บทที่8 ชัดเจนว่าเขามาคิดบัญชี
บทที่8 ชัดเจนว่าเขามาคิดบัญชี
ครั้งนี้บริษัททำการแข่งขันอย่างเปิดเผย แต่เด็กใหม่ที่ใจกล้าเข้าแข่งขันก็มีแต่เย้นหว่านคนเดียว
ถึงดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ก็ชื่นชมความกล้าหาญของเธอ
จึงจับตามองเธอเป็นพิเศษ “เย้นหว่าน งานของเธอล่ะ?”
เย้นหว่านยืนแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ในมือจับงานออกแบบของตนเองไว้แน่น ในใจรู้สึกข่มขื่น
ทีนี้ถูกเสิ่นโป๋เม๋ย ทำร้ายจน ซวยแล้ว เธอเดินไปตรงหน้าผู้จัดการ ยื่นงานออกไปด้วยความยากลำบาก
“ผู้จัดการคะ ให้เวลาดิฉันอีกครึ่งชั่วโมงได้ไหมคะ? ดิฉันวาดให้ใหม่อีกชุด”
ผู้จัดการขมวดคิ้วหลังจากที่ได้เห็นงานออกแบบที่เลอะแล้ว “ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็พยายามเจียดเวลานี้ให้เธอได้
แต่วันนี้คือวันที่ท่านประธานใหม่เพิ่งเข้ารับตำแหน่ง ท่านจะตัดสินการแข่งขันครั้งนี้ด้วยตนเอง
จะยืดเยื้อเวลาไม่ได้เด็ดขาด” เธอพูดอย่างจนปัญญา และตบที่ไหล่ของ เย้นหว่านโดยการปลอบใจ
“เธอยังสาวยังแส้อยู่รอโอกาสครั้งหน้าเถอะ ครั้งนี้ก็ต้องตัดสิทธิ์เธอไปก่อนนะ”
“แต่ว่า.......” เย้นหว่านยังอยากไขว่คว้าดู แต่กลับถูกเสิ่นโป๋เม๋ยพูดแทรก
เธอเบียดเย้นหว่านออก และยืนที่ข้างกายของผู้จัดการด้วยท่าทางที่สนิทแนบแน่น
“พี่สวู่คะ บริษัทเราเปลี่ยนท่านปะธานใหม่แล้วหรอคะ? ทำไมจู่ๆก็เปลี่ยนท่านประธานได้ล่ะคะ?
ก่อนหน้านั้นไม่ได้ยินข่าวอะไรเลย”
“พี่ก็เพิ่งรู้ข่าวเหมือนกัน ได้ยินมาว่าเมื่อคืนมีคนใหญ่คนโตบางคนมากว้านซื้อบริษัทเรา”
ได้ยินคำพูดนี้ ทุกคนที่อยู่ในห้องประชุมต่างก็ประหลาดใจอย่างพูดไม่ออก
บริษัทนี้ถือเป็นบริษัทใหญ่ระดับต้นๆแล้ว คนใหญ่คนไหนท่านไหนที่มีความสามารถเก่งกาจขนาดนี้
ที่คืนเดียวก็กว้านซื้ออย่างไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงอย่างนี้? นี่ก็น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้วมั้ง!
มีคนอดถามไม่ได้ “ท่านประธานใหม่คือใครหรอคะ?”
“เดี๋ยวก็รู้เอง เขาจะเจอคนที่ได้ที่หนึ่งครั้งนี้เป็นการส่วนตัว พวกคุณต้องสู้ๆนะ”
ผู้จัดการนิ่งไปครู่นึง แล้วพูดเสริมขึ้นมาอีกคำด้วยรอยยิ้ม
“ใช่แล้ว ได้ยินมาว่าเขายังหนุ่มมาก แถมยังหล่อมากด้วย”
ทั้งหนุ่มทั้งหล่อ แถมยังมีเงินมีอำนาจ อยู่ในเฉิงหนานเป็นบุคคลที่มีการช่วงชิงระดับเพชรเชียวนะ
แววตาเสิ่นโป๋เม๋ยประกายและร้อนผ่าวเล็กน้อย ครั้งนี้เธอต้องได้ที่หนึ่ง
ต่อไปถ้าได้รับผิดชอบออกแบบเสื้อผ้าให้ท่านประธาน ก็ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะได้ไปมาหาสู่กัน
ทีนี้ก็คงจะเป็นโอกาสที่ดีที่สุดของเธอแล้ว หลังจากผู้จัดการให้ทุกคนรอ ตนเองก็เอางานเดินจากไปแล้ว
ถ้าเทียบกับพวกดีไซน์เนอร์ที่ตื่นเต้นและคึกคะนอง ดูเหมือนว่าเย้นหว่านจะเซื่องซึมไม่กระตือรือร้นเลย
ไม่ว่าท่านประธานเปลี่ยนเป็นใครก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอแล้ว ครั้งนี้เธอไม่ได้เข้ารอบก็ยังเป็นเด็กใหม่ของบริษัท
ปกติแม้แต่โอกาสที่จะได้เจอท่านประธานก็ยังไม่มีเลย ผ่านไปสักพักผู้จัดการกลับมาอีกครั้ง
ถึงแม้เสิ่นโป๋เม๋ยรู้สึกคาดไม่ถึงว่าจะไวขนาดนี้ แต่ก็เดินไปข้างหน้าอย่างตื่นเต้น
“พี่สวู่คะ ผลออกมาหรือยังคะ? ท่านประธานเลือกใครคะ?”
ผู้จัดการเดินอ้อมผ่านเธอ และเดินไปที่ตรงหน้าเย้นหว่าน พูดด้วยน้ำเสียงรีบร้อน
“เย้นหว่าน เอางานของเธอให้พี่”
“ห๊า?” เย้นหว่านมองผู้จัดการด้วยความแปลกใจ งานของเธอเลอะไปแล้วให้เธออีกทำไม?
ผู้จัดการอธิบาย “ท่านประธานดูรายชื่อที่เข้าแข่งขันครั้งนี้แล้ว ก็ไม่ให้ใครตกรอบก่อนล่วงหน้า
ไม่ว่างานของเธอจะเป็นยังไงก็ต้องส่งไป”
“งานที่เลอะแบบนั้นของเธอถ้าเอาให้ท่านประธานดู ไม่ใช่ให้แผนกดีไซน์อย่างพวกเราขายหน้าหรอคะ?”
เสิ่นโป๋เม๋ยพูดแขวะอย่างไม่พอใจ สายตาคนอื่นที่มองเย้นหว่านก็ไม่ค่อยดี เหมือนต่างก็กำลังโทษเธอ
เย้นหว่านรู้สึกห่อเหี่ยวใจ คนพวกนี้ต่างก็เห็นงานของเธอถูกเสิ่นโป๋เม๋ยสาดกาแฟใส่
แต่กลับไม่มีใครออกหน้าแทนเธอ เธอกัดฟันไว้ เก็บความรู้สึกกล้ำกลืนฝืนทนไว้
ยืดอกและเอางานที่เลอะคราบกาแฟส่งให้ผู้จัดการ “รบกวนผู้จัดการแล้วนะคะ”
ผู้จัดการเอางานไป ครู่นึงเธอก็กลับมาอีกรอบ เสิ่นโป๋เม๋ย
ครั้งนี้กลับไม่ค่อยมีความกระตือรือร้นเท่าไหร่แล้ว “พี่สวู่ มีเรื่องอะไรอีกหรอคะ?”
“ผลออกมาแล้ว” ผู้จัดการมองดูผู้คนที่อยู่ในห้องประชุมรอบนึง ท้ายสุดสายตาก็จ้องไปที่บนตัวของเย้นหว่าน ดูเหมือนว่าซับซ้อน “ เย้นหว่าน เธอถูกคัดเลือกแล้ว ตอนนี้ไปที่ออฟฟิศของท่านประธานหน่อย”
“อะไรนะคะ?” เย้นหว่านรู้สึกเหลือเชื่อ เธอสงสัยว่าหูตนเองฟังผิดไป สีหน้าของเสิ่นโป๋เม๋ยยิ่งช็อก
“เป็นไปได้ยังไง? พี่สวู่ มีอะไรผิดพลาดรึเปล่าคะ? งานออกแบบที่เลอะของ เย้นหว่าน
ไม่น่าจะถูกคัดเลือกได้นี่คะ”
“นี่คือการตัดสินของท่านประธาน” น้ำเสียงของผู้จัดการเคร่งขรึมขึ้น
“พวกเธอคนไหนมีความคิดเห็น ก็ไปคุยกับท่านประธานเอาเองนะ”
พูดคำนี้ออกมา ทันใดนั้นในห้องประชุมไม่มีใครกล้าวิพากวิจารณ์อีก
ต่างก็บอกว่าคนที่รับตำแหน่งใหม่ๆต้องทำเรื่องที่มีผลกระบ้าง
ถึงจะแสดงออกถึงความสามารถและความใจเด็ดของตนเอง และเป็นขั้นที่ต้องการได้รับการยอมรับมากที่สุด
ใครจะกล้าไปตั้งคำถามกับท่านประธานใหม่ในเวลานี้ล่ะ เสิ่นโป๋เม๋ยจ้อง เย้นหว่านด้วยความอิจฉา
ข่มขู่เสียงเบาอยู่ข้างกายเธอ “อย่าคิดว่าแกได้โอกาสครั้งนี้ก็จะพลิกตัวกลับมาได้นะ
ฉันยังมีเป็นร้อยวิธีที่เอาให้แกตายได้”
“รุ่นพี่เสิ่นคะ แพ้ให้น้องใหม่คนนึงนี่ถึงขั้นละอายใจและขุ่นเคืองจนโกรธเลยหรอคะ?”
เย้นหว่านหัวเราะเยาะ เธอไม่กลัวเสิ่นโป๋เม๋ย เพราะไม่ว่ายังไงเสิ่นโป๋เม๋ยก็กลั่นแกล้งเธออยู่ดี
เสิ่นโป๋เม๋ยโมโหจนย่ำเท้า สายตาที่มองเย้นหว่านอำมหิตมาก เย้นหว่านไม่ได้สนใจเธอต่อ
แต่ได้ตามผู้จัดการไปชั้นบนสุดออฟฟิศของท่านประธาน ยืนอยู่หน้าประตู เธอรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
ถึงแม้ครั้งนี้ท่านประธานได้เลือกผลงานของเธอ แต่เธอก็สงสัยมากทำไมเธอถึงถูกคัดเลือก?
ไม่ใช่เพราะผลงานที่เละของเธอดีมากอย่างแน่นอน
“ก๊อกๆๆ” เย้นหว่านยกมือเคาะประตูเบาๆ
“เข้ามา” ในออฟฟิศมีเสียงทุ้มต่ำของผู้ชายก้องมา เสียงมีแรงดึงดูดและมีเสน่ห์
แถมยังรู้สึกคุ้นหูด้วย เธอเคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อน? เย้นหว่านคิดไปคิดมาก็คิดไม่ออกว่าคือใคร
จึงได้แต่ผลักประตูออฟฟิศ พอเดินเข้าไป เธอก็เห็นร่างเงาที่สง่าผ่าเผยยืนอยู่ริมหน้าต่าง
แสงแดดที่สดใสนอกกระจกส่องอยู่บนตัวเขา เหมือนกับว่ามีทองคำที่สะดุดตาเคลือบอยู่ชั้นนึง
สูงส่ง ดูดีมีชาติตระกูล ยังมีความเยือกเย็นที่ดูห่างเหินด้วย ถึง เย้นหว่านจะเห็นแค่หลัง
แต่ก็อดตะลึงในความดูดีของเขาไม่ได้ และยิ่งกล้ามั่นใจว่าใบหน้าของเขาต้องหล่อมากแน่ๆ
“ท่านประธานคะ ดิฉันเย้นหว่านค่ะ” เย้นหว่านหยุดไว้ที่ระยะห่างห้าเมตร และยืนอย่างสุภาพเรียบร้อย
ผู้ชายค่อยๆหันมา สายตาที่แหลมคมจ้องเย้นหว่านไว้ตรงๆ เขาก้าวเท้าเดินมาหา เย้นหว่านทีละก้าว
ราวกับว่าเป็นภูเขาใหญ่ที่เดินมากดขี่ยังไงอย่างงั้น ด้วยจิตใต้สำนึกทำให้ เย้นหว่านถอยหลัง
เธอยังไงก็คิดไม่ถึงคนที่รออยู่ที่นี่จะเป็นโห้หลีเฉิน “คุณ คุณมาอยู่นี่ได้ยังไงคะ?”
เธอยังรู้สึกว่าตนเองโชคดี ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะเป็นท่านประธานคนใหม่และเป็นเจ้านายของเธอ
โห้หลีเฉินเดินเข้ามาใกล้เย้นหว่านทีละก้าว เธอถอยก้าวนึง เธอก็เดินเข้าใกล้ก้าวนึง
จนเธอหมดหนทางที่จะถอยหลังอีก เขาก้มหน้าเล็กน้อย มองเธอด้วยสายตาลึกซึ้ง
“เมื่อคืนทำไมถึงหนีไป?” เห็นได้ชัดว่าวันนี้เขามาคิดบัญชี