ตอนที่ 5 เธอเย็นชาจะตายไป
“แม่ อนาคตของขิงก็คือแม่นะ แม่อย่าพึ่งยอมแพ้สิ คุณหมอบอกว่า….”
“ก๊อก ก๊อก”
เสียงของหมอเจ้าของไข้เดินเข้ามาพร้อมกับพยาบาลสาวที่คุ้นเคยกับพวกเธอ เมื่อเดินเข้ามาและวัดชีพจรและความดันเสร็จแล้วหมอก็เรียกเธอไปนั่งปรึกษาที่ห้อง
“แม่คุณบอกแล้วใช่ไหมครับว่าเธอจะไม่ยอมผ่าตัด”
“แต่ว่าคุณหมอคะ ทำไมเราไม่ผ่าละคะ หากว่าติดขัดเรื่องเงินตอนนี้ขิงจัดการได้แล้วนะคะ”
“ฟังหมอก่อนนะครับคุณณัฐชา คือแบบนี้ครับที่คุณแม่คุณไม่ยอมผ่าตัดมันมีสาเหตุนะครับและก็…เอ่อ…นี่คือภาพล่าสุดที่เราพบหลังจากผลคีโมครั้งล่าสุดครับ”
“หมายความว่า….ยังไงเหรอคะ”
หมอนำภาพปอดที่ติดเชื้อของแม่เธอมาให้ดูเพื่อร่วมกันตัดสินใจครั้งสุดท้ายโดยหมอนพดลเองก็ต่อสู้ร่วมกับพวกเธอสองแม่ลูกมาร่วมหนึ่งปีตั้งแต่เริ่มรู้ว่าแม่ของเธอเริ่มไอไม่หยุดจนพบสาเหตุของโรคมะเร็งนี้
“หมายความว่าแม่….”
“ตอนนี้มะเร็งมันลุกลามเข้าสู่ระยะที่สามแล้ว หมอเลยคิดว่า…”
“ไม่นะคะ เรา…ทำคีโม บำบัดกินยาผ่าตัด ทำทุกอย่างแล้ว…ทำไมถึง….”
“แต่ถ้าคุณอยากจะลองผมก็อาจจะปรึกษาแพทย์ที่ชำนาญเฉพาะทางมะเร็งอีกท่านหนึ่งให้ช่วยได้นะครับ”
เธอเงยหน้าขึ้นพร้อมกับหยดน้ำตาที่ไหลออกมาแต่สีหน้าแห่งความหวังนี้ทำให้หมอนพดลนึกเห็นใจเธอไม่น้อย เขารู้ว่าพวกเธอมีเพียงสองคนแม่ลูกเท่านั้น ดังนั้นน้ำขิงจึงไม่ลดความพยายามที่จะรักษาแม่ของเธอ
“อืม หมอจะลองปรึกษาแพทย์อีกท่านหนึ่งว่ามีโอกาสที่จะเป็นไปได้ไหม ถ้ายังไงอาจจะนัดคุณมาคุยกับคุณหมออีกครั้งนะครับ”
“ได้ค่ะคุณหมอ ช่วยขิงด้วยนะคะคุณหมอ ขิง…เหลือแค่คุณแม่คนเดียวแล้ว”
“ครับ หมอเข้าใจคุณนะแต่ว่าคุณเองก็ต้อง…คิดถึงตัวเองหลังจากนี้ด้วย หากว่า….”
“คุณหมอคะ ยังไงก็ฝากเรื่องนี้ด้วยนะคะขิงต้องขอตัวไปดูแลคุณแม่ก่อน”
“เอ่อ….ครับ”
น้ำขิงรีบเดินออกมาจากห้องของหมอนพดลทันทีและรีบเดินกลับไปที่ห้อง พอดีกับที่คุณหมออีกท่านหนึ่งเดินเข้าไปในห้องหมอนพดลพอดี
“หมอนพ ผลตรวจของคนไข้เตียงเก้า”
“อ้าว หมอภาคย์นายมาพอดี เฮ้อ….”
“ทำไมเหรอทำไมคุณดูจิตตกแบบนั้นล่ะ อีกครึ่งชั่วโมงมีผ่าตัดคุณยังไหวไหม หรือให้เลื่อนเวลาออกไปหน่อย”
“ไม่มีอะไร ๆ แค่..สงสารญาติผู้ป่วยน่ะ”
“เมื่อกี้นี้…ผู้หญิงหน้าห้องนั่นน่ะเหรอ ไม่เอาน่า คุณคงไม่ได้หลงรักเธอหรอกนะ”
“จะบ้าเหรอครับ ผมไม่ใช่คนแบบนั้นอีกอย่างเธอเย็นชาจะตายไปนอกจากแม่ของเธอแล้วก็ไม่สนใจใครเลย ถึงจะอยากสนใจแต่ไม่ไหวหรอกครับเหมือนอยู่กับท่อนไม้ทั้งวัน ถามคำตอบคำไม่ใช่แนวที่ผมชอบ ขอบคุณมากนะ เออผมว่าจะปรึกษาเรื่องนี้กับคุณพอดี พอจะมีเวลาไหมครับ”
"ได้สิ ว่ามาเลย คุณดูกังวลแบบนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ แน่"
“ก็…ครับ เธอยืนยันอยากจะผ่าตัดแม่เธอให้ได้น่ะ แต่อาการของคนไข้ เป็นระดับนี้ คุณคิดว่ายังไง…”
สิบวันต่อมา
“อะไรนะ แม้แต่มึงก็ตามหาไม่ได้เหรอ แล้วเลขบัญชีนั่นไม่ใช่ของเธอหรอกเหรอ”
“ไม่ใช่ว่ะ ที่ให้มาดูเหมือนจะเป็นบัญชีของญาติเธอนะ”
“ลึกลับไปหน่อยไหมแค่ผู้หญิงคนเดียวเองระดับเฮียหมิงถึงกับหาไม่ได้เลยเหรอวะ”
“อะไร ไอ้หมอนี่มึงอย่าบอกนะว่าเกิดติดใจสาวซิงน่ะ”
“ไอ้เวร กูบอกให้มึงหาก็หาไปจะถามกลับทำไม”
“ทำไม หรือว่าน้องมันขโมยของในห้องมึงไป”
“เปล่า”
“อ้าว แล้วนอกจากมึงติดใจแล้วจะมีเหตุผลอะไรอีกวะ”
“ก็…แค่โอนเงินให้ไม่ครบเลยอยากติดต่อด้วย”
“เฮ้ย มีด้วยเหรอโอนไม่ครบแล้วผู้หญิงหนีเนี่ยนะ เป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ย ปกติจะติดมึงหมดทุกคนจนไม่อยากสลัดทิ้งเลยไม่ใช่เหรอวะ ทำไมรอบนี้ไอ้เสือของกูถูกทิ้งเสียเองล่ะวะ”
“พูดมาก ตกลงจะหาให้ไหม”
“เออ ๆ คงต้องใช้บริการไอ้เสกแล้ว”
“ได้เรื่องแล้วบอกด้วย”
หมอภาคย์วางสายไปทันทีด้วยความหงุดหงิด โดยปกติเขาไม่เคยคิดอยากจะสืบหาเรื่องของผู้หญิงที่เขานอนด้วยมาก่อน แต่กับน้ำขิงคนนี้เขากลับรู้สึกแปลก ๆ กับเธอ แค่อยากจะนัดเจอเธออีกครั้งเพื่อเลี้ยงข้าวเธอสักมื้อก็ยังดีแต่เธอกลับถอนข้อมูลทุกอย่างออกจากแอปพลิเคชันของเพื่อนของเขาหลังจากที่เธอมาหาเขาเมื่อคืนก่อน
เขาใช้เวลาเกือบสองสัปดาห์ให้เพื่อนเขาตามหาข้อมูลของเธอแต่กลับไม่พบเลย ไม่ทันได้คิดอะไรเพิ่มเสียงมือถือก็สั่นขึ้นอีกครั้ง
“ว่าไงหมอนพ….ได้สิเดี๋ยวผมไป”
เขามุ่งหน้ากลับไปที่โรงพยาบาลทันทีเมื่อหมอนพดลโทรมาเล่าเกี่ยวกับคนไข้ที่เขาปรึกษาหมอภาคย์เมื่อครั้งก่อน ตอนนี้คนไข้เริ่มมีอาการแปลก ๆ ซึ่งเขาอยากจะให้หมอภาคย์มาช่วยดูเคสนี้
เหตุผลเดียวเลยคือญาติของคนไข้รายนี้น่าสงสารและดื้อมาก เธอยืนยันอยากให้หมอช่วยผ่าตัดให้คุณแม่ของเธอ
โรงพยาบาล
“แล้วญาติคนไข้ล่ะ”
“พึ่งออกไปซื้อของ ตอนนี้โทรให้กลับมาแล้ว”
“ให้ยาระงับเอาไว้ก่อนแล้วใส่เครื่องช่วยหายใจ ตอนนี้ปอดทำงานหนักมากไม่ได้”
“ได้สิ เดี๋ยวญาติคนไข้มาแล้วให้รีบพาไปห้องผมด่วนเลยนะ”
"ค่ะคุณหมอ!!"
“ผมจะรีบไปสั่งให้เตรียมออกซิเจนเพิ่ม”
“ได้ ขอบคุณมากหมอภาคย์”
หมอภาคย์รีบวิ่งออกมาและไปสั่งที่ห้องปฏิบัติการทันทีหลังจากที่ออกมาจากห้องผู้ป่วย เขาให้หมอนพดลดูแลอาการคนป่วยอยู่ในห้องเพราะเขาเองไม่ใช่หมอเจ้าของไข้
“คุณหมอนพคะ เกิดอะไรขึ้นคะ”
“อ่อ น้ำขิง ใจเย็น ๆ ก่อนนะคุณแก้วตาอาเจียนออกมาน่ะ น่าจะเป็นผลจากคีโม ตอนนี้ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจนี่ก่อน”
“ค่ะ ๆ แม่คะ”
“คุณตามผมมาที่ห้องหน่อยสิน้ำขิง ผมอยากจะปรึกษาคุณหน่อย ตอนนี้คุณแม่ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ”
“แต่ว่า…”
“คุณอยู่ที่นี่ก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอกเกะกะพยาบาลเปล่า ๆ ให้พวกเขาทำงานเถอะ พวกเราต้องรีบคุยกันนะ”
“ค่ะ ได้ค่ะคุณหมอ”
หมอนพดลพาเธอเดินออกมาจากห้องผู้ป่วยเพื่อจะพาเธอกลับไปที่ห้องพักแพทย์เพื่อจะปรึกษาเรื่องการรักษาของคุณแม่ของเธอ เมื่อเดินเข้ามาถึงเขาก็ให้เธอนั่งพักเพื่อสงบสติอารมณ์เสียก่อน เขายื่นน้ำให้เธอจิบและเดินมานั่งที่โต๊ะ ในขณะเดียวกันที่หมอภาคย์และทีมงานที่เหลือกลับเข้าไปที่ห้องของแม่เธออีกครั้ง
“หมอนพดลล่ะ”
“คุณหมอพาญาติคนไข้ไปที่ห้องแล้วค่ะ คุณหมอนพดลฝากบอกคุณหมอว่าถ้าคุณหมอภาคย์มาแล้วให้ตามไปที่ห้องด้วยค่ะ”
“ถ้างั้นที่เหลือฝากพวกคุณด้วยนะ ผมไปก่อนล่ะ”
“ค่ะได้ค่ะคุณหมอไม่ต้องห่วงค่ะ”
หมอภาคย์เดินออกมาจากห้องและเดินมาที่หน้าห้องของหมอนพดล เสียงของคนสองคนที่คุยกันอยู่ในห้องทำให้เขาชะงักอยู่หน้าประตูและยังไม่เดินเข้าไป
“อะไรนะคะ คุณหมอจะบอกว่าคุณแม่ ทำคีโมไม่ได้ผลเหรอคะ แล้วแบบนี้ยังจะไม่ให้ผ่าตัดอีกเหรอคะ แล้วอย่างนี้แม่..”
“คุณใจเย็น ๆ ก่อนนะครับไม่ใช่ว่าเราจะไม่ช่วยกันหาทางออกแต่ภาวะร่างกายของคนไข้ในตอนนี้ไม่พร้อมที่จะผ่าตัดจริง ๆ สิ่งที่เราทำได้คือการช่วยประคับประคองอาการไปก่อน”
“แต่คุณหมอบอกว่าจะคุยกับคุณหมออีกท่านหนึ่ง คุณหมอท่านนั้นชำนาญเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาช่วยไม่ได้เหรอคะ ถ้าผ่าตัดเอาเนื้อร้ายออกคุณแม่ก็ยังมีโอกาส....”
เสียงดื้อดึงข้างในนั้นทำเอาหมอภาคย์รู้สึกหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย แม้ว่าจะเข้าใจสถานการณ์ของคนไข้ดีว่าพวกเธอมีแค่สองคนแม่ลูกแต่ดูเหมือนว่าญาติผู้ป่วยจะดึงดันอยากจะรักษาแม่ของเธอมากจนลืมนึกถึงความปลอดภัยของแม่ เขาดันประตูเข้าไปทันทีและพูดด้วยน้ำเสียงที่แข็งและไม่พอใจ
“ต่อให้คุณยืนยันว่าจะผ่าตัด ผมก็ไม่มีทางเอาชีวิตของคนไข้ไปเสี่ยงเด็ดขาด สิ่งที่คุณควรทำตอนนี้คือเงียบและฟังความคิดเห็นของแพทย์อย่างพวกผม!!”