ตอนที่ 4 คุณน่ากลัวมาก
กวีภพมองเธอกลับไปอีกครั้ง ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกผิดนิด ๆ แล้วที่เผลอไปรับปากรับเลือดจากเธอเพื่อช่วยคนไข้ของเขาซึ่งรอการรักษา แม้จะไม่เร่งด่วนแต่กรุ๊ปเลือดพิเศษนี้ก็หายากมากจริง ๆ อัยเรศถึงกับส่งเลือดให้ที่แผนกอายุรกรรมตรวจจึงพบว่ามันเป็นเลือดหายากและช่วยชีวิตคนไข้ของเขาได้เธอจึงใช้เรื่องนี้มาสร้างเงื่อนไขให้เขาช่วยเธอ
“คุณน่ากลัวมากกว่าที่ผมคิด”
“เอาล่ะค่ะคุณหมอ วันนี้ฉันรู้สึกเหนื่อยแล้วคงต้องขอเวลาพักผ่อนสักหน่อย”
เธอเดินกลับไปที่เตียง เขาหันไปเรียกเธออีกครั้ง
“คุณอัยย์”
เธอเพียงแค่หันข้างให้เขาเพราะไม่อยากเห็นสายตาสมเพชที่เขาส่งมาให้ เธอรู้ตัวดีว่าตัวเองกำลังหลอกใช้ความเป็นหมอของเขาเพื่อทำตามความต้องการของเธอ แต่ในตอนนี้เขาเป็นเพียงคนเดียวที่เหมาะสมกับเรื่องนี้ที่จะช่วยเธอ ขอเพียงผ่านช่วงเวลาสัญญาพรีเซนเตอร์คู่กับชานนท์อีกสี่เดือน เธอก็จะปล่อยเขาไปเป็นอิสระ
“คุณหมอจะเปลี่ยนใจมานอนเฝ้าอัยย์เหรอคะ”
“ผมหวังว่าคุณจะใช้วิธีนี้ทำร้ายผมแค่คนเดียว จากนี้อย่าให้ใครโชคร้ายเหมือนผมอีก”
กวีภพเดินออกจากห้องของเธอไป อัยเรศที่เดินไปและเซจนเกือบจะนั่งที่เตียงไม่ไหวก็รีบหันไปคว้าเตียงคนป่วยเอาไว้ น้ำตาค่อย ๆ ไหลออกมาพร้อมกับความแค้นที่สั่งสมมาหลายวันมานี้
“ฉันจะไม่ให้คุณทรมานคุณไม่นานหรอกค่ะคุณหมอ”
ไม่นานเมื่อเธอนอนพัก ช่วงเย็นระรินก็กลับเข้ามาในห้องพร้อมกับข่าวที่ชานนท์และนีน่าถูกระงับงานไปหลายตัวเพราะงานแถลงข่าวของอัยเรศเมื่อวันก่อนที่พูดชัดเจนว่าเธอและชานนท์เป็นเพียงเพื่อนร่วมงานกันเท่านั้น
วันถัดมา
ระรินต้องรีบเข้าบริษัทเพื่อแจ้งกับต้นสังกัดและไปรับสัญญางานใหม่มาให้อัยย์อ่านและตรวจสอบ และวันนี้ก็เป็นวันที่หมอกวีภพติดผ่าตัดอยู่ดังนั้นจึงไม่มีใครเฝ้าในห้อง มีเพียงพยาบาลที่เห็นว่ามีคนมาเยี่ยมเธอและบางคนก็จำได้ว่าเป็นชานนท์
“ต้องเรียกคุณหมอหรือเปล่า”
“คุณหมอผ่าตัดอยู่น่ะสิ คงไม่มีอะไรละมั้ง”
“นั่นสิ”
ชานนท์เดินมาถามห้องกับพยาบาล เมื่อพวกเธอบอกเขาไปชานนท์ก็ยิ้มให้พร้อมกับหอบกุหลาบช่อใหญ่เข้าไปเยี่ยมอัยเรศในห้อง เมื่อเขาเดินเข้าไปก็เห็นว่าอัยย์นั่งอยู่ที่เตียงและหันมามองเขาด้วยท่าทีเรียบเฉย
“อัยย์ ผมมาเยี่ยม”
เธอไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่มองดอกกุหลาบช่อใหญ่ที่วางอยู่ที่โต๊ะและเดินเข้ามาจนเกือบชิดแต่เธอรีบพูดออกไป
“ยืนอยู่ตรงนั้นเถอะค่ะพี่ชัด อัยย์ไม่สะดวกรับแขกเท่าไหร่เพราะยังมีไข้อยู่ไม่ต้องเข้ามาใกล้มาก”
