บท
ตั้งค่า

สายฟ้า | EP.3 ที่รัก

สวนสนุกใจกลางกรุง…

มาสคอตชุดหมีสีน้ำตาลตัวใหญ่ หน้าตาน่ารักยิ้มแย้มสดใส เด็กส่วนมากจึงชอบเข้าหา เสียงหัวเราะดีใจของเด็กๆ เมื่อได้ของรางวัลจากการกอดพี่หมี เดินถือลูกอมแสนหวานกลับไปหาพ่อกับแม่

ภาพที่เห็นจนชินตาของหญิงสาวในชุดมาสคอต เธอเห็นจนคิดว่าอาจจะชินไปเองแต่มันไม่ใช่อย่างที่คิด เพราะลึกๆ แล้วเธอกลับรู้สึกอิจฉาเด็กเหล่านั้นแทน รอยยิ้มหม่นเศร้าหลายต่อหลายครั้งภายใต้ใบหน้าหมียิ้มแย้มแค่ภายนอก

“อ้ะ...” ตกใจเมื่อมีคนเข้ามาชนเธออย่างจังจนก้าวไปข้างหน้าหลายก้าวจนแทบล้มคะมำ หันหลังไปมองจึงรู้ว่าเป็นมาสคอตกระต่ายสีขาว

ปึง!

หญิงสาวใช้พุงโตของตนเองชนมาสคอตกระต่ายสีขาว ทั้งสองชนกันไปชนกันมาจนสุดท้ายเมื่อเสียงเพลงของสวนสนุกดังขึ้น จากการแกล้งกันไปแกล้งกันมาก็เปลี่ยนเป็นเต้นดุ๊กดิ๊กน่ารักให้เด็กๆ ดูแทน

เวลา 17:30 นาฬิกา หญิงสาวในชุดหมีน้ำตาลโบกมือบ๊ายบายเหล่าเด็กน้อยและผู้ปกครองกลุ่มสุดท้ายก่อนจะปิดประตู

พลอยชมพูนั่งลงตรงโขดหินเพ้นท์ลายก้อนใหญ่แถวนั้นพลางถอดหัวมาสคอตออก เหงื่อชื้นทั้งใบหน้าและเส้นผมสีน้ำตาลเข้มเงางามของเธอ

“อะ กินน้ำก่อน” เจ้ากระต่ายสีขาวหรือเจมส์ เพื่อนของหญิงสาวยื่นขวดน้ำแช่เย็นมาให้

ยิ้มหวานขอบคุณก่อนยื่นมือรับไว้แล้วเปิดดื่มให้ชื่นใจ

“หายเหนื่อยเลย ขอบคุณนะเจมส์” ทุกวันหลังเลิกงานเจมส์มักจะมาพร้อมกับน้ำเย็นๆ หนึ่งขวดให้เธอเสมอ บางวันก็เป็นเธอที่ยื่นให้สลับกันไป

“อื้ม ที่รัก…”

“ว่าไง” มองยิ้มรอฟัง

“วันนี้เราต้องไปหาเพื่อนพอดี ให้เราไปส่งที่รักที่บ้านนะ”

“ไม่เป็นไรหรอกเจมส์ เราต้องไปที่อื่นต่อ เจมส์หาเพื่อนเถอะ”

“ไปส่งที่รักแป๊บเดียวเอง” ยังตื้อจะไปส่ง

“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะเจ้านาย” เอ่ยบอกพลางยิ้มหวานให้ลูกชายเจ้าของสวนสนุก ที่เธอได้เข้ามาทำงานพิเศษเฉพาะวันหยุดเสาร์อาทิตย์ก็เพราะเจมส์

“โธ่ ไม่พูดแบบนี้ดิ” คนที่ถูกเรียกว่าเจ้านายทำท่าจะงอนทันที

เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นเจ้านายหรือคิดว่าที่รักเป็นลูกจ้างเลย เขาคิดว่าเธอคือเพื่อน เพื่อนที่เขาอยากพัฒนาความสัมพันธ์ ที่เขามาทำงานใส่ชุดมาสคอตร้อนๆ ก็เพราะอยากอยู่ใกล้ๆ กับที่รักนี่แหละ

“โอเคๆ เราล้อเล่นน่ะ งั้นเราไปก่อนนะ”

“มีเวลานอนบ้างป้ะเนี่ย” ตะโกนตามหลัง

เขาเห็นที่รักทำงานทุกวันตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันอาทิตย์ เชื่อสิว่าเธอต้องไปทำงานที่อื่นต่อหรือไม่ก็กลับไปทำงานพิเศษต่อที่บ้านแน่นอน

“เราได้มีเงินเยอะๆ นี่นา ไปก่อนน๊า แล้วเจอกันจ้ะ” พลอยชมพูโบกมือบ้ายบายเดินเข้าไปเปลี่ยนชุด เก็บของส่วนตัวก่อนออกจากสวนสนุก

