ตอนที่ 4 อาหารอันคุ้นเคย
ละอองใช้มือเปิบข้าวเหนียว แล้วจิ้มลาบกระต่ายเข้าปาก หยิบผักกาดนกเขาลวกม้วนแล้วส่งเข้าปากตาม คำที่สองก็กินอีก ครั้งนี้เด็ดยอดผักแว่นอวบสดม้วนให้เรียบร้อยแล้วส่งเข้าปากเช่นกัน
โอย! ไม่เคยกินลาบกระต่ายป่าที่อร่อยเท่านี้มาก่อนเลย จากนั้นสายตามองไปยังกบทอดเกลือตัวใหญ่ กบภูเขาเธอก็ไม่เคยกินเหมือนกัน เคยกินแต่กบตามทุ่งนาและตามร้านขายอาหารป่าเท่านั้น วันนี้กบภูเขาทอดสีเหลืองน่ากินจริง ๆ ละอองหยิบต้นขาของกบขึ้นมาฉีกเนื้อแปะลงบนคำข้าวเหนียวของตน แล้วจิ้มน้ำจิ้มแจ่วในถ้วยเล็ก สองมือประคองคำข้าวเข้าปากอย่างทะนุถนอมแล้วเคี้ยวตุ้ย ๆ ความนัวของปลาร้าในน้ำจิ้มบวกกับเผ็ดนิดเปรี้ยวหน่อยของน้ำมะขามเปียก ทำให้ละอองกินกบทอดอย่างเอร็ดอร่อย สีหน้าของเธอดูมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง อาหารแบบนี้คิดถึงโลกเดิมที่จากมาสุด ๆ
แก่นคูณกับน้อยนั่งมองละอองตาค้าง ก่อนหน้าละอองไม่เคยกินอาหารพวกนี้มาก่อน ถ้าทำอาหารอย่างหนึ่งเธอจะกินอีกอย่าง มีปลาจะกินไข่ ไม่กินผักตามท้องไร่ท้องนา ไม่กินกบเขียด ไม่กินปลาสดนอกจากปลาตากแห้งและต้องเป็นปลาขาวอย่างเดียว และไม่กินของป่าทุกชนิดนอกจากเห็ดป่าเท่านั้น อีกอย่างเธอไม่กินปลาร้า แต่วันนี้เธอกลับกินทุกอย่างที่เธอไม่เคยกินมาก่อนเลยทั้งหมด
“แม่กินปลาร้าด้วยเหรอครับ” ภาคภูมิถาม
ละอองชะงักมือที่กำลังจะจิ้มข้าวเหนียวลงในถ้วยน้ำจิ้มแจ่วอีกครั้ง พลางนึกขึ้นได้ แต่เธอก็คิดแก้สถานการณ์ได้ทัน “กินแล้วจ้ะ ตอนนี้แม่กินได้ทุกอย่างแล้วนะ” สิ้นคำ ข้าวคำนั้นก็จิ้มลงบนน้ำพริก ส่งเข้าปากและม้วนผักตามอย่างช่ำชอง
น้อยเบะปาก “จะอดตายล่ะสิก็เลยยอมกินทุกอย่าง”
ละอองเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มแหยให้แม่สามีพูด ‘ค่ะ’ คำหนึ่งแล้วกินข้าวต่ออย่างสบายใจ ไม่สนสายตาของสามีและแม่สามีที่มองมาอย่างหมั่นไส้เลยสักนิด ก็เธอหิวนี่นา แถมกับข้าวยังอร่อยถูกปาก ก่อนหน้านี้เธอป่วยมานาน พอกินข้าวได้ก็รู้สึกมีความสุขเหมือนได้ขึ้นสวรรค์เลยทีเดียวละ
ละอองป้อนข้าวลูกกับกบทอดเช่นกัน เมื่อทุกคนกินข้าวอิ่มแล้วเธอจึงเก็บจานชามให้เรียบร้อย อีกทั้งวันนี้ยังล้างถ้วยชามไว้จนสะอาดทุกใบ ไม่ได้แช่ไว้รอล้างตอนเย็นเหมือนทุกครั้ง เสร็จแล้วแก่นคูณจึงเรียกเธอเข้าไปในห้องนอน
