บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 ร่างใหม่วิญญาณเดิม (2)

“ขอให้ซินดี้อโหสิกรรมให้กับฉันด้วยนะ” เซลีนรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก เพราะเธอเข้าใจดี ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ก็เหมือนกับว่าเธอมาแย่งชีวิตของซินดี้ไป

สายลมที่พัดผ่านร่างของซินดี้ที่เซลีนได้อาศัยอยู่ ทั้งที่อยู่ในห้องปิดมิดชิดแบบนี้

“ขอบคุณ” มีเสียงแผ่วเบาดังขึ้นมาข้างหูของเซลีน ทำเอาเซลีนขนลุกไปชั่วขณะหนึ่ง

ก่อนที่เธอจะได้ทำอะไรต่อไป เธอก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น เธอจึงหันไปมองที่ประตู ภาพตรงหน้าที่ปรากฏคือหญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง อายุเกือบ 50 -60 ปี ท่าทางใจดี สุภาพ แต่งกายด้วยชุดสูทอย่างเป็นทางการสีกรมท่า เธอคนนั้นเปิดประตูแล้วเดินเข้ามาพร้อมกับหอบเอกสารมากองใหญ่ เธอเดินมายืนอยู่ที่หน้าเตียงนอนที่เซลีนนั่งพิงหัวเตียงนอนอยู่ พร้อมกับกล่าวแนะนำตัวขึ้น

“สวัสดีค่ะคุณมิลเลอร์ ฉันชื่อเมลิสา วิลสัน เป็นเจ้าหน้าที่ women aid ฉันเป็นผู้รับผิดชอบเคสของคุณค่ะ” หญิงวัยกลางคนกล่าวขึ้นพร้อมกับยื่นมือขวาออกมา

“สวัสดีค่ะคุณวิลสัน เรียกฉันว่าเซลีนก็ได้ค่ะ คือน่าจะสะดวกกับทางคุณในการเรียกมากกว่านะคะ” เซลีนบอกออกไป พร้อมกับยื่นมือขวาออกไปจับมือของเจ้าหน้าที่วิลสันอย่างมีมารยาท

“ได้ค่ะ ขออนุญาตนั่งเก้าอี้นะคะ น่าจะต้องคุยกันนาน ไม่ทราบว่าสะดวกคุยไหมคะ” เจ้าหน้าที่วิลสันตอบรับคำของเซลีนพร้อมกับขออนุญาต นั่งลงเก้าอี้ข้างเตียงนอน

“เชิญค่ะ ฉันสะดวกคุยค่ะ” เซลีนเอ่ยแล้วก็เพิ่งนึกได้

“เอ๊ะ ใช่แล้ว อลิสล่ะคะ อลิสลูกสาวของฉัน เธอตกบันได เธอเป็นอย่างไรบ้าง เธออยู่ที่ไหน ฉันขอเจออลิสได้ไหมคะ” เซลีนที่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่า อลิสลูกสาวของซินดี้ก็ตกลงมาจากบันไดเช่นกันกับเธอ

เธอยังไม่รู้ว่าอลิสอาการเป็นอย่างไรบ้าง จึงรู้สึกเป็นกังวลอย่างที่สุด

“ใจเย็นก่อนค่ะ อย่าเพิ่งตกใจไป อลิสปลอดภัยแล้ว เด็กทั้งสองคนพักอยู่ที่ตึกผู้ป่วยเด็กค่ะ อลิสไม่เป็นอะไรมากแค่แขนพลิกนิดหน่อย ตอนนี้หมอใส่เฝือกประคองแขนให้แล้ว” เจ้าหน้าที่วิลสันเอ่ยพร้อมยิ้มออกมาเล็กน้อย

“โล่งใจหน่อย แล้วฉันจะได้พบเด็กๆ ได้เมื่อไหร่คะ” เซลีนมีแต่ใจที่เป็นห่วงลูกๆ ของซินดี้ จึงเอาแต่ถามถึงพวกเด็กๆ ไม่หยุด