เจมส์มองเพื่อนสาวตาละห้อย เขาเห็นใจเธอที่ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำแทบไม่ได้หยุดพัก เคยยื่นมือเข้าไปช่วยแต่ที่รักก็เอาแต่ปฏิเสธ

หญิงสาวเดินทางเท้าออกมาจนเจอถนนใหญ่ เธอยืนรอที่ป้ายรถเมล์ครู่หนึ่ง รถสายที่จะไปก็มาถึงพอดี เท้าเล็กก้าวไปยืนจับราวแขวนตรงกลางคัน สายตาก็พลันเห็นคนมองมาที่เธออย่างไม่น่าไว้วางใจ เมื่อเห็นพวกเขาสองคนนั้นกำลังจะขึ้นรถเมล์คันเดียวกับเธอ ด้วยสัญชาตญาณและเคยเจอกับเหตุการณ์แบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วน เธอจึงรีบก้าวเท้าอย่างเร็วไปเพื่อลงจากรถอีกประตูหนึ่ง

หญิงสาวก้าวกระโดดลงจากรถเมล์ที่กำลังเคลื่อนตัวออกไปได้อย่างหวุดหวิด ชายหนุ่มสองคนที่ก้าวตามไม่ทันได้แต่มองตามเธออยู่บนรถเมล์อย่างเอาเรื่อง

มือเล็กกุมแนบอก หัวใจกำลังเต้นแรงด้วยความกลัว

ฟู่ววว พ่นลมหายใจ

ครืด...

เสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าผ้าสะพายไหล่สั่นขึ้น เมื่อเห็นรายชื่อคนที่โทรเข้ามาเธอไม่อยากกดรับสายเลย

‘แม่’ หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกสุดท้ายก็กดรับอยู่ดี

“สวัสดีค่ะ”

“มึงไม่ต้องมาพูดเพราะใส่กู เดือนนี้มึงจ่ายพวกมันหรือยังมันถึงยังตามกูอยู่ได้” น้ำเสียงของคนที่เพิ่งวิ่งหนีกลุ่มเจ้าหนี้พ้นบ่งบอกว่าหงุดหงิดเป็นที่สุด

“ยังค่ะ ที่รักยังมีไม่พอเลย” พลอยชมพูเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย

“ไม่พอได้ยังไง ทุกเดือนยังพอเลย หรือมึงจะไม่ช่วยกูแล้ว”

“เดือนนี้หนูไม่ค่อยมีงาน...” งานแปลที่บริษัทก็ไม่ค่อยมีเข้ามา ถ้าต้องลาออกไปหางานประจำอื่นทำเธอก็ต้องเสียค่าปรับ เพราะเธอได้ทุนจากบริษัทพอจบออกมาก็ต้องทำงานให้เขา ที่ทำได้ในตอนนี้คือหางานพิเศษอื่นทำไปด้วย

“สร้อยไง สร้องของมึงที่อยู่บนคอมึงอะ ขายๆ ออกไปได้แล้ว”

“แม่! ที่รักบอกแล้วไง...”

“ขายได้หลายแสนแน่ๆ มึงจะสบายไปเกือบปีเลยนะอีที่รัก” สร้อยเส้นนั้นมีเพชรแท้อยู่ตั้งหลายเม็ด ถ้าขายออกไปน่าจะช่วยผ่อนหนี้ไปได้หลายเดือน น้ำผึ้งคิดอย่างเห็นแก่ตัว

“อย่ามายุ่งกับของของที่รักนะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วแค่นี้นะคะ ที่รักต้องไปทำงานต่อ”

นิ้วมือเรียวกดวางสายทันที ใบหน้าสวยอ่อนหวานที่เคยสดใส ตอนนี้มันหายวับไปตั้งแต่ห้าปีก่อน ขอบตาร้อนผะผ่าวเหมือนน้ำตาจะไหลเธอจึงยกมือขึ้นปิดตาตนเองเอาไว้ให้น้ำตามันไหลกลับไปที่เดิม

“อ้าว อีที่รัก! มันทิ้งมึงขนาดนี้แล้วยังโง่เก็บไว้อยู่อีก” คนโดนตัดสายเอ่ยด้วยอารมณ์หงุดหงิดมากกว่าเดิม

หญิงชราวัยเจ็ดสิบห้าปีเจ้าของไร่เจียงวรรธณะกูร ไร่ชาและไร่ส้มที่ใหญ่ที่สุดในเชียงใหม่ แม้ดึกดื่นแค่ไหนก็ยังไม่ยอมหลับนอมนอน เพราะหลานชายตัวแสบไม่ยอมรับสายตั้งแต่หัวค่ำ

“ตอนนี้ที่นั่นกี่โมงแล้วล่ะสมร” เสียงหย่อนยานถามหัวหน้าแม่บ้านด้วยความกังวลใจ

“ประมาณทุ่มสองทุ่มค่ะ” สมรวัยหกสิบปี นั่งอยู่ข้างสมชายหัวหน้าคนงานผู้เป็นสามี ทั้งสองคนนั่งอยู่เป็นเพื่อนย่านวลตองตั้งแต่ทานข้าวเย็นเสร็จจนถึงตอนนี้

