ตอนที่ 4 แพะรับบาป
จางฟู่หรงให้คนของตนเองไปนำทั้งสามชีวิตที่อยู่ในกระท่อมมา ตามคำบอกกล่าวของโจวลี่หลิน ถึงแม้นหญิงสาวจะยืนกรานว่าจะต้องเป็นคนไปนำทั้งสามมาด้วยตนเอง แต่มีหรือที่พี่ชายอย่างจางฟู่หรง จะสามารถทนเห็นน้องสาว ฝ่าพายุหิมะเข้าไปในป่าด้วยความยากลำบากได้ เมื่อเห็นท่าทีที่ไม่ยอมอ่อนข้อให้ หญิงสาวจึงได้แต่ยอมรับ และนั่งรอครอบครัวของนาง ตามที่จางฟู่หรงได้จัดการให้
เมื่อนางถูกนำกลับมายังตระกูลจาง หญิงสาวจึงได้ค้นพบว่า แท้ที่จริงแล้ว ผู้คนตระกูลนี้เป็นตระกูลขุนนางใหญ่ในราชสำนัก เพราะทำความดีเอาไว้มาก จึงได้รับบรรดาศักดิ์เป็นอันหนิงกั๋วกง ที่ผู้คนต่างนับถือ และสตรีที่นางได้พบก่อนหน้านี้ ก็คือบุตรสาวที่ถือกำเนิดจากฮูหยินใหญ่คนปัจจุบัน ส่วนสตรีที่ถูกเรียกว่าจางฮุ่ยหลิง ที่พวกเขาเข้าใจว่าเป็นนาง ถือกำเนิดมาจากฮูหยินรอง ที่เป็นพี่น้องที่ถือกำเนิดจากมารดาคนเดียวกันกับจางฟู่หรง และหลังจากที่มารดาให้กำเนิดนางแล้ว ก็เสียชีวิตลงตั้งแต่นั้นมา สองพี่น้องจึงได้รับการดูแลจากผู้เป็นฮูหยินใหญ่ ซึ่งแน่นอนว่าชีวิตความเป็นอยู่ของทั้งสองก็ไม่ได้ดีเท่าใดนัก
"ฮุ่ยเอ๋อร์นี่คือห้องของเจ้า ดูแลพักผ่อนอยู่ที่นี่ พี่ได้ให้คนเตรียมน้ำอุ่นไว้ให้เจ้าแล้ว"
เมื่อจางฟู่หรงเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความระแวดระวังของนางแล้ว เขาก็ได้แต่รู้สึกปวดใจ ชายหนุ่มค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้กับหญิงสาว โจวลี่หลินหันกลับมาจ้องมองเขาคล้ายกับมีคำถามมากมาย
"ให้ท่านพ่อ ท่านย่าและเสี่ยวเหอพักอยู่ที่เรือนนี้กับข้าได้หรือไม่"
"เรือนนี้เป็นเรือนส่วนใน คงไม่สามารถให้คนแปลกหน้าเข้ามาพักอาศัยได้ ให้พวกเขาพักอยู่ที่เรือนรับรองส่วนนอกเถิด"
"แต่สำหรับข้าแล้ว พวกเขาหาใช่คนแปลกหน้า หากไม่ได้เห็นด้วยตา ว่าพวกเขากินอิ่มนอนหลับ และได้พักอาศัยในที่ๆ สุขสบาย ข้าก็คงไม่วางใจ หากเป็นเช่นนั้นข้าขอออกไปอยู่กับพวกเขาที่เรือนรับรองส่วนนอกก็ได้"
เมื่อเห็นท่าทีที่ไม่ยินยอมโดยง่ายของนาง จางฟู่หรงจึงได้ยอมตกปากรับคำ เขาสัญญาว่าจะนำเรื่องนี้ไปคุยกับบิดาให้
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว นางจึงได้ถูกสาวใช้นำไปดูแลอาบน้ำขัดตัว และแปลงโฉมใหม่ทั้งตัว ไม่เหลือคราบของหญิงสาวชาวป่าให้ได้เห็นอีก โจวลี่หลินทอดมองตนเองในคันฉ่องทองเหลืองแล้ว ก็ได้แต่รู้สึกตกตะลึง ถึงแม้นางจะเข้ามาอาศัยอยู่ในร่างนี้ได้หลายเดือนแล้ว แต่ก็ไม่เคยสำรวจใบหน้านี้ให้ชัดเจนแม้นสักครั้ง แท้ที่จริงแล้วเจ้าของร่างนี้ มีดวงหน้าที่งดงาม ผิวพรรณที่ดูเนียนละเอียดไม่คล้ายกับหญิงสาวชาวป่าแต่อย่างใด
"พวกเจ้าดูแลรับใช้ข้ามานานหรือยัง" โจวลี่หลินหันไปถามสาวใช้ทั้งสี่คน เพราะต้องการคลายความสงสัยบางอย่าง
"ตั้งแต่พวกเราอายุได้สิบหนาว ก็ถูกเลือกให้มาดูแลรับใช้คุณหนูรองแล้วเจ้าค่ะ"
"งั้นพวกเจ้าก็ต้องรู้ เรื่องราวความเป็นมาของข้าไม่มากก็น้อยใช่หรือไม่"
โจวลี่หลินใช้สายตากดดัน พร้อมกับบังคับให้สาวใช้ทั้งสี่เล่ารายละเอียดที่พวกนางรู้เกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ของคุณหนูรองในจวนแห่งนี้มาอย่างละเอียด เมื่อนางได้รู้ความจริงทั้งหมดแล้ว ก็ถึงกับคิ้วกระตุก มุมปากของนางยกขึ้นบางเบา ที่แท้เพราะต้องการหาแพะรับบาป สตรีที่เรียกตนเองว่าพี่หญิงใหญ่ผู้นั้น จึงได้แสดงท่าทีดีใจเมื่อได้เห็นใบหน้าของนาง
"พวกเจ้าหมายความว่าอีกหนึ่งเดือนต่อจากนี้ ก็ถึงกำหนดการแต่งงานที่ข้าต้องแต่งให้กับชินอ๋องอย่างนั้นหรือ" ชินอ๋องหรือที่เรียกว่าอ๋องปีศาจ ก่อนหน้านี้ได้มีสตรีตกแต่งให้เขาไปแล้วถึงเจ็ดคน แต่ยากที่จะเชื่อได้ว่าพวกนางล้วนจบชีวิตในคืนแต่งงานวันแรกทั้งสิ้น แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น เขาที่ถือกำเนิดจากพระมารดาองค์เดียวกับฮ่องเต้องค์ปัจจุบันและเป็นพระอนุชาที่ฝ่าบาททรงให้ความโปรดปราน และเชื่อใจมากที่สุด เมื่อเขาให้เหตุผลกับทุกคนว่า ที่ชายาทั้งเจ็ดล้วนจบชีวิตในคืนวันแรกของการเข้าหอ เพราะเกิดจากที่พวกนางไม่สามารถทนแรงปรารถนาของเขาได้ และเสียชีวิตในคืนเข้าหอวันแรก ทุกคนจึงไม่กล้าที่จะโต้แย้งสิ่งใด และไม่มีผู้ใดกล้าที่จะสืบหาความจริงเช่นกัน
"แล้วเหตุใดเคราะห์ร้ายนี้ถึงได้มาตกที่จวนของอันหนิงกั๋วกงได้เล่า" โจวลี่หลินสอบถามถึงสิ่งที่ตนเองสงสัย มิใช่ว่าอันหนิงกั๋วกงผู้นี้ เป็นผู้ที่มีคุณงามความดีเหนือคณานับหรอกหรือ
เมื่อเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความลำบากใจของสาวใช้ นางจึงได้เอ่ยถามความสงสัยนี้กับพวกนางอีกครั้ง "ตอบในสิ่งที่ข้าอยากรู้มา"
"เพราะชินอ๋องเป็นพระโอรสที่ไทเฮาทรงรักและเอ็นดูมากที่สุด พระนางจึงต้องการเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับพระโอรส สตรีทุกนางที่ถูกคัดเลือกให้ตกแต่งเป็นชายาของท่านอ๋อง คือสตรีที่ได้ชื่อว่างดงามล่มเมือง และเพราะชื่อเสียงความงดงามนี้ของบุตรีจวนอันหนิงกั๋วกง จึงทำให้กลายเป็นที่ต้องการของไทเฮาอย่างเลี่ยงไม่ได้"
"เจ้าจะบอกว่าเพราะบุตรสาวที่อยู่ในจวนนี้ มีชื่อเสียงเรื่องความงดงาม ความซวยจึงตกทับศีรษะข้าอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวอย่างนั้นหรือ"
"แต่เท่าที่ข้าสังเกต ดูเหมือนว่าพี่หญิงใหญ่จะงดงามที่สุด อาจจะมากกว่าข้าอยู่ถึงสามส่วนด้วยซ้ำ เหตุใดผู้ที่ตกแต่งให้กับชินอ๋องถึงได้กลายเป็นข้าเล่า"
"คือว่าเรื่องนั้น…" สาวใช้ของนางแสดงท่าทีกระอักกระอ่วน เมื่อโจวลี่หลินเห็นเช่นนั้นก็มีดวงตาดำมืดลง นางยกยิ้มขึ้นมุมปากคล้ายกับเข้าใจเรื่องราวบางอย่างแล้ว
"พระราชโองการของฮ่องเต้ในตอนแรก ระบุว่าผู้ที่จะต้องตกแต่งให้กับชินอ๋องคือพี่หญิงใหญ่ใช่หรือไม่ แต่เพราะมีเหตุการณ์บางอย่างอาจจะเพราะนางล้มป่วย หรือมีร่างกายที่ไม่แข็งแรง จึงทำให้ความซวยนี้ตกลงมากระทบศีรษะของข้าอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เมื่อไม่กี่เดือนก่อน ตัวข้าที่ไม่มีทางเลือกอื่น จึงคิดหนีจากการแต่งงานนี้ และตัวข้าที่ความจำเสื่อมได้มาพบกับพวกเจ้าบังเอิญในวันนี้อีกใช่หรือไม่"
สาวใช้ทั้งสี่เงยหน้าขึ้นมองดวงหน้าของโจวลี่หลินพร้อมเพรียงกันอย่างตกตะลึง เพราะมิคาดคิดว่านางจะสามารถคาดเดาเหตุการณ์ทุกอย่างได้อย่างกระจ่างถึงเพียงนี้ แค่เพียงได้เห็นสีหน้าเช่นนั้น นางก็เข้าใจได้ทันทีว่าสิ่งที่ตนเองคาดเดานั้นถูกต้องแล้ว
'นี่ข้าคิดถูกคิดผิดที่ยอมสวมรอยเป็นสตรีผู้นั้น'
เมื่อเข้าใจเรื่องราวอย่างกระจ่างแล้ว นางก็ได้แต่คิ้วกระตุก การได้มามีชีวิตที่ได้เป็นถึงคุณหนูของจวนอันหนิงกั๋วกงผู้หนึ่งก็ดีอยู่หรอก แต่ดีใจได้ไม่นาน เหตุใดนางถึงได้ดวงซวย อาจจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ไม่นานเช่นนี้เล่า
ในขณะที่นางกำลังคิดหาทางออกจนปวดหัวอยู่นั้น ครอบครัวของนางก็ได้เดินทางมาถึงพอดี หญิงสาวจึงได้วางเรื่องยุ่งยากนั้นลงเสียก่อน เมื่อครอบครัวของนางได้เห็นใบหน้าของโจวลี่หลินแล้วทุกคนก็รีบเข้ามา สอบถามถึงความเป็นมาทั้งหมดด้วยความสงสัย โจวลี่หลินเองก็ไม่คิดจะปิดบังเรื่องราวที่เกิดขึ้นแต่อย่างใดนางได้เล่าถึงตั้งแต่ต้น ว่าเหตุการณ์เป็นมาเช่นใดให้กับพวกเขาได้ทราบอย่างละเอียด
"เช่นนี้หากสตรีผู้นั้นกลับมา พวกเขาจะไม่หาว่าเราโป้ปดหรอกหรือ"
"ท่านย่าใจเย็นก่อน เรื่องนั้นเอาไว้จัดการภายหลัง แต่เรื่องที่อีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ข้าต้องตกแต่งให้กับบุรุษผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าคร่าชีวิตของเจ้าสาวตั้งแต่คืนแรกของวันแต่งงานนั้นก่อนเถิด ข้าจะทำเช่นไรดี"
เมื่อทุกคนตระหนักได้ว่าปัญหาใหญ่นั้นคือสิ่งใด พวกเขาก็ได้แต่แสดงสีหน้ากลัดกลุ้ม
"พวกเราหนีไปดีหรือไม่ เอาไว้สบโอกาสเมื่อใด ก็หนีออกไปจากที่นี่เสีย"
"พูดมันง่าย แต่ท่านย่าลองตรองดู พวกเราจะสามารถหนีไปที่ใดได้ แม้แต่ที่กระท่อมที่พวกเราใช้ประทังชีวิตมาทั้งชีวิต พวกเขาก็รู้แล้ว อีกทั้งดูเถิดตอนนี้พวกเขายังให้คนคุ้มกันเสียแน่นหนา ต่อให้อยากหนีเพียงใดก็คงไม่สามารถทำได้"
"งั้นก็บอกความจริงกับพวกเขาไป ว่าแท้จริงแล้ว เจ้าหาใช่สตรีที่พวกเขากล่าวถึง ข้าเชื่อว่าอย่างไรพวกเขาก็ต้องปล่อยเจ้าไปหากรู้ความจริง"
"ท่านย่าคิดจริงๆ หรือว่าเขาจะยอมปล่อยข้าไปจริงๆ ถึงแม้ตอนนี้พวกเขาจะรู้ว่าข้าหาใช่สตรีที่พวกเขากำลังตามหา แต่ในเมื่อหาแพะมารับชะตากรรมของตนเองได้แล้ว จะยอมปล่อยไปได้ง่ายๆ ได้อย่างไร พระราชโองการของฮ่องเต้จะสามารถขัดได้หรือ แน่นอนว่าต่อให้ตอนนี้พวกเขารู้ว่าข้าสวมรอย ก็จะจับมัดขึ้นเกี้ยว ถึงอย่างไรก็ต้องแต่งให้กับบุรุษผู้นั้นให้ได้อย่างแน่นอน"
"นั่นคือใบหน้าของคุณหนูรองที่พวกเขากล่าวถึงหรือ…!? " โจวเฉินผู้เป็นบิดา ชี้ไปที่ภาพวาดซึ่งแขวนอยู่บนผนังห้องด้วยความสงสัย
โจวลี่หลินที่ก่อนหน้านี้มีเรื่องมากมายที่ต้องทำ จึงไม่ได้สังเกตเห็น เมื่อบิดากล่าวถึง นางจึงได้เห็นว่าภาพวาดของสตรีผู้นั้น ช่างมีใบหน้าที่เหมือนกันกับนางอย่างไม่มีผิดเพี้ยน จนไม่สามารถแยกออกได้จริงๆ
"เหมือนกันจนแทบจะเป็นคนๆ เดียวกัน โลกนี้จะมีความบังเอิญได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ"
นางพึมพำออกมาด้วยความแปลกใจ จนไม่ทันได้สังเกตว่าใบหน้าของผู้เป็นย่าและบิดาตอนนี้คล้ายกับรู้สึกตกตะลึงกับคำพูดของนางอยู่