“อีกไม่นานค่ะคุณเซลีน ฉันต้องบอกเรื่องของมิสเตอร์มิลเลอร์กับคุณด้วย ตอนนี้สามีของคุณ ตำรวจได้นำตัวไปขังไว้ที่สถานีตำรวจตั้งแต่ เมื่อคืน น่าจะประมาณ 2-3 วัน ก็คงต้องปล่อยไปค่ะ” เจ้าหน้าที่วิลสันรีบบอกเธอให้ใจเย็นลง

“ตำรวจเหรอคะ” เซลีนถามกลับไป เพราะเธอกำลังสงสัยว่าตำรวจรู้ได้อย่างไร และใครนำเธอส่งโรงพยาบาล

“ใช่ค่ะ แอนดี้เป็นคนไปเรียกมิสเตอร์อินเนอร์เพื่อนบ้านให้มาช่วยค่ะ แล้วมิสเตอร์อินเนอร์จึงแจ้งตำรวจและเรียกรถพยาบาลมาที่บ้านของคุณ แอนดี้เก่งมากเลยนะคะ อายุเท่านี้ก็เป็นที่พึ่งของแม่กับน้องได้แล้ว” เจ้าหน้าที่วิลสันเอ่ยบอกให้เซลีนหายสงสัย

“อ๋อ” เซลีนร้องออกมาเมื่อเข้าใจเรื่องราวเมื่อวาน

มิสเตอร์อินเนอร์หรือเจสัน อินเนอร์ เป็นเพื่อนบ้านของเธอ ถึงแม้ว่าจะไม่สนิทสนมกันมากนัก แต่ก็พอทักทายกันเป็นประจำ เด็กๆ ก็ชอบไปเล่นกับเขา

“ฉันอยากไปหาอลิสค่ะ ฉันเป็นห่วงเธอ ไม่รู้ว่าจะร้องไห้มากขนาดไหน” เซลีนพยายามต่อรองอีกที

“ไม่ต้องเป็นห่วงไปค่ะ มีแอนดี้ดูแลอยู่ อลิสไม่ยอมอยู่คนเดียวค่ะ คุณหมอเลยให้ทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน ฉันคิดว่าตอนนี้เรามาคุยกันเรื่องของคุณกับสามีก่อนดีกว่าไหมคะ อลิสเธอปลอดภัยแล้ว แต่ตัวคุณนี่แหละคะที่ฉันคิดว่ายังน่าเป็นห่วง คุณวางแผนจะทำอย่างไรต่อไป คุณต้องการให้ทางเราช่วยเหลืออะไรบ้าง” เจ้าหน้าที่วิลสันถามออกมา

“ฉันต้องการหย่าค่ะ และจะขอสิทธิ์การดูแลลูกทั้งสองคนเป็นของฉันคนเดียว ส่วนตอนนี้ฉันอยากขอให้รัฐช่วยเหลือในการหาบ้านฉุกเฉินให้พวกเราอยู่ชั่วคราว พอจะเป็นไปได้มั้ยคะ เพราะฉันคิดว่าลูกๆ กับฉันคง ไม่ปลอดภัยอีกต่อไป” เซลีนพูดด้วยความกังวลใจ

“อีกอย่างค่ะ หากฉันหย่าตอนนี้แล้ว วีซ่าของฉันจะเป็นอย่างไรคะ เพราะตอนนี้ฉันถือวีซ่าติดตามสามี อีกแค่หนึ่งปี ฉันก็สามารถขอวีซ่าถาวรได้แล้ว ฉันอดทนมาตลอดก็เพื่อลูก เขาขู่ฉันว่าถ้าฉันไม่ทำตามที่เขาต้องการ เขาจะส่งฉันกลับไทย และฉันจะไม่ได้เจออลิสกับแอนดี้อีก” เซลีนบอกความต้องการของเธอให้กับเจ้าหน้าที่วิลสันฟัง

