ตอนที่ 10 ความเจ็บแสบของความรู้สึก ep.5
“นายหัวคะ ดึกมากแล้วนะคะ ทำไมยังไม่เห็นนายผู้หญิงตามเฉลามาเลยล่ะคะ..”
เฉลาตัดสินใจร้องถามเขาหลังจากที่เดินวนไปวนมาอยู่นาน แต่ก็เห็นเขานิ่งเงียบ
“ภูเขาลูกนั้น กลางคืน..มันน่ากลัวมากไม่ใช่หรือคะนายหัว..”
“มันเป็นเขตของนายหัว จะมีอันตรายอะไรเล่าเฉลา..”
สุกิจหันไปบอกเฉลาเบา ๆ อย่างระมัดระวัง
“ไม่ใช่ว่าจะกลัวใครไปทำร้ายนายผู้หญิง แต่ฉันหมายถึงสัตว์..”
เฉลาหันมามองหน้านายสุกิจชายวัยเกือบสี่สิบปี ที่หันไปมองใบหน้าด้านข้างของผู้เป็นนายนิ่ง
“ภายในวันสองวันนี้อาจจะมีแขกไม่ได้รับเชิญมาที่บ้าน ถาวรจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วใช่ไหม..”
“ครับนายหัว..”
นายถาวรที่เป็นมือขวาของเขาตอบเมื่อก้าวเข้ามาใกล้
“ผมสั่งทุกคนไว้แล้วว่า นายหัวพานายผู้หญิงไปฮันนีมูน ไม่มีกำหนดกลับ และได้สั่งปิดบ้านนั้นอย่างดีหลังจากที่แขกไม่ได้รับเชิญกลับไป..”
“ให้ทุกคนปิดปากด้วย ไม่ว่าใครจะถามถึงฉันหรือใคร และที่สำคัญ..”
เขาหันมามองหน้านายถาวรตรง ๆ
“อย่าให้นายแม่รู้เรื่องนี้..”
“เรื่องที่มีแขกมาหาหรือครับ..”
“ใช่..รวมทั้งเรื่องที่ฉัน มาอยู่ที่นี่ ห้ามแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปไม่ว่ากับใคร และที่สำคัญ อย่าให้ใครพูดถึงเธอ ให้ทำเหมือนเธอคือคนงานใหม่ของที่นี่..”
นายถาวร สุกิจและเฉลารับคำ
“ไปไหนครับนายหัว..”
สุกิจร้องถามเมื่อเห็นเขายืนเงียบอยู่อีกพักใหญ่แล้วก็ทำท่าเหมือนจะออกจากที่พัก
“ไม่ต้องตาม..ฉันจะไปเพียงลำพัง..”
หันมามองหน้านายสุกิจก่อนจะเดินฝ่าความมืดออกไป
“ทำไมนายหัวไม่ให้ตาม..”
สุกิจเอ่ยถามทำให้นายถาวรก้าวมายืนใกล้ ๆ เมื่อมองตามร่างสูงใหญ่ของเขาที่กำลังมุ่งหน้าสู่ภูเขาสูงชันที่รกชัฏ
“คงจะไปหานายผู้หญิง..”
“ทำไมนายหัวเพิ่งไปหาล่ะ ทั้งที่นายผู้หญิงพลัดหลงกับฉันตั้งแต่ตอนสาย..”
“ก็ทำไมเธอไม่หันกลับไปตามหาล่ะ..”
เฉลาก้มหน้านิ่ง
“ฉันกลัวนายหัวจะลงโทษหากฉันมาไม่ทันภายในเวลาที่นายหัวกำหนด แล้วคิดว่า นายผู้หญิงคงจะตามมาทัน..”
“พวกเราเคยชินกับสภาพแถวนี้ แต่นายผู้หญิงคงไม่ใช่..”
“ผู้หญิงที่อ้อนแอ้นอรชรอย่างนั้น จะฝ่าด่านนายหัวไปได้หรือเปล่าก็ไม่รู้..”
“ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมนายหัวต้องเลือกเมียด้วยวิธีการประหลาดแบบนี้ อยากจะหาผู้หญิงที่อดทนหรือสมบุกสมบันเก่งก็น่าจะหาจากที่นี่ ไม่น่าจะไปหาจากกรุงเทพฯ..”
ทั้งสุกิจและถาวรต่างหันมามองหน้าเฉลาที่รีบเดินออกไปจากที่นั่น
เมื่ออากาศเริ่มเย็นลง อีกทั้งลมยังพัดแรงทำให้เกิดเสียงการเสียดสีของกิ่งไม้และใบไม้ ฟังดูผิวเผินก็เพลินดี แต่ในเวลานี้ รักษ์สิยารู้สึกว่าความกลัวมันมีมากกว่าความรู้สึกอื่นใด เธอไม่ได้เกิดความยินดีในธรรมชาติเลยแม้แต่น้อย เพราะมันทั้งหนาว ทั้งหิวและทั้งกลัว
สายตางามพยายามสอดส่ายฝ่าความมืด แม้ว่าเดือนจะหงายพอจะให้เธอเห็นอะไรได้บ้าง แต่นั่นไม่ได้ทำให้ความกลัวของเธอลดน้อยลง ยิ่งทำให้เธอกลัวมากขึ้นเมื่อมองเห็นอะไรบางอย่างตะคุ่ม ๆ ใกล้เข้ามาพร้อมเสียง..กอกแกก ๆ
เธอขยับร่างหลบเข้าหลังต้นไม้ที่อาศัยเอนอิงหลัง สายตางามยังคงจับนิ่งอยู่ที่ความเคลื่อนไหวที่ใกล้เข้ามา ประกอบกับเสียงที่ดังเหมือนฝีเท้าที่เหยียบย่ำไปบนพื้นที่มีใบไม้แห้งอยู่เหนือแผ่นดิน
เมื่อเสียงเริ่มใกล้เข้ามา ทำให้เธอยิ่งกลัวจนต้องขยับร่างหลบลึกเข้าไปพลางโน้มใบหน้าลง แต่ว่า มันเหมือนมีบางอย่างที่กำลังเคลื่อนที่ไต่ขึ้นมาบนร่างของเธอ ช้า ๆ
มันลื่นแล้วเคลื่อนที่ยาวผ่านขา ไต่ขึ้นมาที่เอว เคลื่อนไปที่หลัง มันกำลังจะเลื่อนสูงขึ้นไปที่คอ เพียงแค่นึกว่ามันคืออะไร ความอดทนทั้งหมดก็หยุดลงอย่างฉับพลัน เมื่อรักษ์สิยาขยับตัวลุกพรวด
...กรี๊ดดดดด..
เธอกรีดร้องสุดเสียงพร้อมกับวิ่งออกจากที่หลบซ่อน มุ่งไปด้านหน้าอย่างไม่คิดชีวิต จนลืมนึกถึงไปเลยว่า มีสิ่งมีชีวิตที่เคลื่อนไหวอยู่ด้านหน้าที่ทำให้เธอต้องหวาดกลัวอีกครั้ง
เมื่อร่างบางระหงวิ่งชนเข้ากับสิ่งนั้นอย่างแรงจนร่างบางกระเด็นหงายออกมา ความหวาดกลัวและตกใจจากสิ่งมีชีวิตที่พลาดผ่านลำตัวของเธอค่อย ๆ เลือนหายไป แต่ความเคลื่อนไหวตรงหน้าทำให้เธอจำต้องรนรานถอยหนีทั้งที่ร่างบางแนบซบอยู่กับพื้น
“ไม่ ไม่ ฉันกลัวแล้ว ฉันกลัวแล้ว ช่วยด้วย ช่วยด้วย..”
เธอหลับหูหลับตาร้องด้วยความหวาดกลัว ทันใดนั้นเอง แสงไฟก็ส่องสว่างขึ้น
