ตอนที่ 2 หญิงสาวกับเสื้อกันลมหนาวของนาง
เมื่อเลือกไม่ได้เขาจึงต้องจำใจยอมให้นางได้ดูแลทำแผลให้กับตนเอง การเย็บแผลในวิธีของนางนั้นใช้เวลาไม่นานนัก และยังไม่ได้เจ็บมากมายอย่างเช่นที่นางได้เอ่ยบอกตนเอง เขาสำรวจไปที่บาดแผลฉกรรจ์บริเวณต้นขาแล้วก็ต้องตกใจ ที่พบว่าตอนนี้มันเหลือเพียงรอยตะขาบหาได้มีร่องรอยของแผลฉกรรจ์แต่อย่างใด และเมื่อเวลาขยับกายก็ไม่ได้เจ็บปวดมากมายอย่างเช่นในตอนแรก เลือดที่ไหลชโลมกายก็หายเป็นปกติ
โจวลี่หลินจึงได้ดูแลพันบาดแผลให้กับเขา แต่เฉินตงหยางกลับพบว่านางจ้องเขม็งมาที่แผงอกตนเองอย่างไม่วางตา ก็เกิดความระแวงขึ้น
"เหตุใดถึงได้จ้องข้าเช่นนั้น"
"ข้าคิดว่ายังเหลือบาดแผลที่บริเวณร่างกายส่วนอื่นของท่านอีกใช่หรือไม่"
โจวลี่หลินจ้องไปที่บริเวณหน้าอกของเขา ซึ่งตอนนี้มีเลือดซึมออกมาจนถึงเสื้อตัวนอก เฉินตงหยางรีบหลบสายตาของนาง "ไม่มีแล้ว"
"ยังจะโกหกอีก เหตุใดถึงทำตัวเป็นหนุ่มน้อยไปได้ เห็นกันอยู่ว่ายังมีบาดแผลฉกรรจ์ที่บริเวณหน้าอกอีก"
โจวลี่หลินไม่เพียงเอ่ยเปล่า นางยังยื่นมือออกไปหมายจะปลดอาภรณ์ของเขาออก แต่ถูกมือหนาของชายหนุ่มขวางเอาไว้
"เจ้าเป็นสตรีเห็นว่าจะเป็นเรื่องไม่ควรที่จะเปิดเปลือยอกให้กับเจ้าได้เห็น"
"แล้วท่านคิดว่าการปล่อยให้เลือดของท่านยังไหลต่อเนื่องอยู่เช่นนี้ ดีกว่าให้ข้าได้เห็นหน้าอกของท่านอย่างนั้นหรือ" เหตุใดบุรุษในยุคสมัยนี้จึงได้รักนวลสงวนตัวถึงเพียงนี้นะ แตกต่างกันกับในยุคสมัยของนางอย่างสิ้นเชิงเสียเหลือเกิน แค่แผงอกแน่นขนัด ซึ่งมีมัดกล้ามเนื้อของบุรุษเพศนางเห็นมาหมดแล้ว
เรื่องแค่นี้สำหรับโจวลี่หลินแล้วถือว่าเป็นเรื่องที่เล็กน้อยมาก นางที่เคยเห็นอกเปลือยเปล่าของบุรุษมานักต่อนัก ไม่ว่าจะเป็นนายแบบที่ขึ้นปกนิตยสาร หรืออกเปลือยเปล่าของดาราต่างๆ มากมาย ก็ล้วนแล้วแต่เห็นจนชินตา
ใช่แล้ว….
นางคือวิญญาณที่มาจากศตวรรษที่ยี่สิบ ได้เข้ามาอาศัยอยู่ในร่างของหญิงสาวชาวป่า ซึ่งเป็นบุตรของนายพรานยากจนครอบครัวหนึ่ง หาเลี้ยงชีพด้วยการล่าสัตว์ แต่เมื่อไม่กี่เดือนก่อน บิดาที่เป็นเสาหลักของครอบครัวล้มป่วย ทั้งครอบครัวจึงได้เคว้งคว้าง เพราะนอกจากตัวนางที่อายุพึ่งจะสิบหกหนาวแล้ว ก็มีท่านย่าแก่ๆ ที่ไม่สามารถดูแลตนเองได้ และยังมีน้องชายที่อายุเพียงเจ็ดหนาว นางจึงต้องรับหน้าที่ในการหาเลี้ยงทั้งครอบครัวไปโดยปริยาย
ถึงแม้นางจะก่นด่าสวรรค์ สาปแช่งผู้ที่ทำให้นางต้องมาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ แต่เมื่อคิดได้ว่า ทำไปก็ไม่มีประโยชน์อันใด หญิงสาวที่เป็นศัลยแพทย์ในศตวรรษที่ยี่สิบ จึงได้ลุกขึ้นสู้กับชะตาชีวิตที่สวรรค์มอบให้อย่างไม่ยอมแพ้
โจวลี่หลินยกยิ้มมุมปาก ก่อนที่จะเอ่ยบอกเขาออกไปด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ "ข้าบอกท่านไปแล้วไม่ใช่หรือ ว่าจะรับผิดชอบในตัวท่านเอง เมื่อเป็นเช่นนี้ท่านจะวางใจปลดอาภรณ์ของตนเองออกให้ข้าได้ตรวจดูบาดแผลให้กับท่านได้หรือยัง"
เฉินตงหยางหมดคำจะกล่าว เขาไม่คาดคิดว่าหญิงสาวตรงหน้าจะไร้ซึ่งท่าทีเหนียมอายเช่นนี้ แต่เมื่อหันกลับมาพบใบหน้าที่ติดจะไปทางยกยิ้มของนางแล้ว เขาจึงได้แต่รู้สึกไม่สบอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง 'นี่นางกำลังหัวเราะเยาะกับท่าทีเขินอายของเขาอยู่หรือ'
เฉินตงหยางไม่มีท่าทีว่าจะยอมเปิดเปลือยแผงอกให้นางได้ดูแลบาดแผลให้กับตนโดยง่าย โจวลี่หลินจึงได้ออกแรงแกะมือของเขาออก เฉินตงหยางจนด้วยท่าทีต่อต้านอีกต่อไป เขาจึงได้ยอมเป็นฝ่ายนิ่งเฉยให้นางได้ปลดเปลื้องอาภรณ์ของตนเอง พร้อมกับเบนสายตาไปทางอื่น ด้วยไม่สามารถทนมองการกระทำของนางได้
โจวลี่หลินไม่ได้มีท่าทีเหนียมอายแม้นสักนิด คล้ายกับความสนใจของนางทั้งหมดอยู่ที่บริเวณบาดแผลของเขาเท่านั้น เมื่อหญิงสาวได้ทำแผลจนแล้วเสร็จ ก็ได้แต่รู้สึกโล่งอก ที่พบว่าบาดแผลบริเวณแผงอกของเขาถึงแม้นจะยาวกว่าบริเวณต้นขา แต่ก็ไม่ได้ลึกมาก มือบางยื่นไปทำแผลให้กับเขาอย่างคล่องแคล่ว เพียงปลายนิ้วสัมผัสถูกบริเวณแผงอกชายหนุ่มก็ถึงกับสะดุ้งโหยง
"อย่าดิ้น ใช้เวลาเพียงไม่นานก็น่าจะเสร็จแล้ว ท่านให้ความร่วมมือหน่อย"
เมื่อถูกนางเอ่ยดุ เฉินตงหยางก็ไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ อีก ถึงแม้สายตาของเขาตอนนี้จะยังมีปัญหา มองทุกอย่างไม่ชัดเจนนัก แต่ภาพใบหน้าของหญิงสาวก็ยังถือว่าชัดเจนกว่าในตอนแรกมาก นั่นจึงทำให้เขาเห็นว่าตอนนี้จุดสนใจเดียวของนางอยู่ที่บริเวณบาดแผลของตน เป็นเขาที่คิดมากไปเอง
"เสร็จแล้ว จากนี้น่าจะเรียบร้อยแล้ว ไม่น่าจะมีอันใดน่าเป็นห่วง เพียงแค่ท่านอย่าได้ขยับกายมากเท่าใดนัก ดีที่บาดแผลเหล่านี้เป็นเพียงบาดแผลภายนอก ส่วนภายในท่านไม่ได้บาดเจ็บจนมีสิ่งใดน่าห่วง"
โจวลี่หลินเอ่ยบอกถึงสิ่งที่ชายหนุ่มต้องระวังอีกหลายอย่าง และยังไม่ลืมที่จะจุดไฟ เพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกายของเขาไปด้วย เพราะตอนนี้ชายหนุ่มได้สูญเสียเลือดไปมาก หากปล่อยให้ร่างกายได้รับความเย็นมากจนเกินไป เกรงว่าจะไม่เป็นผลดีในอนาคต เมื่อคิดได้ดังนั้น นางจึงได้ลุกขึ้นถอดเสื้อกันหนาวของตนเองออกไปคลุมร่างกายให้กับเขาอย่างไม่ลังเล
เฉินตงหยางมองร่างบางที่ยืนสั่นสะท้าน เมื่อต้องลมหนาว ด้วยความไม่เข้าใจ "เก็บเอาไว้ ร่างกายของท่านต้องการความอบอุ่น แล้วนี่คนของท่านจะมาช่วยหรือไม่"
เมื่อเข้าใจถึงจุดประสงค์ของนางแล้ว เขาจึงได้รับมันไว้อย่างไม่คิดจะปฏิเสธ พร้อมทั้งเอ่ยบอกในสิ่งที่นางอยากรู้
"อีกไม่นานคนของข้าคงตามมาถึงที่นี่ ขอบใจเจ้ามาก ข้าจะต้องตอบแทนน้ำใจนี้ของเจ้าอย่างแน่นอน"
โจวลี่หลินไม่ได้ตอบสิ่งใดกลับไป นางทำเพียงนั่งเงียบๆ อยู่ในบริเวณนั้น เพื่ออยู่เป็นเพื่อนเขา และดูเหมือนว่าชายหนุ่มเองก็น่าจะรู้จุดประสงค์ของนาง จึงได้ผ่อนคลายลง เนื่องจากความเหนื่อยล้า จึงทำให้เขาเผลอหลับไปโดยที่ไม่รู้ตัว…
"มีคนมา พวกเรารีบหลบก่อน"
โจวลี่หลินรีบพาโจวฮุ่ยเหอหลบไปยังพุ่มไม้ด้านข้าง เพื่อดูสถานการณ์ เมื่อเห็นว่ามีกลุ่มชายฉกรรจ์หลายคนตรงมายังทิศทางนี้ นางก็ได้แต่กระชับหน้าไม้ที่ติดมือมาเตรียมพร้อมเอาไว้ให้แน่นขึ้น แต่เมื่อเห็นท่าทีของผู้มาใหม่แล้ว ก็ได้แต่พรูลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก
"พบท่านอ๋องแล้ว"
เมื่อเห็นว่าไม่มีสิ่งใดน่าห่วง คนที่มาดูเหมือนว่าจะเป็นคนของชายหนุ่ม หญิงสาวจึงได้ค่อยๆ จากไป โดยไม่คิดที่จะเปิดเผยตัวตนให้ทราบ เฉินตงหยางเองเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมา พบว่าคนของตนได้ตามหาจนพบเขาแล้ว สายตาของเขาก็กวาดมองไปทั่วบริเวณ เพื่อสอดส่ายหาหญิงสาว แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า จึงได้รู้ว่านางคงได้จากไปแล้ว ชายหนุ่มได้แต่รู้สึกขอบคุณสตรีแปลกหน้าผู้นั้นจากใจจริง หากไม่ได้นางป่านนี้ เขาคงนอนจมกองเลือดหนาวตายอยู่ที่บริเวณนี้ และคนของเขาคงได้มาพบศพแทนที่จะพบตนเองในขณะที่ยังมีลมหายใจอยู่เป็นแน่
'ข้าจะต้องตอบแทนเจ้าในสักวัน'
เฉินตงหยางกระชับ เสื้อกันลมหนาวของนางให้แน่นขึ้น คล้ายกับมันเป็นของมีค่าเป็นอย่างมาก
หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา เฉินตงหยางก็ได้ส่งคนออกตามหานาง แต่ดูเหมือนว่าจะไม่พบเบาะแสใด เกี่ยวกับผู้มีพระคุณนั้นของเขาอีกเลย คล้ายกับว่านางไม่เคยมีตัวตนเสียอย่างนั้น