และยิ่งพูดก็ดูเหมือนเธอจะยิ่งรู้สึกอยากจะร้องไห้เข้าไปทุกที หรือนี่อาจจะเป็นอารมณ์ที่หลงเหลืออยู่ของร่างนี้ก็เป็นไปได้

“ได้ค่ะ ฉันจะรีบดำเนินการให้ ตอนนี้คุณก็รักษาตัวที่นี่ไปก่อน ฉันคิดว่าฉันน่าจะได้บ้านฉุกเฉินก่อนที่คุณจะออกจากโรงพยาบาล สำหรับเรื่องวีซ่าไม่ต้องเป็นกังวล เรามีวีซ่าช่วยเหลือผู้หญิงที่ถูกทำร้าย ยิ่งครั้งนี้มิสเตอร์มิลเลอร์ทำร้ายคุณและอลิส คุณมีคุณสมบัติที่จะขอวีซ่าประเภทนี้ได้ค่ะ”

เจ้าหน้าที่วิลสันบอกกับเซลีน พร้อมล้วงเข้าไปในกระเป๋าสูทของเธอ แล้วยื่นนามบัตรส่งให้เซลีน

“นี่เป็นนามบัตรและเบอร์โทรศัพท์ของฉัน ถ้าต้องการติดต่ออะไรโทรหาฉันได้ตลอดเวลาค่ะ” เจ้าหน้าที่วิลสันยิ้มให้เซลีน

“ขอบคุณมากค่ะ” เซลีนยื่นมือไปรับนามบัตรเอามาเก็บไว้ข้างเตียง

เจ้าหน้าที่วิลสันอยู่คุยกับเซลีนไม่นานก็ขอตัวกลับไป หลังจากนั้นห้องของเซลีนก็เงียบกริบ เซลีนกำลังจะกดกริ่งเรียกพยาบาลเพื่อสอบถามเกี่ยวกับห้องที่อลิสพักรักษาตัว แต่ยังไม่ทันได้กดกริ่ง ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง และประตูก็เปิดออกทันที

“ช่อเป็นไงบ้าง เจ็บตรงไหนมากไหม ไอ้มาร์คบ้านี้ ก็น่าจะทุบกะโหลกให้ตายไปเลย” หญิงสาวรูปร่างบอบบาง ผิวออกแทนเดินเข้ามาพร้อมกับคำก่นด่า

เซลีนมองไปที่สาวร่างบางตรงหน้าแล้วก็ได้แต่ครุ่นคิด

“มีอย่างที่ไหนกัน มาทำเพื่อนฉันแบบนี้ แย่มากไอ้เจ้ามาร์คเนี้ย มันไม่ใช่คนแล้ว มันเป็นปีศาจ...โอ๊ยยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห ฉันว่าแกหย่าๆ กับมันไปเถอะ ไม่ต้องทนแล้ว ผู้ชายเส็งเคร็งพันธุ์นี้ ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป แกได้ตายก่อนมันแน่”

เซลีนยังจ้องมองสาวปริศนาที่เดินเข้ามาข้างเตียง พร้อมกับบ่น ชุดใหญ่ อีกทั้งข้างหลังหญิงสาวก็มีหญิงวัยเกือบ 60 ปี เดินตามกันเข้ามาด้วย

เซลีนพยายามค้นความทรงจำว่าสองสาวคนละวัยนี้เป็นใคร ก่อนจะจำได้ว่าหญิงสาวคนนี้ที่กำลังบ่นให้เธอฟังอยู่ ชื่อว่านันทิกาหรือกุ้ง เพื่อนที่ทำงานของเจ้าของร่างนี้ กุ้งกับซินดี้ถือเป็นเพื่อนสนิทกัน ทั้งสองคนจะพูดคุยปรึกษาปัญหากันตลอด เหมือนกับรู้ไส้รู้พุงกันเลยก็ว่าได้

“เอาน่ากุ้ง จะไปบ่นอะไรมากมาย รู้ๆ กันอยู่ สงสารก็แต่ช่อ ต้องมาพลอยลำบากไปอีก”

ส่วนหญิงวัยใกล้ชราคนนี้ก็คือเจ้รำไพ เจ้าของร้านอาหารและร้านนวดที่ซินดี้ทำงานด้วย พอเธอพูดจบเธอก็เดินมานั่งข้าง ๆ เตียง พร้อมส่งสายตาเห็นใจมาที่เซลีนทันที

“ซ่อเป็นไงบ้าง “ เจ้รำไพถามเธอขึ้นมา

“เจ้ กุ้ง ขอบใจมากนะที่เป็นห่วง ช่อโอเค แค่หัวแตก เจ็บเรือหายเลยเจ้” เซลีนตอบเจ้รำไพไปพร้อมกับพูดให้ติดตลก

“ยังจะมาเล่นอยู่อีกช่อ พอเจ้รู้ข่าวนะ เจ้ก็รีบมาที่โรงพยาบาลเลย แต่ว่าก็เข้าเยี่ยมไม่ได้เพราะช่อยังไม่ฟื้น นี่ก็รีบมาทันทีเลยที่พยาบาลโทรไปแจ้งน่ะ” เจ้รำไพแอบบ่นเบา ๆ ให้กับเซลีนฟัง

“เจ้ กุ้ง ถ้าช่วงนี้ฉันทำตัวแปลกๆ หรือนิสัยไม่เหมือนเดิม เจ้กับกุ้งก็ไม่ต้องแปลกใจนะ ฉันหัวกระแทกนะ หมอบอกว่ามันก็จะหลงๆ ลืมๆ บ้าง เดี๋ยวมันก็ดีขึ้นและกลับมาเอง แต่จะกลับมาตอนไหน หมอหรือฉันก็บอกไม่ได้นะ” เซลีนรีบบอกสองสาวต่างวัยด้วยท่าทางจริงจัง

กันไว้ก่อน เกิดนิสัยซินดี้เปลี่ยนไปกะทันหัน จะได้ไม่มีใครสงสัย เธอเลยถือโอกาสนี้อ้างเรื่องที่หัวแตก เหมือนเหตุผลสุดฮิตในนิยายนั้นแหละ

“ ช่อ แล้วแกจะเอาไงต่อไป” นันทิกาถามหลังจากที่เซลีนพูดจบ

“ฉันจะหย่ากับมาร์ค women aid เพิ่งกลับไปก่อนหน้าที่เจ้กับกุ้งจะเข้ามาเอง ฉันขอให้เจ้าหน้าที่หาบ้านพักฉุกเฉินให้อยู่ พร้อมกับดำเนินเรื่องหย่า และขอสิทธิ์ดูแลแอนดี้กับอลิสเอง” เซลีนบอกเพื่อนออกไป

“อ้าวช่อ แล้วแกไม่ต้องรอให้ครบ 5 ปี ก่อนเหรอ ที่จะต่อวีซ่าได้ แบบนี้แกต้องกลับไทยหรือเปล่า แล้วที่แกอดทนมาตั้ง 5 ปีก็เท่ากับเสียเปล่าน่ะสิ” นันทิกาบ่นให้กับเซลีนฟังแบบโมโห

“ไม่หรอก เจ้าหน้าที่บอกว่าฉันสามารถอยู่ที่นี่ได้ พวกเขาจะช่วยดูแลเรื่องนั้นให้และเรื่องวีซ่าก็ไม่ต้องเป็นห่วง มาร์คมันทำให้อลิสกับฉันบาดเจ็บ เรื่องนี้เลยกลับกลายเป็นผลดีกับฉันและลูกไป”

เซลีนพูดพร้อมถอนลมหายใจด้วยความโล่งอก “แบบนี้ทุกอย่างก็คงง่ายขึ้นล่ะ แต่ก็ต้องรอว่าเจ้าหน้าที่จะบอกให้ทำอย่างไรต่อไป” เซลีนตอบเพื่อนกลับไปด้วยความหนักใจระดับหนึ่ง

