็อยากไปเรียนต่อเหมือนกันว่ะ แต่มึงก็รู้ว่าพ่อแม่กูไม่มีเงินส่งให้กูเรียนหรอก แค่ส่งให้กูเรียนจบม.ปลายก็ดีแล้ว" ไอ้ขุนเอ่ยกับเพลิงด้วยสีหน้าที่หมองเศร้า
"พ่อแม่กูก็ไม่มีเงินส่งให้เรียนเหมือนกันแต่กูจะไปหางานทำ หาเงินเรียนเอง" เพลิงเอ่ยกับไอ้ขุนอย่างมีเหตุผล
"ทำงานไปเรียนไปก็ดีเหมือนกันว่ะ เออเดี๋ยวกูจะถามพ่อกับแม่กูดู อ้าว! นั่นพ่อกับแม่กูมาพอดีเลย" ไอ้ขุนกำลังคุยอยู่กับเพลิงพ่อกับแม่ของมันก็กลับมาจากธุระพอดี
"สวัสดีครับพ่อแม่" เพลิงยกมือไหว้พ่อกับแม่ไอ้ขุนอย่างนอบน้อม
"เออ ๆ สวัสดีไหว้พระเถอะลูก นี่ไปยังไงมายังไงถึงมาหาไอ้พงษ์แต่เช้าเลย"
ทิดพันเอ่ยถามชายหนุ่มด้วยความสงสัย
"ผมว่าจะมาชวนไอ้ขุนมันไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ นะพ่อ เห็นมันบอกว่าอยากไปเรียนต่อ" ชายหนุ่มเอ่ยกับทิดพัน
"ข้าไม่มีเงินส่งมันเรียนหรอก แล้วเอ็งจะไปเรียนต่อรึไง ถึงมาชวนมัน"
ทิดพันเอ่ยถามเพลิง
"ใช่ครับพ่อ…พ่อกับแม่ผมก็ไม่มีเงินเหมือนกัน แต่ที่ผมจะไปเรียนผมว่าจะไปหางานทำก่อน พอได้งานแล้วค่อยสมัครเรียนครับ" ชายหนุ่มเอ่ยกับทิดพันที่กำลัง
นั่งฟังด้วยใจจดจ่อ
"อืม…ถ้าทำงานไปเรียนไปก็ดีนะสิ แต่ไอ้ขุนมันจะทำได้เหมือนเอ็งหรือเปล่าเท่านั้นแหละ" ทิดพันเอ่ยกับชายหนุ่มก่อนจะเหลือบมองลูกชายที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
"ผมขอไปกับไอ้เพลิงได้ไหมพ่อ ผม
อยากไปเรียนต่อเหมือนมัน" ไอ้ขุนเอ่ยถามผู้เป็นพ่อ
"ลูกแน่ใจนะว่าจะทำงานไปเรียนไป มันลำบากนะ เราต้องมีมานะอดทนและมีใจสู้จริง ๆ ถึงจะทำได้"ผู้เป็นพ่อเอ่ยกับลูกชายเหมือนไม่ค่อยมั่นใจในตัวลูกชาย
เท่าไหร่นัก
"ผมทำได้พ่อ ผมจะขยันทำงานหาเงินเรียนเหมือนไอ้เพลิงมัน ผมจะตั้งใจเรียนให้จบแล้วกลับมาหาพ่อกับแม่ครับ"
ไอ้ขุนเอ่ยกับพ่อและแม่ด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและจริงจัง
"เอาละ…ถ้าลูกมั่นใจว่าทำได้ พ่อกับแม่ก็จะให้ไป อย่างน้อยก็ยังมีเจ้าเพลิงที่เป็นเพื่อนไปด้วยกัน เจ้าเพลิงมันก็ไม่ใช่คนเกเร มีอะไรก็ดูแลช่วยเหลือกันนะลูก" ทิดพันเอ่ยกับลูกชาย
"ได้ครับพ่อ ผมสองคนจะไม่ทอดทิ้งกันเราสองคนจะเอาใบปริญญามาฝากพ่อกับแม่ให้ได้ครับ" ชายหนุ่มเอ่ยกับทิดพัน
และแม่ไอ้ขุนที่กำลังนั่งฟังอยู่
"ตกลงพ่อกับแม่ให้ผมไปกับไอ้เพลิงแล้วใช่ไหมครับ" ไอ้ขุนเอ่ยถามพ่อกับแม่
ด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นและดีใจ
"ก็ใช่นะสิ…แม่กับพ่อให้ไป แต่ห้ามพากันเกเร เที่ยวเตร่จนเสียการเรียนละ ให้พากันตั้งใจเรียนจะได้จบไว ๆ" นางเกษรเอ่ยกับลูกชายที่กำลังยิ้มหน้าบานด้วยความดีใจ
"ครับแม่ผมจะไม่ให้แม่ผิดหวัง ผมจะเรียนให้จบแล้วกลับมาหาแม่"ไอ้พงษ์เอ่ยกับผู้เป็นแม่แล้วเข้าไปสวมกอดอย่างดีใจ
"แล้วจะพากันไปวันไหนละ?" ทิดพัน
หันไปเอ่ยถามชายหนุ่มด้วยความอยากรู้
"ผมว่าจะไปพรุ่งนี้เช้าเลยครับ ก็ไม่มีอะไรมาก เสื้อผ้ากับของใช้นิดหน่อยกระ
เป๋าใบเดียวก็พอครับ" ชายหนุ่มเอ่ยกับทิดพัน
"ก็ดีเหมือนกัน ไม่ต้องเอาอะไรไปเยอะหรอกมันหนัก ไปหาเอาข้างหน้าดีกว่า" ทิดพันเอ่ยกับชายหนุ่ม
"งั้น…ผมกลับก่อนนะครับ จะได้ไปเตรียมตัวเก็บเสื้อผ้า พรุ่งนี้จะได้ออกเดินทางแต่เช้า" ชายหนุ่มเอ่ยกับทิดพันก่อนจะยกมือไหว้ลาทิดพันกับนางเกษร
"เออ…ไปเถอะ เดี๋ยวพ่อก็จะเตรียม
หาเงินให้ไอ้ขุนมันเหมือนกัน สงสัยไม่พ้น
ต้องเอาข้าวไปขายแน่เลย คงพอได้ค่ารถ
ค่าเรือให้มันไปใช้ก่อน กว่ามันจะหางานได้ ถ้ามันได้งานไวก็ดี" ทิดพันเอ่ยกับชายหนุ่มที่กำลังเดินไปขี่รถมอเตอร์ไซค์
เพลิงขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปแล้วทิดพันกับเจ้าขุนก็ช่วยกันยกข้าวออกมาจากยุ้งใส่รถเข็นก่อนจะพากันเข็นไปขายที่ร้านรับซื้อข้าว ทิดพันขายข้าวได้เงินสองพัน ก็พากันกลับบ้านเมื่อทิดพันกับลูกชายเดินมาถึงนางเกษรผู้เป็นเมียก็รีบเอ่ยถามด้วยความอยากรู้