๑.๒ แมทธิว ไครซ์ตัน นักรักเลือดร้อน
“แล้วทำไมฉันถึงจะมีงานทำไม่ได้ หรือว่าตอนนั้นที่ไม่มีใครรับฉันเข้าทำงานเลยก็เพราะคุณใช้อิทธิพลกลั่นแกล้งฉัน” ชญาดาย้อนถาม ดวงตาเรียวสีน้ำตาลวาววับขึ้นอย่างเอาเรื่องเช่นกัน
“ใช่…แต่นั่นมันยังน้อยไปหากจะเทียบสิ่งที่เธอบังอาจทำกับฉัน” แมทธิวทำเสียงกรรโชกใส่คืน
“ก็สมควรแล้วกับความปากเสียและบ้าตัณหาของคุณ” สาวน้อยตอบโต้ไม่ลดละ
“สงสัยเธอจะยังไม่รู้จักฉันดีสินะแม่หนูน้อย เอาเป็นว่าคราวนี้เธอจะได้รู้ซึ้งว่าแมทธิว ไครซ์ตัน คือผู้ชายที่เธอไม่ควรแม้แต่คิดจะต่อกรด้วย”
“คุณเป็นใครฉันไม่อยากรู้จัก รู้แต่ว่าหน้าคุณไม่เหมือนหน้าบุพการีของฉันสักคน เพราะฉะนั้นฉันไม่กลัวคุณหรอก”
“จำคำของเธอไว้ให้ดี แล้วอย่ามาคุกเข่าขอความปรานีจากฉันก็แล้วกัน”
“ไม่มีทาง” ใบหน้าเรียวเชิดขึ้นอย่างหยิ่งๆ ถึงเธอจะเป็นหนูหริ่งตัวน้อย แต่ก็อย่าหวังว่าจะยอมให้ราชสีห์ขี้เต๊ะมาข่มเหงเอาง่ายๆ
“ถ้าฉันไม่รีบ อย่าหวังเลยว่าเธอจะได้ลอยหน้าลอยตาต่อปากต่อคำกับฉันแบบนี้”
แมทธิวได้แต่ขบกรามแน่นเพื่อระงับอารมณ์ขณะเหยียบคันเร่งจนเกือบมิด และไปถึงสนามบินได้ทันเวลาที่เครื่องจะขึ้นอย่างฉิวเฉียด
บรรดาลูกน้องซึ่งรออยู่ที่เครื่องพากันแปลกใจไปตามๆ กัน เมื่อเห็นเจ้านายอุ้มสาวน้อยที่เนื้อตัวมอมแมมขึ้นมาในห้องผู้โดยสาร โดยที่สาวน้อยคนนั้นทั้งดิ้นรนขัดขืนและทุบตีเจ้านายของพวกเขาตลอด เวลา ทว่าก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากถาม ต่างก็ได้แต่คอยอำนวยความสะดวก และรอปฏิบัติตามคำสั่งจากผู้เป็นเจ้านายเท่านั้น
“แดริลบอกกัปตันให้เอาเครื่องขึ้น... แล้วไปเรียกหมอโยฮันมาหาฉันที่ห้องนี้ด้วย”
“ได้ครับเจ้านาย”
บอดี้การ์ดคนสนิทรับคำสั่ง แล้วรีบก้าวออกไปยังส่วนระหว่างห้องผู้โดยสารทั่วไปที่ถูกแยกออกจากส่วนห้องวีไอพีซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัวของเจ้านาย ไม่ถึงนาทีหมอโยฮันก็เข้ามาในห้องพร้อมกับกระเป๋าอุปกรณ์การแพทย์ เพราะแดริลบอกเอาไว้ล่วงหน้าแล้วว่าเจ้านายอาจจะมีคนไข้ให้หมอตรวจ
“เจ้านายมีอะไรหรือเปล่าครับ” โยฮันถามตามมารยาททั้งที่มองเห็นคนไข้ที่ตัวเองต้องตรวจอยู่ในห้องกับเจ้านายแล้ว
“ผมอยากให้หมอช่วยตรวจแม่เด็กสิบแปดมงกุฎนี่หน่อย พอดีเด็กนี่วิ่งมาตัดหน้ารถผม อยากรู้ว่ามีอะไรบุบสลายบ้าง จะได้ประเมินค่าเสียหายได้ถูก หรือถ้าไม่มีเลย ผมจะได้แจ้งตำรวจลากคอเข้าคุกข้อหากรรโชกทรัพย์ซะให้เข็ด... ฮึ!” แมทธิวสั่งคนของตัวเอง โดยประโยคหลังตั้งใจขู่สาวน้อยที่นั่งหน้าบึ้งอยู่บนเบาะหนังให้กลัว แต่ชญาดากลับตวัดตามามองขวางๆ
“นี่คุณจะพาฉันไปไหน” ชญาดาไม่ได้นึกกลัวคำขู่ของเขาแม้แต่น้อย แต่นึกหวาดหวั่นต่อการมาอยู่ในอาณัติของผู้ชายที่ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษตรงหน้ามากกว่า
“เธอไม่มีหน้าที่ถาม หน้าที่ของเธอคือนั่งนิ่งๆ ให้หมอตรวจเท่านั้น” แมทธิวตอบมาเสียงห้วนๆ
“แต่สิ่งที่คุณกำลังทำ มันคือการลักพาตัวฉันนะ”
“ฉันจะทำยิ่งกว่าลักพาตัว ถ้าขืนเธอยังไม่หุบปาก”
สีหน้าและท่าทางที่เข้มดุนั้นบ่งบอกว่าผู้ชายนิสัยเสียคนนี้ทำจริงแน่ ชญาดาจำต้องเงียบก่อน แต่อย่าหวังเลยว่าคนอย่างชญาดาจะยอมเงียบแล้วล่าถอยไปเฉยๆ ถ้ามีโอกาสเมื่อไหร่เธอเอาคืนแน่
เมื่อเห็นว่าคนไข้ของเจ้านายอยู่ในอาการสงบแล้ว หมอโยฮันจึงเข้าไปตรวจและสอบถามอาการอย่างละเอียด หลังจากตรวจเสร็จเขาก็รายงานผลตรวจให้กับเจ้านายได้รับรู้ โดยผลปรากฏว่าชญาดามีบาดแผลถลอกที่ฝ่ามือ หัวเข่า และข้อเท้าเคล็ดเล็กน้อย
“กำชับมิสให้กินยาและทายาตามที่หมอจัดให้นะครับ สักสองวันก็น่าจะดีขึ้น” หมอโยฮันบอกเจ้านายอีกครั้งหลังจากที่จัดการล้างแผลและจัดยากินยาทาให้กับชญาดาเรียบร้อยแล้ว
“ขอบใจมากหมอ...เท่านั้นล่ะ ที่เหลือเดี๋ยวผมจะจัดการต่อเอง”
“ครับ”
หมอโยฮันโค้งศีรษะก่อนจะก้าวออกจากห้องวีไอพีของเจ้านาย ไปทันที
คล้อยหลังหมอโยฮัน...พ่อค้าความตายซึ่งตอนนี้กลายร่างเป็น จอมเผด็จการก็สืบเท้าเข้าไปหาสาวน้อยวัยยี่สิบเอ็ดผู้เป็นคู่กรณี โดยที่ชญาดาแหงนหน้ามองตอบคนที่กำลังทำท่าคุกคามตนอย่างตั้งป้อมสู้ และไม่คิดจะขยับหลบหนีแต่อย่างใด ทว่าแมทธิวกลับไม่ได้ทำอะไรมากกว่าการจ้องหน้า
“เธอชื่ออะไร” ชายหนุ่มตะคอกถามเสียงห้วนๆ เช่นเดิม
“ชญาดา...” สาวน้อยตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงโทนเดียวกัน
“ชื่อเล่น?”
“พริ้ม...”
“เอาล่ะพรีม”
“ฉันชื่อพริ้ม ไม่ได้ชื่อพรีม กรุณาเรียกให้ถูกด้วย” ชญาดาแทรกขึ้นทันทีที่เขาเรียกชื่อเล่นของเธอไม่ถูก
“ฉันพอใจจะเรียกอย่างนี้ มีอะไรมั้ย ถ้าไม่อยากถูกปิดปากด้วยปากของฉันก็อย่าอวดดีและพูดแทรกตอนที่ฉันยังพูดไม่จบอีก” เขาขู่เสียงห้วนเข้ม
“คนกักขฬะ เอะอะๆ ก็เอาแต่ขู่ๆ กลัวตายล่ะ”
แม้คำขู่ของเขาจะชวนให้หน้าแดง แต่ชญาดาก็เก็บอาการไว้มิดชิดและเชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งๆ เธอไม่มีทางเคลิ้มหรือหลงเสน่ห์ผู้ชายแบบนี้แน่ ถึงแม้เขาจะดูหล่อและเซ็กซี่มากก็เถอะ
“ดูท่าก็คงอยากถูกฉันจูบเหมือนกันนี่ ไม่อย่างนั้นคงไม่หน้าแดงแจ๋แบบนั้นหรอก แต่บอกไว้ก่อนนะ รสนิยมของฉันห่างไกลจากทุกอย่างที่เป็นเธอโดยสิ้นเชิง เด็กนรกแบบเธอน่ะ ฉันไม่คิดแม้แต่จะชายตาแล”
ชญาดาเจ็บจี๊ดจนเกือบจุกกับวาจาร้ายกาจที่หลุดออกมาจากปากของผู้ชายตรงหน้า แม้จะไม่แปลกใจนักที่ได้ยินเช่นนั้น แต่ก็อดหน้าชาไม่ได้ เขาชักจะหลงตัวเองมากไปแล้ว คนอย่างชญาดาไม่มีทางคิดอะไรงี่เง่าแบบที่เขากำลังกล่าวหาแน่นอน อีกอย่างเธอก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีเหลือเกิน ที่เขาไม่คิดว่าเธอเป็นผู้หญิงในสเป็ก ไม่อย่างนั้นเธอจะไปทำบุญล้างซวยสักสิบวัด
“ว่างๆ ก็ให้หมอของคุณมาตรวจสมองบ้างก็ดีนะ เพราะตอนนี้ท่าทางโรคหลงตัวเองของคุณคงกำลังกำเริบอย่างหนัก” แมทธิวแสยะยิ้มหยันๆ ก่อนจะยอกย้อนอย่างเจ็บแสบพอกัน
“ปากจัดๆ แบบนี้สินะถึงได้ไม่มีใครเอา ขนาดต้องลงทุนให้ท่าผู้ชายในระหว่างทำงานก็ไม่เว้น”
“ถึงจะไม่มีใครเอา ฉันก็ไม่คิดจะเอากับคุณหรอก อีกอย่างฉันก็ไม่เคยให้ท่าผู้ชายคนไหนทั้งนั้น ถ้าไม่อยากเจอดีก็หยุดกล่าวหาฉันเดี๋ยวนี้ไอ้คนแก่บ้าตัณหา!” สาวน้อยขู่ฟ่อเพราะถูกยั่วจนโกรธ
“เอาตัวเองให้รอดก่อนดีไหมหนูน้อย ส่วนคำว่าบ้าตัณหาฉัน ขอรับไว้ด้วยความเต็มใจก็แล้วกัน แล้วฉันจะแสดงให้เธอดูว่าตัณหาของฉันน่ะมันเร้าใจขนาดไหน”
“อะ...ไอ้...”
ชญาดากำลังจะตอบโต้ไปแสบๆ คันๆ ให้สาสม แต่แมทธิวตะคอกขึ้นเสียก่อน
“หุบปากนะ ฉันขี้เกียจจะต่อล้อต่อเถียงกับเด็กปากยังไม่สิ้น กลิ่นน้ำนมอย่างเธอเต็มทน” ปากบอกว่าขี้เกียจ แต่กลับต่อปากต่อคำกับเธอได้นานสองนาน
“ฉันก็เหม็นหน้าคุณจะแย่แล้วเหมือนกัน” จมูกโด่งรั้นย่นเข้าหากันอย่างโมโหและรำคาญไม่ต่างจากเขานักหรอก