4| แต่งงานกับพี่นะ
“ณิชา”
บุหรี่อยู่ในมือของฉันอีกหนึ่งมวน สูบบุหรี่ในห้องทำงานไม่ใช่เรื่องดีเลยสักนิด ให้เกียรติโซฟาตัวละหลายหมื่นหน่อยสิ สูทราคาแพงที่ใส่นั่นอีก บางครั้งฉันก็ไม่เข้าใจพี่เต้เหมือนกัน มีอะไรก็พูดออกมาสิไม่ใช่เก็บไว้คนเดียวแบบนี้
“คะ”
“อย่าท้าทายพี่”
“พี่เป็นแบบนี้ณิก็อึดอัดเหมือนกันนะคะ เราจะทำงานร่วมกันแล้วมีเรื่องอะไรในใจเราคุยกันได้ไม่ใช่หรือคะ ในเมื่อมันคือเรื่องงาน” เขายังเงียบและทำท่าจะจุดบุหรี่ต่อ “ถ้าพี่สูบ ณิก็จะสูบ แล้วก็กรุณาย้ายโต๊ะออกไปด้านนอกให้ณิด้วยนะคะ”
“อ๊ะ” ตัวฉันลอยไปอยู่บนตักพี่เต้ ตกใจเพราะไม่ทันตั้งตัว
“เถียงเก่งแบบนี้พี่ไม่ชอบเลยรู้ไหม”
“ไม่ชอบก็ปล่อยสิคะ”
“อย่าดิ้น” ฉันไม่ฟังยังดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนเขาไม่สนใจ “บอกว่าอย่าดิ้นไง” เสียงกระซิบแหบพร่าทำฉันขนลุกซู่ทั้งตัว
“ปล่อยณิได้แล้วค่ะ”
“ไม่ปล่อย”
“พี่เต้”
“อยากรู้ไม่ใช่เหรอว่าพี่เครียดเรื่องอะไร” บอกแต่แรกก็จบทำไมต้องฉุดมานั่งตัก รู้ไหมว่าใจมันเต้นแรง ไม่อยากหลุดเรื่องน่าอายออกให้เขาได้ยิน เป็นแบบนี้ทุกครั้งที่ได้ใกล้ผู้ชายคนนี้
ฉันชอบพี่เต้ ชอบมาก คลั่งยิ่งกว่ายัยบุ้งคลั่งพี่ตฤณคิดว่างั้น หรือว่าเลเวลเดียวกันก็ไม่รู้สิ รู้แล้วว่าคลั่งมันเป็นยังไง ทำได้แค่อ่อยนิดๆ อ้อนหน่อยๆ ผ่านมาแล้วหลายปีก็ยังไม่สำเร็จสักที
ได้แค่คุย ส่งยิ้มและทำตัวบ้าๆ บ๊องๆ ตามสไตล์ของฉันให้เขาเห็น เผื่อสักวันจะถูกเอ็นดูและถูกสอยไปใช้งานบ้าง
ยังมองไม่เห็นความสำเร็จสักนิด จนเรียนจบแล้วก็ยังคว้าใจพี่เต้ไม่ได้สักที แผนแต่งงานของเพื่อนจำเป็นต้องเลื่อนออกไปเพราะฉันไม่สามารถฉุดพี่เต้มาทำผัวได้ คงไม่มีวัน ไม่มีวันหรอก
กำแพงที่พี่เต้สร้างไว้สูงเกิน ขาฉันสั้นข้ามไม่ไหว ผู้ชายเพอร์เฟกอย่างพี่เต้คงอยากมีคู่ชีวิตที่ดีกว่าเด็กล้นๆ อย่างฉัน
ถ้าฉันได้ครึ่งของพี่แพรวมาคงดี ทั้งเก่งแล้วก็สวยจนหนุ่มๆ ตามจีบตรึม แต่คงเป็นไปไม่ได้เพราะเรามีสายเลือดแปลกแยกกัน พี่แพรวได้แม่พลอยมาเต็มๆ แม่เลี้ยงที่ฉันเคารพรักไม่รู้ว่าท่านจะคิดอย่างที่ฉันรู้สึกหรือเปล่า
“อยากให้หายเครียดก็อยู่เฉยๆ สิ” ชอบนะไม่ใช่ไม่ชอบ หวังลึกๆ ว่าสักวันฉันจะทำให้พี่เต้รักได้
“มันช่วยยังไงคะ ไม่เห็นเข้าใจเลย”
“ถ้าปล่อยเธอไปก็คงจะพูดไม่หยุด พี่ไม่ชอบผู้หญิงพูดมาก” ออ ฉันจะจดเอาไว้ว่าพี่เต้ไม่ชอบผู้หญิงพูดมาก แต่เรื่องนี้รู้มาจากพี่ตฤณแล้วล่ะ ฉันทำไม่ได้หรอก ให้หยุดพูดเอามีดมาปาดคอควักลิ้นไก่ฉันออกมาเสียดีกว่า
