๒.๑ ในอ้อมกอดนักรัก
๒
ในอ้อมกอดนักรัก
อพาร์ตเมนต์กึ่งโฮมทาวน์ทั้งชั้นนั้นมีชื่อเจ้าของเป็น... ‘แมทธิว ไครซ์ตัน’ มหาเศรษฐีหนุ่มรูปหล่อชาวสหรัฐอเมริกา เจ้าของกิจการอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่และยังมีโรงงานผลิตอาวุธสงครามในรัสเซียอีกด้วย เขาซื้ออพาร์ตเมนต์แห่งนี้ไว้สำหรับเป็นที่พักของตัวเองและลูกน้องยามที่ต้องเดินทางมาติดต่อธุรกิจและตรวจความเรียบร้อยของโรงงานที่มอสโก
ทีมรักษาความปลอดภัยและหมอแยกไปเข้าห้องพักของตัวเอง ในขณะที่เจ้านายใหญ่เดินนำสาวน้อยเข้าไปยังส่วนที่เป็นอาณาจักรของตัวเองซึ่งเป็นห้องที่ใหญ่ที่สุด ตกแต่งเอาไว้อย่างหรูหรา แบ่งเป็นสัดส่วนเหมือนบ้านขนาดย่อม มีเครื่องอำนวยความสะดวกและสิ่งให้ความบันเทิงครบครัน
“เธอนอนห้องนี้ก็แล้วกัน ถ้าหิวก็ไปหาอะไรกินในครัว หรือจะเรียกแม่บ้านมาทำให้ก็ได้...” แมทธิวพูดขึ้นหลังจากที่เดินไปหยุดหน้าห้องๆ หนึ่ง
“คุณมีกุญแจห้องนี้หรือเปล่า?” ชญาดาถามพลางหรี่ตามองเขาอย่างไม่ไว้ใจ
“ทำไมกลัวฉันจะบุกเข้าไปปล้ำเธอหรือไง ไม่ต้องกลัวหรอก ฉันไม่โง่พอจะเข้าไปนอนกับเด็กกะโปโลแถมนิสัยแย่อย่างเธอ อ้อ...และฉันขอเตือนไว้ก่อนนะ ว่าอย่าคิดจะเรียกร้องเงินเพิ่มด้วยการวางแผนเข้าหาฉันตอนกลางคืน ไม่อย่างนั้นเงินที่เธอจะได้จากการลงทุนวิ่งตัดหน้ารถฉันมันจะสูญเปล่า”
“บ้า! ฉันไม่มีทางทำอะไรบ้าๆ แบบนั้นแน่”
สาวน้อยเกือบจะแผดเสียงใส่ด้วยความเจ็บใจจากวาจาอันแสบสันนั้น
“ก็ดี เพราะฉันขี้เกียจจับเธอโยนลงถังขยะ”
“ผู้ชายปากจัด”
ชญาดาสะบัดหน้าพรืดอย่างเจ็บใจ ก่อนจะรีบผลักประตูเข้าห้องแล้วล็อกอย่างแน่นหนา จึงไม่เห็นว่าดวงตาสีเทอร์ควอยซ์มองตามด้วยประกายตาบางอย่างที่แม้แต่คนมองก็ไม่รู้ตัว
ร่างบางยืนพิงประตูพลางระบายลมหายใจออกมาเพื่อระบายความโกรธที่แมทธิวเป็นผู้จุดชนวนขึ้น เวรกรรมอะไรก็ไม่รู้ถึงต้องได้มาอยู่ร่วมชายคากับผู้ชายนิสัยเสียแบบเศรษฐีจอมเบ่งบ้าตัณหาคนนี้ เธอขอแช่งให้เขากลายเป็นหมันหรือไม่ก็ตายคาอกผู้หญิงทีเถอะ!
เมื่อระงับอารมณ์ได้แล้วสาวน้อยก็คิดจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า จึงพาตัวเองไปเปิดประตูตู้เสื้อผ้าเพื่อเลือกชุดที่จะใส่ แต่แล้วก็ต้องผิดหวังอย่างแรง เมื่อในตู้มีแต่เสื้อผ้าผู้ชายและล้วนแต่ตัวใหญ่ๆ ทั้งนั้น ซึ่งทั้งหมดนั่นคงจะเป็นเสื้อผ้าของเศรษฐีจอมเบ่งนั่นแหละ
ร่างแน่งน้อยหมุนตัวและก้าวออกจากห้อง ในขณะที่แมทธิวกำลังจะเปิดประตูเข้าไปอีกห้องที่อยู่ข้างๆ กัน เขาหันมามองและขมวดคิ้วนิดหนึ่งเมื่อเห็นท่าทางฉุนเฉียวของเธอ
“ทำไมในตู้เสื้อผ้าของคุณมีแต่เสื้อผ้าผู้ชายล่ะ” ชญาดากึ่งถามกึ่งโวยวาย
“ก็ห้องผู้ชายแล้วจะให้มีเสื้อผ้าผู้หญิงได้ยังไง”
“แล้วฉันจะใส่อะไร ถ้าให้ฉันใส่เสื้อผ้าของคุณ ฉันไม่ใส่เด็ดขาด”
“ก็แล้วแต่สิ ถ้าอยากเน่าคาชุดหรืออยากเปลือยกายมันก็เรื่องของเธอ เพราะอีกหลายวันกว่าฉันจะกลับอเมริกา แต่จะให้ลงทุนไปซื้อชุดให้ใหม่ ฉันคงไม่ทำหรอกนะ สิ้นเปลืองเงินเปลืองทองโดยเปล่าประโยชน์”
“ถ้างั้นฉันจะออกไปซื้อเอง”
“ตามใจ... แต่ถ้าอยากถูกตำรวจรัสเซียจับข้อหาลักลอบเข้าเมืองก็ช่วยอะไรไม่ได้นะ” เขาบอกเสียงเนิบนาบแต่แฝงไว้ด้วยการข่มขู่ จากนั้นก็เปิดประตูเข้าห้องอย่างไม่เดือดเนื้อร้อนใจสักนิด
“บ้าชะมัด!”
ชญาดาได้แต่ยืนบ่นกระปอดกระแปดอยู่คนเดียวกับความแล้งน้ำใจของเขา ผู้ชายแบบนี้มีคู่หมั้นได้อย่างไร พอนึกถึงตรงนี้ก็ให้สงสัยขึ้นมาครามครันว่าคู่หมั้นของเขาไปไหน เพราะตั้งแต่ลงจากเครื่องเธอก็ยังไม่เห็นผู้หญิงคนนั้นเลย...แต่ก็ช่างเถอะมันไม่ใช่เรื่องของเธอ ถือซะว่าเป็นความโชคร้ายของผู้หญิงคนนั้นก็แล้วกัน
เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมง ประตูสองห้องถูกเปิดออกมาเกือบจะพร้อมๆ กันราวกับนัดเอาไว้ ร่างสูงอยู่ในชุดสูทเรียบหรูคล้ายกำลังจะออกไปเจรจาธุรกิจหันมามองสาวน้อยคู่กรณี ตอนนี้ชญาดาปล่อยผมให้สยายยาวตามธรรมชาติล้อมกรอบใบหน้ารูปหัวใจเนียน ใสไร้เครื่องสำอาง ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวที่อยู่ในตู้เสื้อผ้าของเขา ความยาวของมันคลุมลงไปถึงต้นขาขาวเนียน แม้เสื้อตัวนั้นจะดูหลวมโคร่งเมื่ออยู่บนร่างเล็กๆ ของเธอ แต่ความเรียบมันของเนื้อผ้าก็ลู่เข้าไปตามหน้าอกอวบอิ่มซึ่งปราศจากสิ่งห่อหุ้มจนเห็นเป็นรูปทรงกลมกลึง ดวงตาสีเทอร์ควอยซ์กวาดมองต่ำไปท่อนล่างอย่างเป็นอัตโนมัติ โดยลุ้นระทึกว่าภายใต้เสื้อเชิ้ตมันจะปลอดอาภรณ์เช่นเดียวกับท่อนบนหรือไม่ ทว่าเขากลับแอบผิดหวังอยู่ลึกๆ เมื่อพบว่าข้างในนั้นมีบอกเซอร์ปกปิดอยู่อีกชั้น
ภาพนั้นแทนที่จะตลกแต่...
พรึบ! ปฏิกิริยาของสิ่งที่อยู่กลางกายดีดตัวตอบสนองภาพเร้าอารมณ์นั้นอย่างว่องไวจนน่าหงุดหงิด ราวกับว่าเขาร้างราจากเรื่องอย่างว่าสักสิบปี ทั้งๆ ที่คืนก่อนมารัสเซียก็เพิ่งกินอย่างอิ่มหนำสำราญมาแท้ๆ
ก็แค่ผู้หญิงใส่เสื้อตัวใหญ่ๆ และใส่บอกเซอร์ผู้ชายก็เท่านั้น แมทธิวบังคับสั่งสมองให้คิดเช่นนั้น ทว่าก็ยังไม่อาจถอนสายตาจากร่างเล็กที่ยืนถือเสื้อผ้าชุดเก่าอยู่ในมือได้
“คุณจะไปไหน”
เสียงใสๆ ที่ดังขึ้นทำให้พ่อค้าความตายได้สติ รีบขยับเสื้อสูทที่อยู่ในมือมาปิดบังตำแหน่งความเป็นชายของตัวเองทันที
“ถามทำไม” เขาไม่ตอบแต่ย้อนถามเสียงห้วน เพื่อกลบเกลื่อนปฏิกิริยาทางร่างกายของตัวเอง นั่นทำให้ชญาดาต้องเชิดหน้าขึ้นอย่าง เคืองๆ
“ไม่ได้อยากรู้หรือคิดจะยุ่งเรื่องของคุณหรอกนะ เพียงแต่จะถามว่าฉันอยากซักผ้าต้องไปซักที่ไหน”
“เดี๋ยวจะบอกแม่บ้านมาเอาไปซักให้”
ชญาดาเพียงแต่พยักหน้า และไม่ได้เอ่ยขอบคุณเขาแต่อย่างใด ไม่ใช่ว่าลืม...แต่ตั้งใจที่จะไม่พูด เพราะเขาเป็นต้นเหตุที่ทำให้เธอ ต้องมาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ มันจึงต้องเป็นหน้าที่ของเขาที่ต้องรับผิดชอบเรื่องเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ด้วย แต่มันดูผิดปกติไปหรือเปล่าที่เขาบอกว่าจะให้แม่บ้านมาเอาเสื้อผ้าของเธอไปซักด้วยท่าทางที่เป็นปกติ โดยไม่ได้พูดจาเหน็บแนมหรือยอกย้อนให้เธอเจ็บใจเหมือนเช่นทุกครั้ง หรือว่ามันมีอะไรแอบแฝงอยู่
“คุณมาทำอะไรที่นี่?” สาวน้อยถามในสิ่งที่ตัวเองกำลังแคลงใจทันที
“ไหนเมื่อกี้นี้บอกว่าไม่อยากรู้”
“ก็ไม่ได้อยากรู้ว่าคุณจะไปไหน แค่อยากรู้ว่าคุณมาทำอะไรที่นี่ เผื่อคุณมาทำอะไรไม่ดี ฉันไม่พลอยซวยไปด้วยเหรอ”
“เพื่อความสบายใจของเธอ ฉันชื่อแมทธิว ไครซ์ตัน มีโรงงานผลิตอาวุธสงครามอยู่ที่นี่ และที่มารัสเซียก็เพื่อเจรจาธุรกิจ เธอมีอะไรสงสัยอีกหรือเปล่า”
คำตอบของเขาทำให้เธอค่อนข้างคลายใจ อย่างน้อยเขาก็เป็นนักธุรกิจใหญ่ แม้ธุรกิจของเขาจะดูไม่ค่อยถูกต้องตามศีลธรรมสักเท่าไหร่ แต่เขาก็คงไม่กล้าทำอะไรไม่ดีในแผ่นดินรัสเซียกระมัง
“ไม่มี” เธอตอบห้วนๆ
“เป็นเด็กเป็นเล็กหัดพูดจานุ่มนวลกับผู้ใหญ่ได้ไหม พูดจากระโชกโฮกฮากแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน” เขาตำหนิตรงๆ เมื่อเสียงหวานใสนั้นห้วนจัดจนรู้สึกขัดใจ นึกอยากลองฟังน้ำเสียงนุ่มนวลของเธอขึ้นมาเอาดื้อๆ นี่เขาเกิดบ้าอะไรขึ้นมาอีกวะ!
“คุณนี่เหรอผู้ใหญ่?” ชญาดาย้อนเสียงสูงขณะมองหน้าคนที่บอกว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่อย่างยียวน
“ก็ใช่น่ะสิ ฉันแก่กว่าเธออย่างน้อยก็เป็นรอบ”
“ฉันขอยืนยันว่าคุณไม่ใช่ผู้ใหญ่ในสายตาฉัน เพราะถึงคุณจะแก่แล้ว แต่ก็เป็นพวกผู้ชายแก่บ้าตัณหาและยังชอบยุ่งกับเมียชาวบ้านด้วย แถมอาชีพของคุณที่ฉันเพิ่งได้รู้ ทำให้ฉันมั่นใจยิ่งขึ้นว่าคุณน่ะเลวครบเครื่อง”
อารมณ์ที่ถูกกวนจนเคืองขุ่นทำให้สาวน้อยหลุดปากพูดในสิ่งที่ตัวเองคิดทันที พร้อมกันนั้นก็รู้สึกไม่ชอบขี้หน้าเขามากกว่าเดิม เมื่อความทรงจำครั้งเก่าย้อนเข้ามาในสมอง ครั้งแรกที่ได้พบกัน...เธอเห็นเขาควงรดาดาวซึ่งเป็นภรรยาของเอเดน ครั้งที่สองเขาก็ควงเมียชาวบ้านทั้งที่ผู้หญิงยังเป็นแม่ลูกอ่อน จนมีเรื่องชกต่อยกับสามีของผู้หญิงคนนั้นถึงขนาดเลือดตกยางออก แถมอาชีพพ่อค้าความตายของเขา มันก็เป็นอาชีพของคนบาปชัดๆ
“ยัยเด็กปากจัด!”
แมทธิวหน้าแดงก่ำด้วยความโมโห ก้าวพรวดไปหาเด็กปากจัด แต่สาวน้อยซึ่งตั้งรับอยู่แล้วไวกว่า รีบผลักประตูห้องเข้าไปหลบอยู่ข้างในแบบทันท่วงที แล้วจัดการล็อกอย่างแน่นหนา
“เปิดเดี๋ยวนี้นะยัยเด็กแสบ!” มือใหญ่เคาะประตูปังๆ พลางเรียก
“ไม่! เรื่องอะไรจะเปิดให้คุณเข้ามาหักคอฉันล่ะ!” เธอตะโกนตอบออกมา
“ฝากไว้ก่อนเถอะแม่ตัวแสบ ฉันเอาคืนเธอแน่”
พ่อค้าความตายได้แต่คาดโทษและกลอกตาอย่างหัวเสีย หากจะพังประตูเข้าไปจัดการสั่งสอนเด็กปากจัดนั่นก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลาเล่นเจ้าล่อเอาเถิดกับเจ้าหล่อน เพราะใกล้เวลานัดกับบุคคลสำคัญที่จะเจรจาธุรกิจกันแล้ว