พร้อมกับถามเสียงห้วน “เงินอยู่ไหน”
“เงินอะไร” ละอองทำหน้างุนงง
“ก็เงินที่เธอขโมยไปไง ยังมาทำหน้าไม่รู้เรื่องอีก ที่เธอตกใจจนตกบันไดก็เพราะกลัวความผิดไม่ใช่เหรอ” เขาว่าเสียงเครียด “ทั้งเนื้อทั้งตัวฉันมีเงินเก็บอยู่แค่นั้น ไหนต้องซื้อข้าวสารและของใช้ในบ้าน ไหนต้องเก็บไว้เป็นค่ายาให้แม่ อีกอย่างเงินสองร้อยที่จ่ายค่ายาให้เธอเมื่อวานฉันก็ยืมจากแม่มา” แก่นคูณร่ายยาว
ละอองนิ่งคิดสักพัก ถึงได้ร้องอ๋อขึ้นมาแล้วบอกเขาว่า “หลับตาก่อนสิ” เธอลืมไปได้อย่างไรว่าเมื่อวานเจ้าของร่างเดิมตั้งใจกลับมาหาสามีเพราะไปไม่รอด จึงอยากกลับมาขอคืนดีกับเขา แต่พอไม่เห็นใครอยู่บ้าน สันดานเก่าของผีพนันจึงเข้าสิง คิดอยากขโมยเงินสามีขึ้นมา และก็เจอเงินที่เขาซ่อนไว้จริง ๆ แต่บังเอิญสามีที่เพิ่งกลับมาจากหาของป่าเจอเข้าพอดี เธอจึงพลาดท่าตกบันไดเสียก่อน
“ทำไมต้องหลับตา” น้ำเสียงเจือรำคาญเล็กน้อย
“มัน มันอยู่ในที่ลับ”
เขาแค่นเสียงเฮอะออกมาแล้วพูดว่า “ฉันไม่เคยเห็นมั้ง” ถ้านับเวลาที่เธอหนีจากเขาด้วย รวมกันแล้วก็น่าจะห้าหกปีแล้วกระมังที่ทั้งสองใช้ชีวิตร่วมกันมา แล้วจะมาอายอะไรตอนนี้ ลีลาจริง ๆ
“บอกให้หลับก็หลับเถอะน่า” ร่างนี้เคยเปลือยกายต่อหน้าสามีแล้วก็ช่าง แต่เธอยังไม่เคยนี่นา มันก็ต้องอายเป็นธรรมดาไม่ใช่หรือ
แก่นคูณทำหน้าเบื่อหน่ายกับภรรยาจอมเรื่องมาก แต่ก็ยอมหลับตาเพราะความรำคาญ ละอองหันหน้าเข้าฝาผนังบ้านเลิกชายเสื้อขึ้นแล้วล้วงเงินออกจากร่องอกอวบพลางคิดในใจ ดูสิแคนตาลูปลูกใหญ่นวลเนียนขนาดนี้จะให้เขาเห็นได้อย่างไร จะว่าไปแล้วได้เป็นเจ้าของร่างนี้ก็ดีไปอย่าง รูปร่างสะโอดสะอง ทรวดทรงสวยงามไร้ที่ติ ไม่ถือว่าอ้วนหรือผอมเกินไป ที่สำคัญหน้าอกหน้าใจก็มีมากจนล้น ถึงหน้าตาจะงามแบบบ้าน ๆ ก็ถือว่างามพอดิบพอดี และสิ่งที่เธอพอใจมากที่สุดก็คือ ร่างนี้เพิ่งจะอายุยี่สิบห้าปีเท่านั้น
“ลืมตาได้แล้ว” พูดพร้อมกับยื่นเงินหนึ่งพันบาทคืนให้เขา
แก่นคูณตกตะลึงอยู่บ้างที่ภรรยายอมคืนเงินให้โดยง่าย เพราะปกติถ้าเงินไปอยู่ในมือเธอแล้วย่อมไม่เคยได้คืน