“อยู่บนนี้ณิก็พูดไม่หยุดได้นะคะ”
“พี่มีวิธีทำให้หยุด อยากลองไหม” ฉันรีบส่ายหน้าแม้ข้างในส่งเสียงประท้วงว่าอยากโดน ผู้ชายอย่างพี่เต้อันตรายมากกว่าพี่ตฤณหลายสิบเท่า ภายนอกสุภาพและเป็นสุภาพบุรุษแต่อย่าเผลอปล่อยตัวยอมให้เขาแตะต้อง นั่นคือสิ่งที่ไม่น่าให้อภัย
ร้ายยิ่งกว่าเสือล่าเหยื่อ เสือมันล่าแล้วยังกินเหยื่อ แต่พี่เต้ล่าแล้วทิ้งเหยื่อโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย
“บอกได้ไหมคะว่าเรื่องอะไร”
“เธอเป็นห่วงพี่ จริงๆ ใช่ไหม”
“พี่เต้มีอะไรหรือเปล่าคะ ณิไม่เข้าใจ พี่อยากพูดอะไรก็พูดออกมาเถอะค่ะ”
“พี่มีข้อเสนอให้เธอ” ฉันนั่งนิ่งแทบหยุดหายใจ ข้อเสนอที่ว่าคืออะไร เข้ามาทำงานยังไม่ถึงครึ่งวันก็ถูกยื่นข้อเสนอให้ลาออกแล้วเหรอ ฉันยังไม่อยากลาออก ได้ใกล้ชิดขนาดนี้แล้ว ได้โปรดอย่าเพิ่งไล่ฉันออกเลย เพื่อนฉันอยากแต่งงาน
“ข้อเสนออะไรคะ ถ้าจะไล่ณิออก ณิไม่ออกนะคะ” ฉันพูดดักทางไว้ก่อน
“ฟังก่อนสิ พี่จะไล่เธอออกทำไม”
“ไม่รู้สิคะ ดักไว้ก่อน ณิอยากทำงานสร้างเนื้อสร้างตัวได้เร็วๆ” ฉันไม่อยากแบมือขอเงินจากพ่ออีกแล้ว อยากยืนด้วยขาของตัวเองให้พ่อเห็นและภูมิใจในตัวฉันบ้าง แม้จะเป็นแค่ลูกจ้างไม่ใช่หัวหน้าใหญ่โต ฉันจะค่อยๆ เรียนรู้พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น
“ขาดเหลืออะไร บ้านก็รวย ทำไมต้องสร้างเนื้อสร้างตัวด้วย”
“อยากให้พ่อภูมิใจค่ะ”
“คิดดี”
“ขอบคุณค่ะที่ชม ว่าแต่พี่เต้จะเสนออะไรคะหรือว่าจะย้ายณิไปแผนกอื่น” พยายามขยับหาจังหวะลงจากตักเขา แต่ว่า..ไม่ง่ายเลย จับทางถูกไม่มีช่องว่างให้ฉันเอาตัวรอดได้เลย
“น้องสะใภ้พี่ท้อง พี่กำลังจะมีหลาน” คราวนี้ฉันนิ่งไม่ยอมขยับแล้วหันไปมองหน้าพี่เต้ ใบหน้าที่เคยเคร่งขรึมและเย็นชาเริ่มมีรอยยิ้มน้อยๆ ปรากฏ ดูน่ารักขึ้นเป็นกอง
“แบบนี้พี่เต้ก็กำลังจะเป็นลุงใช่ไหมคะ ส่วนณิก็กำลังจะเป็นป้า”
“นั่นสิ” ฉันฉีกยิ้มกว้าง ผักบุ้งกำลังจะเป็นคุณแม่ ส่วนฉันก็กำลังจะมีหลานตัวน้อยๆ ให้วิ่งตาม ดีใจกับเพื่อนจริงๆ
“ยินดีด้วยนะคะ ทำไมไม่ยอมโทรมาบอกบ้างนะ” ฉันแอบบ่นเพื่อนสนิท ข่าวดีแบบนี้น่าจะแจ้งบ้าง ฉันจะได้มีเรื่องขิงกับพี่เต้มากกว่านั่งยิ้มบนตัวเขาแบบนี้
ข่าวดีของน้องสะใภ้แต่ทำไมเขาเครียดล่ะ
“คงกำลังยุ่ง ไอ้ตฤณโทรบอกทุกคนแต่เช้าพี่ยังไม่ตื่นด้วยซ้ำ”
“ดื่มหนักหรือเปล่าคะ กลิ่นยังจางๆ อยู่เลย” ใกล้กันขนาดนี้ได้กลิ่นอยู่แล้ว เมื่อคืนอาจจะดึก อยากรู้ว่าพี่เต้หิ้วสาวกลับมาด้วยหรือเปล่า พอคิดแบบนั้นก็จุกแปลกๆ
“นิดหน่อยกับลูกค้า”
“พี่เต้เครียดอะไร บอกณิได้ไหมคะ ไม่ใช่เรื่องงานณิก็รับฟังได้ค่ะ”
“พี่ต้องแต่งงาน”
“คะ” คราวนี้ฉันตกใจแล้วดันตัวเองหลุดจากร่างหนามาได้ พี่เต้บอกว่าต้องแต่งงาน แต่งกับใคร? หาเจ้าสาวได้แล้วเหรอ
“แต่งงานกับพี่นะ” หน้าฉันตอนนี้คงตลกมาก ทั้งดวงตาแล้วก็ปากแข่งกันขยายเต็มที่ ไม่คิดว่าประโยคนี้จะหลุดออกมาจากปากพี่เต้
ขอแต่งงานไม่ใช่เรื่องเล็ก นี่มันคือเรื่องใหญ่ระดับชาติเลยนะ ผู้บริหาร TS Momster ขอผู้ช่วยเลขาแต่งงาน
“ช่วยตบหน้าณิหน่อยได้ไหมคะ”
“ช่วยตบคงไม่ได้ เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นแทนได้ไหม” ฉันนึกหวั่น เห็นขรึมๆ แบบนี้ใช่ว่าจะเจ้าเล่ห์ไม่เป็น ครั้งที่แล้วเรื่องบุหรี่ฉันก็โดนฉวยโอกาสแม้จะชอบแต่พี่เต้ก็ควรบอกฉันก่อน จะได้เตรียมตัว ^^
“พี่เต้พูดเล่นใช่ไหมคะ”
“พี่ดูเป็นคนขี้เล่นขนาดนั้นเลย? “
“ไม่ใช่ค่ะ คือ เรื่องแต่งงานไม่ใช่เรื่องพูดเล่น อีกอย่างณิกับพี่ก็ยังไม่เริ่มเป็นแฟนกัน ขอแต่งงานแบบนี้ข้ามขั้นไปหรือเปล่าคะ”
“ไม่มีเวลาหรอก บุ้งท้องแล้ว แล้วไอ้ตฤณก็ยืนยันหนักแน่นว่าจะไม่ยอมแต่งงานจนกว่าพี่จะแต่งก่อน”
“เพราะแบบนี้พี่ก็เลยมาขอณิแต่งงาน” ทั้งๆ ที่ไม่มีรักและความรู้สึกที่ดีเหมือนคู่รักทั่วไปงั้นเหรอ
“เป็นของขวัญให้หลาน” แล้วฉันล่ะ? เขาเห็นฉันเป็นอะไร
“เอ่อ ณิ”
“ถ้าลำบากใจหรือว่าฝืนใจมากจนเกินไปก็ไม่เป็นไร”
“แต่งค่ะ ถ้าประโยคเมื่อกี้พี่เต้ถามณิ ณิตกลงค่ะ” ปากไวกว่าใจ ไม่รู้สิ ใจอาจรอคำถามนี้อยู่ก็ได้ แม้ไม่รู้สึกว่าคำขอนั้นออกมาจากใจก็ไม่เป็นไร
“พี่รู้ว่าเราก็อยากเห็นเพื่อนแต่งงาน”
“พี่เต้ก็เหมือนกันใช่ไหมคะ ณิก็อยากทำเพื่อหลานเหมือนกัน” ใจจริงแล้วฉันแอบชอบพี่เต้ เรียกว่ารักเลยก็ได้ เมื่อก่อนตามว่าเพื่อนอยู่ทุกวันว่าไอ้โรคคลั่งรักเนี่ยไม่ทำให้ชีวิตมีความสุขหรอก ตอนนี้รู้แล้วว่าการคลั่งรักคือความสุขอย่างหนึ่ง
“แน่ใจ”
“ค่ะ ณิแน่ใจค่ะ”
“อืม พี่อยากให้งานเกิดขึ้นเร็วที่สุด ไม่อยากให้ผักบุ้งถูกคนอื่นนินทาว่าท้องก่อนแต่ง ครอบครัวเขามีหน้ามีตา พี่อยากให้เกียรติฝ่ายหญิงมากที่สุด” ความน่ารักของพี่เต้คือใส่ใจทุกคนในครอบครัว วันหนึ่งฉันก็ต้องเข้าไปอยู่ในนั้นอยากรู้จังว่าเขาจะเอาใจใส่ฉันแบบนี้หรือเปล่า “พี่จะให้พ่อไปคุยกับพ่อแม่เธอ สะดวกเมื่อไหร่ แจ้งพี่ได้นะ”
ครอบครัวอย่างนั้นเหรอ
“ค่ะ” คงไม่มีใครสนใจหรอก ข้ามขั้นเรื่องผู้ใหญ่ไปเลยได้ไหม