“กลางวันมันก็ไม่คิดจะติดต่อมา กลางคืนก็เอาแต่อยู่ในผับในบาร์ใช่มั้ย” สองเดือนแล้วที่หลายชายคนเล็กไม่ยอมติดต่อกลับมา จะมีก็แต่หลานชายคนโตที่โทรหาคนแก่อาทิตย์ละสองสามครั้งตามสะดวก

“คุณสายฟ้าอาจจะไม่ว่างก็ได้นะคะ”

“ใช่ครับคุณนาย”

สองสามีช่วยกันพูดคลายความกังวล แต่ก็ไม่เป็นผล

“ไม่ต้องปลอบใจฉันหรอก ก็เห็นอยู่ว่าสายฟ้ามันเป็นยังไง”

สายฟ้าไปอยู่อังกฤษกับเจคอบตั้งแต่ห้าปีก่อนแล้วก็ไม่กลับมาอีกเลย ช่วงปีสองปีแรกเธอก็เข้าใจ ส่าอาจจะหนีไปพักใจสักหน่อย แต่นี่มันนานเกินไปแล้ว

ห้าปีที่ผ่านมาเธอแทบจะแบกรับงานที่ไร่ไว้ไม่ไหว การจ้างคนมาดูแลก็ไม่อุ่นใจเท่ากับคนในครอบครัวดูแลงานของตระกูลด้วยตัวเอง

หลานคนโต ปักหลักปักฐานอยู่อังกฤษตั้งแต่จิณณ์ลูกชายคนโตของเธอยังไม่จากไป หน้าที่การงานของเจคอบอยู่ที่นั่นเป็นหลัก ทั้งกิจการโรงแรมนั่นอีก เธอก็เหลือแต่หลานคนเล็กที่ยังไม่ลงหลักที่ไหนเลยต้องดึงกลับมาทำงานที่บ้าน

สองเหตุผลที่สายฟ้าไปจากที่นี่ หากต้องแก้ด้วยเหตุผลที่หนึ่งก็คงเป็นไปไม่ได้เพราะลูกชายกับลูกสะใภ้ไปอยู่สถานที่ที่ไกลแสนไกล สถานที่ที่ไปไม่ถึง

นวลตองแหงนมองท้องฟ้าเต็มไปด้วยหมู่ดาว คิดถึงลูกชายคนเล็กกับลูกสะใภ้จนน้ำตาไหลพราก เอ่ยถามในใจว่าจะทำยังไงให้หลานชายกลับบ้านสักที

ทันใดนั้นบางอย่างก็ทำให้เธอฉุกคิดขึ้นได้...

เธอไม่รู้ว่าระหว่างสายฟ้ากับเด็กคนนั้นเกิดอะไรขึ้น แต่หากพลอยชมพูเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สายฟ้าต้องไป พลอยชมพูก็ต้องมารับผิดชอบในส่วนนี้ให้เธอ

“ตอนนี้หนูที่รักอยู่ที่ไหน สมชายกับสมรได้ข่าวคราวบ้างหรือเปล่า”

“ได้ยินว่าพ่อกับแม่ย้ายไปอยู่เชียงรายส่วนลูกสาวหมอนไม่ทราบเลยค่ะ”

“กระผมก็ทราบเท่าที่ยายหมอนแกบอกเท่านั้นแหละครับ”

“อืม แล้วตาเจคจะกลับวันไหนนะ” เดินกลับมานั่งที่เดิม ปัดเช็ดน้ำตาจนแห้ง

“คุณนายบอกหมอนวันก่อนๆ ว่านายน้อยจะกลับอาทิตย์หน้านะคะ” สมรพยายามนึกตอนที่นวลตองบอกเมื่อวันก่อน

“พรุ่งนี้สมชายไปตามอดิศรมาพบฉันหน่อยนะ” สมชายมีท่าทีแปลกใจเล็กน้อยแต่พยักหน้ารับตามคำสั่ง

นวลตองพยักหน้ากลับ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปทางห้องนอนของตัวเอง

…ค่อยคุยกับเจคอบตอนเจอหน้ากันทีเดียวแล้วกัน

ในขณะเดียวกัน…

ชายหนุ่มรูปร่างสูงหนึ่งร้อยแปดสิบเจ็ดเซนติเมตรมีสัดส่วนร่างกายที่สมส่วนดูดี เดินออกจากห้องน้ำมาหยุดที่โต๊ะวางของข้างหัวเตียง

ใบหน้าหล่อร้าย แววตาเรียบนิ่งมองโทรศัพท์มือถือที่หน้าจอปรากฏรายชื่อคนโทรเข้ามาตั้งแต่ตอนบ่าย ดวงตาคมจ้องมองอยู่อย่างนั้นเหมือนคิดอะไรอยู่ ก่อนจะหลับตาสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วหมุนตัวเดินกลับไปห้องแต่งตัวที่อยู่ติดกับห้องน้ำแทน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel