2
Chapter 2
วันหนึ่งทั้งการะบุหนิงและเขมินทร์ก็มีเพื่อนบ้านใหม่ที่ย้ายเข้ามาอยู่บ้านหลังติดกัน ครอบครัวของวิสูทกับจันทร์กนกมีลูกสาวหนึ่งคนคือบุษรา ทำให้การะบุหนิงมีเพื่อนเล่นเพิ่มมาอีกหนึ่งคนที่อายุไล่เลี่ยกัน
เด็กหญิงบุษราย้ายเข้ามาเรียนโรงเรียนเดียวกับการะบุหนิง แต่เธอมีนิสัยขี้อิจฉา ชอบยุแยงให้เพื่อนๆ ทะเลาะกัน แถมยังชอบแกล้งการะบุหนิงอยู่บ่อยครั้ง เสียงร้องไห้ของการะบุหนิงทำให้เขมินทร์รีบเข้าไปดูเหตุการณ์ จึงได้เห็นว่าบุษรากำลังเอาตุ๊กตาของการะบุหนิงไปทึ้งเล่นจนขาดกระจุย
“ทำอะไรน่ะ” เขมินทร์ถามเสียงเข้ม เขาไม่ใคร่จะชอบนิสัยของบุษรานัก
“บุษเค้าเอาตุ๊กตาของดอกแก้วไปหักแขนหักขาหมดเลยค่ะ”
“ทำแบบนี้ได้ยังไงบุษ” เขมินทร์ดุเด็กหญิงที่ยืนหน้าบึ้งอยู่ตรงหน้า
“ก็ดอกแก้วงก ไม่ยอมให้บุษ ขอกันแค่นี้ก็ไม่ได้”
“มันของดอกแก้วนะคะ ดอกแก้วให้เล่นได้ แต่ให้เลยไม่ได้ ตุ๊กตาตัวนี้พี่เขมซื้อให้ดอกแก้วนะ” ดอกแก้วฟ้องบ้าง แต่ไปหลบด้านหลังเขมินทร์เนื่องจากกลัวบุษราจะหยิกเข้าอีก
“ตัวเองมีของเล่นเยอะแยะ แบ่งให้คนอื่นเล่นบ้างก็ไม่ได้”
“ของอย่างอื่นเค้าก็ให้ตัวเองนะ แต่ตุ๊กตาตัวนี้ของพี่เขมซื้อให้เค้า”ดอกแก้วตอบไปร้องไห้สะอึกสะอื้นไปอย่างแสนเสียดาย
“บุษรา เธอนี่ใจร้ายจริงๆ ถึงกับทำลายข้าวของของคนอื่นเลยหรือไง” บุษราโดนดุก็แหกปากร้องเสียงดัง แต่เพราะจริงๆ แล้วเห็นผู้ใหญ่กำลังเดินมาทางนี้นั่นเอง เด็กหญิงวิ่งไปกอดมารดา
“บุษเป็นอะไรลูก ใครรังแก”
“พี่เขมตีหนูค่ะ แถมดอกแก้วก็ไม่ยอมให้เล่นของเล่น พอบุษเล่นก็เอาตุ๊กตาไปหักแขนหักขาจนหมด เพราะไม่อยากให้บุษได้เล่นของเล่น”
“นี่เธอ!!!” เขมินทร์ถึงกับควันออกหู อยากจะเข้าไปตีเด็กเลี้ยงแกะให้น่วมนัก
“แบ่งให้น้องเล่นบ้างสิดอกแก้ว อย่าขี้เหนียวนักสิลูก” เกดแก้วบอกบุตรสาว แต่ขมวดคิ้วเมื่อเห็นการะบุหนิงร้องไห้กอดขาเขมินทร์แน่น
“ลูกก็เหมือนกันเขม เราเป็นผู้ชายไม่ดุหรือรังแกน้องผู้หญิงนะคะ” อินทิราเตือนบุตรชาย
“มันไม่ใช่แบบนั้นนะครับคุณแม่ คุณป้า”
“เรื่องของเด็กๆ ทะเลาะกันธรรมดา ลิ้นกับฟันค่ะ ดิฉันไม่ถือโทษโกรธหรอกนะคะ เอาเป็นว่าเลิกแล้วกันไปนะคะ” จันทร์กนกรีบปราม เพราะรู้นิสัยของบุตรสาวดีว่าไม่ยอมให้ใครรังแกแน่นอน
“แหม... ฝีมือทำอาหารของพี่เกดนี่อร่อยจริงๆ เลยนะคะ”
จันทร์กนกกับสามีรับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ทำให้ผู้ใหญ่คนอื่นๆ มองหน้ากันเมื่อเห็นกิริยาบนโต๊ะอาหารของเพื่อนบ้านคนใหม่
ยิ่งเขมินทร์นั้นยิ่งไม่ชอบเพื่อนบ้านใหม่ครอบครัวนี้เลย เขาคิดว่าหลังจากรับประทานอาหารกันเสร็จ คงต้องคุยกับมารดาและป้าเกดแก้วให้รู้เรื่องกันไป เขาไม่ชอบคนหน้าไหว้หลังหลอก ละโมบอยากได้ของคนอื่นแบบนี้
“อร่อยก็ทานเยอะๆ นะคะ” เกดแก้วพูดอย่างใจดี
“งั้นไม่เกรงใจแล้วนะคะ” จันทร์กนกพูดแล้วตักอาหารทานอย่างเอร็ดอร่อย คนอื่นๆ ได้แต่มองหน้ากันอย่างเกรงใจเมื่อเห็นแขกตักโน่นตักนี่อย่างไม่ค่อยมีมารยาทนัก ยิ่งเจ้าของบ้านรู้สึกอายยิ่งกว่าแขกเสียอีก แต่เพราะต้องรักษามารยาทที่ดีเอาไว้ จึงไม่ได้พูดอะไรออกมา
“แหม... ทอดมันปลากรายกับเกี๊ยวยังเหลืออยู่เลยนะคะ จันทร์เสียดายจังเลยค่ะ เสียดายที่อิ่มแล้ว” จันทร์กนกมองอาหารจานโปรดบนโต๊ะตาเป็นมัน
“ถ้าชอบห่อกลับไปกินที่บ้านก็ได้นะคะ” เกดแก้วบอกตามประสาคนมีน้ำใจและเอื้อเฟื้ออยู่เสมอ
“จริงเหรอคะ งั้นพี่ไม่เกรงใจแล้วนะคะ” จันทร์กนกรีบคว้าจานอาหารมาตรงหน้า ก่อนจะเรียกให้สาวใช้ของบ้านเกดแก้วนำถุงมาใส่ห่อกลับบ้าน ส่วนสามีก็แล้วแต่ภรรยา เพราะปกติวิสูทไม่ค่อยมีปากเสียงอยู่แล้ว ภรรยาว่าอย่างไรก็ว่ากันตามนั้น
“ขอบคุณมากๆ นะคะสำหรับอาหารเย็น อร่อยมากๆ เลยค่ะ วันหน้าวันหลังคงต้องขอมารบกวนอีกนะคะ” จันทร์กนกพูดแล้วยิ้มแป้น ในมือถือกับข้าวเต็มทั้งสองมือเพื่อนำกลับไปทานต่อที่บ้าน
“ยินดีค่ะ” เกดแก้วพูดตามมารยาทเจ้าของบ้านที่ดี แม้จะอ่อนใจกับกิริยามารยาทและความละโมบของเพื่อนบ้านคนใหม่ก็ตามที
“แหม... ใจดี นิสัยดี นั่นน่ะสิคะถึงได้ร่ำรวยแบบนี้” จันทร์กนกมองบ้านหลังใหญ่ของเกดแก้วแล้วนึกอิจฉา ส่วนบ้านของอินทิรานั้น เธอคงต้องขอไปเป็นแขกของบ้านในอนาคตอย่างแน่นอน เธอกับสามีน่ะเผอิญถูกลอตเตอรี่ถึงได้มีปัญญามาซื้อบ้านมือสองต่อจากเจ้าของบ้านคนเก่าที่นี่ เลยย้ายมาอยู่ละแวกนี้ สามีของเธอทำงานบริษัทเล็กๆ เงินเดือนเล็กน้อย เธอเองเมื่อซื้อบ้านได้แล้วก็ต้องประหยัดทุกอย่าง เพื่อให้ชีวิตอยู่รอด ให้ใครๆ มองว่ามีเงินมีทองซื้อบ้านหลังนี้ได้
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ” เกดแก้วถ่อมตัว ไม่ได้ชอบอวดร่ำอวดรวย
“วันหลังคงต้องไปเยี่ยมคุณอินด้วยนะคะ ถึงยังไงบ้านเราก็อยู่ใกล้กัน” จันทร์กนกหันไปพูดกับอินทิรา
“อ้อ... ค่ะ” อินทิราสะดุ้ง แต่ฝืนรับคำ จนสามคนพ่อแม่ลูกเข้าบ้านไปแล้ว เธอจึงเดินเข้าบ้านของเพื่อนรักไปอีกหน
“คุณจันทร์แกดูแปลกๆ นะเกด เธอว่าไหม” อินทิราพูดกับเกดแก้วเมื่อกลับมานั่งที่ห้องนั่งเล่นกับสามีและลูกๆ อีกครั้ง
“ไม่นี่จ๊ะ เขาก็ดูอัธยาศัยดี”
“ที่ไหนกันล่ะครับ คนบ้านนั้นหน้าไหว้หลังหลอกครับคุณป้า” เขมินทร์ที่ให้น้องนั่งตักและเล่นเกมกันอยู่พูดขึ้นมาบ้าง
“เขม... ไม่เอาลูก ไปว่าผู้ใหญ่อย่างนั้นได้ยังไงกัน” คุณเขมชาติปรามลูกชาย
“มันจริงนี่ครับ”
“ฉันก็ว่าจริง คุณไม่ดูสายตารึ อยากได้ของคนอื่นไปเสียหมด” อินทิราเห็นตามลูกชาย
“ผมคิดแบบนั้น มารยาทบนโต๊ะอาหารนี่ไม่มีเลย ผมแทบกินข้าวไม่ลง ตะกละนี่ก็ที่หนึ่ง” กรกฎวิจารณ์ตรงๆ
“คุณพูดเกินไป เค้าอาจจะหิวก็ได้” เกดแก้วปรามสามี
“คุณน่ะใจดีเกินไปแล้ว นี่ถ้าไม่ปรามเอาไว้ก่อน คงจะยกกับข้าวไปหมดบ้าน คนใช้บ้านเราจะเอาอะไรกิน” กรกฎดุภรรยา
“จริงด้วยค่ะพี่กฎ อินเห็นแล้วขนลุก นี่ขนาดไม่ได้ชวนนะคะ แต่จะอาสาไปเยี่ยมบ้านอีก มาเยี่ยมแต่ไม่มีอะไรติดไม้ติดมือมาเลย มาเอาของคนอื่นอย่างเดียว ไม่ใช่ว่าอินอยากได้อะไรจากเขาหรอกนะคะ แต่มันเป็นน้ำใจค่ะ แล้วเขาก็แสดงออกด้วยว่าเขาขี้เหนียวมากๆ ด้วยค่ะ” อินทิราเห็นตามกรกฎ สามีของเกดแก้วเพื่อนรัก
“เขาจะเอาก็ให้เขาเอาไปเถอะคุณ ถือว่าทำบุญทำทาน เขาอาจจะมีปัญหาเรื่องเงินก็ได้” เขมชาติพูดขึ้น
“ผมว่าไม่ใช่หรอกครับคุณพ่อ เขามีปัญญาซื้อบ้านหลังใหญ่ต่อจากลุงประณตคงไม่ใช่คนยากจนหรอกครับ แต่ขี้เหนียวมากกว่า”
“เขมดูอคติกับพวกเค้าจังเลยนะ” เขมชาติเลิกคิ้วมองลูกชาย
“ยายเด็กบุษรานั่นรังแกน้องครับ ดอกแก้วให้ของเล่นไปตั้งเยอะ แต่อยากได้ตุ๊กตาที่ผมซื้อให้น้องอีก พอน้องบอกให้ยืมเล่นได้ แต่ให้เหมือนของเล่นชิ้นอื่นๆ ไม่ได้นะ โมโหเอาตุ๊กตาไปหักแขนหักขา จิกทึ้งจนพังหมด น้องร้องไห้ ผมเลยเข้าไปปลอบ พอคุณพ่อคุณแม่ คุณลุงคุณป้ามา กลายเป็นเด็กเลี้ยงแกะ ฟ้องว่าโดนรังแก” เขมินทร์กอดคู่หมั้นตัวน้อยบนตักแล้วลูบผมสลวยไปมาอย่างห่วงใยสุดหัวใจ
“ตายแล้ว” อินทิรายกมือขึ้นทาบอก
“ผมอยากจะตีให้ก้นลายเลยครับคุณแม่”
“ไม่ใช่เรารักน้องจนเข้าข้างหรอกนะตาเขม” เกดแก้วรู้ดีว่าคู่หมั้นของบุตรสาวห่วงใยบุตรสาวของตนขนาดไหน เรียกว่าทั้งรักทั้งห่วง ใครมารังแกไม่ได้เลย
“ผมไม่เคยพูดจาโกหกทุกคนก็รู้ ผมไม่ใช่คนพูดเล่นใส่ร้ายคนอื่นด้วย ยายเด็กบุษรานั่นโกหกเป็นไฟครับ นี่น้องแอบร้องไห้จนผมต้องไปปลอบ สัญญาว่าจะซื้อตุ๊กตาตัวใหม่ให้” ทุกคนหันไปมองเด็กหญิงตัวน้อยน่ารักบนตักของเขมินทร์แล้วนึกเอ็นดู