“แต่ว่าพี่เป็นห่วง”
อัยย์รู้อยู่แล้วว่าวันหนึ่งชานนท์ต้องมาเยี่ยมเธอเพราะเขาเริ่มกังวลว่าจะไร้งานโดยที่ไม่มีเธอเป็นตัวดัน เพราะตลอดเวลาหากเขาไม่มีเธอเพื่อเกาะกระแสก็ไม่มีใครจะมองเห็นคนอย่างชานนท์
“อัยย์เป็นยังไงบ้าง พี่งานยุ่งจนแทบปลีกตัวมาไม่ได้เลย ตั้งแต่งานแถลงข่าวพี่ก็อยากมาแต่ว่าผู้ใหญ่สั่งห้าม”
(ผู้ใหญ่หรือผู้หญิงกันแน่ที่ห้าม) / อัยย์
“ที่อัยย์ตอบนักข่าวไปนั่นเหมือนกับการหักหน้าลูกค้าเลยนะ ตอนนี้ลูกค้าหลายคนที่เราเป็นพรีเซ็นเตอร์เริ่มไม่พอใจแล้ว อีกอย่างตอนนี้งานพวกเรากำลังไปได้สวยรอแค่อัยย์ออกจากโรงพยาบาลพวกเราก็ถ่ายงานต่อได้เลย ถ้าเรายังเป็นคู่จิ้นกันอยู่แบบเดิมพี่ว่างานของเราจะไหลเข้ามาเรื่อย ๆ”
“เหรอคะ อัยย์สำคัญขนาดนั้นเลยเหรอคะสำคัญเพราะเป็นตัวดูดงานมาให้สินะคะ”
“ไม่ใช่นะอัยย์อย่าเข้าใจผิดแบบนั้นสิ ไม่มีอัยย์พี่ก็คิดถึงนะ แต่ที่พี่มาไม่ได้อัยย์ก็รู้ว่าคนอย่างพวกเราจะไปไหนมาไหนก็มักจะถูกจับตามองอยู่ตลอด”
“นั่นสินะคะ ทั้ง ๆ ที่พี่ชัดก็รู้ว่ามีคนจับตามองอยู่แต่ก็ไม่กลัวที่จะต้องเป็นข่าวกับน้องนีน่าเลยนี่คะ”
“เอ่อ… ไม่ใช่นะนั่นน่ะเป็นแผนการโปรโมทของสินค้าใหม่เท่านั้นเอง อัยย์ก็รู้ว่าพี่กับน้องใหม่คนนั้นต้องถ่ายงานด้วยกันดังนั้นที่พวกเขาเจอก็ล้วนเป็นที่สาธารณะแล้วก็เขียนข่าวไปเอง อัยย์ก็รู้เรื่องพวกนี้ดีนี่”
“เหรอคะแต่ที่อัยย์รู้จากคนอื่น ๆ มา ทั้งสตูดิโอถ่ายภาพ ทั้งห้องเสื้อที่พูดว่าได้ยินเสียงแปลก ๆ ในห้องส่วนตัวพวกเขาไม่ได้พูดแบบนี้”
ชานนท์อึ้งค้างเพราะไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะมาถึงหูของอัยเรศได้ เขากับนีน่าแม้จะทำเรื่องแบบนั้นแต่ก็คิดว่าจะไม่มีใครรู้เห็นเพราะเงินที่ปิดปากพวกช่างแต่งหน้าทำผมที่จ่ายไปก็มากพอที่จะปิดปากได้ไม่ใช่เหรอ คิดไม่ถึงว่าอัยย์ที่นอนอยู่โรงพยาบาลจะรู้เรื่องนี้ด้วย อีกอย่างอัยย์ก็ยังมีคลิปที่เขากับนีน่าจูบกันในห้องแต่งตัวอีกด้วย
“คือว่า อัยย์เรื่องนี้พี่อธิบายได้”
“อธิบายได้แต่อัยย์ไม่อยากฟัง เรื่องมันจบไปตั้งแต่วันที่พี่เริ่มคิดและทำสิ่งที่ผิดลับหลังอัยย์แล้ว ขอบคุณที่มาเยี่ยมนะคะ เชิญออกไปเถอะค่ะ”
“ไม่นะอัยย์ พี่ไม่เลิกกับอัยย์เด็กนั่นก็แค่ของคั่นเวลาอัยย์ก็รู้ พวกเราคบกันมาตั้งหลายเดือนอัยย์ก็รู้ว่าพวกเราเข้ากันได้ดีที่สุด”
“แต่อัยย์ไม่ชอบคนที่หักหลัง ลับหลังแอบไปกินของเน่า ๆ ขอโทษนะคะพี่ชัดแต่อัยย์ขยะแขยงพี่เต็มทีแล้ว”
“อัยย์ นี่คุณกล้าพูดแบบนี้เลยเหรอ!!”
“หึ กล้าทำแต่ไม่กล้ารับ สารเลว”
“คิดว่าวิเศษมากจากไหนงั้นเหรอ คิดว่าเป็นนางเอกแล้วใครก็อยากจะง้อหรือไง ฟังให้ดี ๆ นะ ผมอดทนกับคุณมามากแล้วทั้งท่าทางเย่อหยิ่งเหมือนตัวเองเป็นเจ้าหญิง ไหนจะยังสายตาเหยียดคนที่คุณชอบใช้มองคนอื่น ความเอาแต่ใจและหวงเนื้อหวงตัวถ้าหวงนักจะเลือกอาชีพนี้ทำไมมิทราบ สมควรแล้วที่เขาเรียกกันลับหลังว่า สวยสมองกลวงแล้วยังหลงตัวเอง!!"
“ออกไปนะ!!”
“ทำไม แค่นี้ก็รับไม่ได้แล้วเหรอ”
“หึ อย่างน้อยฉันก็โด่งดังได้ด้วยตัวเองไม่ต้องเที่ยวเกาะผู้หญิงดังเหมือนคนบางคนก็แล้วกัน”
“อัยเรศ!! เกินไปแล้วนะ”
“ไม่เกินไปหรอก คุณเองต่างหากที่ไม่รู้ตัวพ่อพระเอกเจ็ดสิบเทค คุณไม่รู้เลยเหรอว่าพวกผู้กำกับและทีมงานระอาคุณมากขนาดไหน ไม่รู้เลยเหรอว่าเขาให้คุณมาเล่นละครกับฉันเพราะอะไร”
“อย่าพูด!!”
“เพราะไม่มีใครจะแสดงกับท่อนไม้ ก้อนหินอย่างคุณได้ยังไงล่ะ ห้าปีที่เข้าวงการมาฝีมือยังย่ำอยู่กับที่ไม่พัฒนาไปเลยสักนิด!!”
“อัยย์!!”
“เพี๊ยะ!!”
ฝ่ามือหนาฟาดไปที่หน้าบาง ๆ ไร้เครื่องสำอางของอัยเรศที่นั่งอยู่บนเตียง แม้ว่าคนที่ลงมือจะตกใจไม่น้อยที่เผลอตบเธอไปแต่ตอนนี้เขากลับไม่นึกเสียใจและหันไปยิ้มเยาะเธออีกครั้ง
“สมควรโดนแล้ว นี่มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ”
“หึ ที่แท้ก็แค่นี้เอง ไอ้หน้าตัวเมียรังแกแม้กระทั่งผู้หญิง”
“ว่าไงนะ”
“เพี๊ยะ!! ผลัวะ!!….”
“ปล่อยนะ อ๊อก!!”
อัยย์พยายามกดกริ่งเพื่อเรียกพยาบาลแต่กลับไม่ทันเพราะชานนท์คว้าสายเอาไว้และดึงทิ้งและหันมาตบตีเธอจนสายน้ำเกลือของเธอหลุดออกจากแขนจนหมอกวีภพและพยาบาลเข้ามาในห้องและรีบตะโกนเพื่อให้เขาหยุด
“หยุดนะ!! เรียก รปภ. เร็วเข้า!!”
“อัยย์!!” / หมอกวีภพ
รปภ. เข้ามาพร้อมกับจับตัวของดาราหนุ่มเอาไว้ กวีภพรีบหันมามองดาราสาวที่นั่งหอบอยู่ที่พื้น ปากเธอแตกเพราะถูกชานนท์ตบไปสองครั้งพร้อมกับมือที่เปื้อนเลือดที่พยายามบอกหมอภพว่าเธอถูกเขาชกที่ท้องทำให้พูดไม่ออก สิ่งนี้เองที่ทำให้กวีภพทนไม่ได้จนเขาต้องหันมาสั่ง รปภ. ด้วยเสียงที่ดุดัน
“จับตัวเขาไปที่ห้องพักของผม เรียกตำรวจมาที่นี่เรื่องนี้ผมจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด!!”