“ดีแล้วละที่ว่าจะหย่า ทนมันมาตั้งนานละ ไม่ต้องทนอีกต่อไป ช่อไปอยู่กับเจ้ก่อนก็ได้ เจ้ก็อยู่ตัวคนเดียว แอนดี้กับอลิส เจ้ก็เห็นมาตั้งแต่เกิด ก็รักเหมือนลูกเหมือนหลาน ดีชะอีก เจ้จะได้มีคนมาอยู่ด้วยจะได้หายเหงา” เจ้รำไพเสนอขึ้นมา

“ขอบคุณเจ้มากที่ช่วยเหลือฉันมาตลอด ทั้งให้งานทำ แล้วยังจะให้ไปพักด้วยอีก แต่ฉันว่าฉันน่าจะไปอยู่บ้านรัฐที่จัดหาให้จะดีกว่า ไม่อยากรบกวนเจ้เลย เกรงใจจริงๆ เลยเจ้” เซลีนไหว้ขอบคุณและตอบเจ้รำไพไป

“โอ้ย..จะเกรงอกเกรงใจกันทำไม แกก็เป็นเหมือนลูกเหมือนหลานเจ้คนหนึ่ง ไม่ต้องคิดมาก ออกจากโรงพยาบาลแล้วก็ย้ายไปอยู่ด้วยกัน เด็ก ๆ ก็คงไม่ชอบไปอยู่ร่วมกับคนอื่นหรอก ไปอยู่ด้วยกันนี่แหละดีแล้ว”

เจ้ตัดสินใจให้กับซินดี้ตามประสาคนที่ชอบจัดการทุกอย่างเอง อีกอย่างเธอก็อยากดูแลซินดี้และเด็ก ๆ อยู่แล้วด้วย

“ฉันก็ว่าดีนะช่อ แกไปอยู่กับเจ้ แอนดี้กับอลิสก็คงสบายขึ้น ไม่ต้องกลัวว่าพ่อจะดุจะตีเมื่อไหร่ ถ้าแกอยากตอบแทนเจ้ ก็แค่ตั้งใจทำงานให้เจ้มากขึ้น เจ้ก็น่าจะโอเคแล้ว จริงไหมเจ้”

นันทิกาบอกกับเซลีน พร้อมกับหันไปถามเจ้รำไพ

“อือ” เจ้รำไพตอบพร้อมยิ้มอย่างมีความสุข

“ขอบคุณเจ้มากๆ จ้ะ งั้นฉันจะโทรไปบอกเจ้าหน้าที่ ว่าจะย้ายไปอยู่กับเจ้หลังออกจากโรงพยาบาล เขาจะได้ให้ตำรวจพาไปเก็บของ ฉัน ไม่อยากเจอมาร์คตามลำพังอีกแล้ว” เซลีนตอบด้วยความเหนื่อยใจ

“เอ้อ...อีกอย่างนะ เจ้ กุ้ง ฉันจะเปลี่ยนชื่อด้วย ไม่เอาชื่อซินดี้แล้ว ไหนๆ ก็จะหย่ากันแล้ว ฉันเองก็อยากจะมูฟออนต่อเหมือนกันนะเจ้ ต่อไปฉันจะใช้ชื่อว่าเซลีนนะ ฉันว่ามันน่ารักดี” เซลีนรวบรัดทุกอย่างจบครบ

“เอ้อ ก็ดีนะ เปลี่ยนผัวใหม่ด้วยจะดีมาก” นันทิกาได้ยินแบบนั้น ก็เอ่ยแซวเซลีนไปด้วยเช่นกัน

หลังจากสามสาวคุยกันเรียบร้อย ทั้งเซลีน นันทิกากับเจ้รำไพ ก็พากันไปเยี่ยมอลิสกับแอนดี้ที่ตึกเด็กที่อยู่ไม่ไกลมากนัก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel