บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 เมียจัดฉาก 1

“โธ่เสี่ย ขอผัดไปอีกสักเดือนไม่ได้เหรอคะ ปรางก็หาเงินเต็มที่แล้ว แต่ยังหาไม่ได้เลย นะเสี่ยนะ ขอผัดไปอีกเดือนก็แล้วกัน ถือว่าเสี่ยเมตตาลูกนกลูกกาตาดำๆ ก็แล้วกันนะเสี่ย”

ภัทรียาอ้อนวอนเจ้าหนี้รายใหญ่ของค่ายมวย เมื่ออีกฝ่ายมาทวงหนี้ด้วยตัวเองถึงที่ แต่ก็ดูจะไม่ได้ผลสักเท่าไหร่ เนื่องจากเสี่ยหมีได้รับคำขอร้องประโยคนี้เธอหลายครั้ง ทว่าไม่เคยได้รับการใช้หนี้จากภัทรียาเต็มจำนวนเงินอย่างที่บอกสักที เธอมักใช้หนี้ส่วนหนึ่งของเงินต้นและดอกเบี้ยเท่านั้น

“ลื้อพูดอย่างนี้มาหลายครั้งแล้วนะ แต่ก็ไม่เคยให้อั๊วได้เลยสักครั้ง ถึงจะให้ก็ให้แค่สามสี่พันเถอะ มันก็ยังไม่พอค่าดอกเบี้ยด้วยซ้ำไป แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่หนี้ที่พ่อลื้อค้างอั๊วจะหมด คราวนี้อั๊วไม่ผ่อนผันให้แล้วนะ ลื้อจะต้องหาเงินมาใช้หนี้อั๊วให้หมด ไม่อย่างนั้นอั๊วจะยึดค่ายมวยของลื้อตามสัญญา”

เสี่ยหมีที่มีรูปร่างเหมือนกับชื่อพูดเสียงแข็ง จำนวนหนี้สินที่จ่าดาบกู้ไปมีมูลค่าสามแสนห้าหมื่นบาท ซึ่งจ่าดาบไม่เคยจ่ายเงินต้นเลย จ่ายแต่ดอกเบี้ยมาตลอดสามปี และพอจ่าดาบเสียชีวิต ภาระหนี้สินก็ตกมาอยู่กับครอบครัว ซึ่งภัทรียาแบกรับภาระไว้แต่เพียงผู้เดียว ทว่าเธอก็ยังไม่สามารถปลดหนี้ได้ เพราะนอกจากค่าใช้จ่ายในค่ายมวยที่มีไม่ใช่จำนวนน้อยๆ ในแต่ละเดือนเท่านั้น ภัทรียายังต้องเลี้ยงดูมารดา น้องสาว และหลานสาวอีกด้วย บนบ่าของหญิงสาวจึงหนักอึ้ง

“โธ่เสี่ย ไหนๆ ก็ผ่อนผันมาตั้งหลายปีแล้ว จะผ่อนผันอีกสักนิดจะเป็นไรไป คราวนี้รับรองว่าปรางจะหาเงินมาให้เสี่ยได้แน่นอน เพราะปรางจะขึ้นชกปลายเดือนหน้า ปรางชนะใสๆ ได้เงินชัวร์ค่ะ” ภัทรียาพูดอย่างมั่นใจในฝีมือตัวเอง แต่อีกฝ่ายกลับไม่มั่นใจ

“แล้วถ้าเกิดลื้อแพ้ล่ะ อั๊วก็ไม่ได้เงินอยู่ดี ไม่รู้ละ ก่อนปีใหม่ลื้อจะต้องหาเงินมาใช้หนี้อั๊วให้ได้ ไม่อย่างนั้นอั๊วจะยึดค่ายมวยของลื้อ”

คำประกาศิตของเสี่ยหมีทำให้ภัทรียาตกใจ เพราะไม่คิดว่าเจ้าหนี้จะให้เวลาเธอหาเงินจำนวนมากในระยะเวลาไม่กี่วัน ซึ่งเธอหาไม่ได้พันเปอร์เซ็นต์ เท่ากับว่าค่ายมวยแห่งนี้จะตกเป็นของเสี่ยหมีไปโดยปริยาย ไม่ได้ เธอยอมให้เป็นเช่นนั้นไม่ได้

“เสี่ยให้เวลาปรางแค่สี่วัน ปรางจะหาเงินจากไหนเป็นแสนๆ มาให้เสี่ยได้ล่ะ อย่างนี้มันมัดมือชกกันชัดๆ” ลูกหนี้โวยใส่

“นั่นมันก็เรื่องของลื้อ อั๊วให้เวลามามากพอแล้ว ถึงเวลาที่อั๊วจะต้องจัดการหนี้สินที่คาราคาซังมานานซะที ก่อนสิ้นปีนะอย่าลืม อั๊วไปละ” เสี่ยหมีไม่รอให้ลูกหนี้ขอผัดผ่อนหรืออ้อนวอน เขารีบลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากค่ายมวยทันที

“แล้วจะทำยังไงล่ะทีนี้ เหลือเวลาแค่สี่วันจะหาเงินจากที่ไหนมาใช้หนี้ไอ้อ้วนจอมเขี้ยว”

จ่าเอกรับรู้ปัญหาของภัทรียามาตลอด แต่เขาไม่รู้ว่าจะช่วยอย่างไร เงินทองเขาก็มีไม่มากพอที่จะให้หยิบยืม ครั้นจะไปหาเจ้าของเงินกู้รายอื่นก็ไม่ได้ เพราะต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน

“ยังไม่รู้เลยครู คิดไม่ออก” เจ้าของค่ายมวยพูดเสียงเนือย สีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัด

“สี่วันกับจำนวนเงินเกือบสี่แสนห้ามันดูจะเป็นไปไม่ได้นะ” จ่าดาบก็พลอยกลุ้มไปด้วย

“อย่าว่าแต่สี่วันเลยครู สี่ปีจะหาได้หรือเปล่า เฮ้อ”

ภัทรียากลัดกลุ้มไม่น้อย ค่าใช่จ่ายในบ้านแม้ว่าจะเขียมแบบสุดๆ ก็ยังไม่พอ เนื่องจากเธอต้องเจียดเงินที่หามาได้จ่ายให้นักมวยในค่ายที่ต่างรู้ดีว่าค่ายมวยกำลังประสบปัญหาด้านการเงินอย่างหนัก แต่พวกเขาก็ไม่คิดจะทอดทิ้ง ได้เงินจากการชกมวยชนะก็แบ่งมาให้เธอตามข้อตกลง ไหนจะเรื่องอุปกรณ์ซ้อมมวยหลายอย่างที่เก่าจนใช้งานไม่ได้ก็ต้องซื้อมาทดแทน แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ได้ซื้อ เพราะราคาของนั้นหลักหมื่นขึ้นไปทั้งสิ้น

“ครูเองก็ไม่มีซะด้วย ถ้ามีก็จะให้ยืม”

“ไม่ต้องหรอกครู แค่ครูมาฝึกสอนให้ปรางกับนักมวยในค่ายฟรีๆ ไม่คิดตังค์ แค่นี้ปรางก็ไม่รู้จะตอบแทนยังไงแล้ว ถ้าไม่มีครู ปรางกับนักมวยในค่ายก็คงไม่มีเทคนิคอะไรไปสู้คนอื่นเขา” ภัทรียาสำนึกในบุญคุณจ่าเอกที่มีต่อเธออย่างเสมอต้นเสมอปลาย

“ก็ช่วยๆ กัน ไว้เอ็งมีเยอะก็ค่อยมาแบ่งให้ข้าใช้ก็แล้วกัน หรือไม่ก็เอาแชมป์นักมวยสมัครเล่นหญิงมาให้ข้าก็ได้นะ” รางวัลสำหรับครูแก่ๆ เช่นเขา คงไม่มีอะไรดีไปกว่าความสำเร็จของลูกศิษย์

“แน่นอนครู ปรางจะเอาแชมป์มวยสมัครเล่นมาให้ครูให้ได้” นักมวยสาวพูดอย่างมั่นใจ

“ข้ากลับก่อนนะ วันนี้ไอ้ม่อนมันจะกลับบ้าน มันให้ข้าทำแกงส้มมะรุมให้กิน”

“จ้ะครู สวัสดีจ้ะ” ภัทรียาพนมมือไหว้จ่าเอก ก่อนจะนั่งเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ตัวอย่างหมดเรี่ยวแรง กลัดกลุ้มกับปัญหาที่รุมเร้าอย่างหนักจนเธอคิดไม่ออกว่าจะเดินไปทิศทางใดดี

ระหว่างที่เจ้าของค่ายมวยจ่าดาบ ศิษย์จอมทองกำลังกลุ้มใจอยู่นั้น สุมณฑาก็วิ่งเข้ามาในค่ายมวย ใบหน้าของเธอเกลื่อนไปด้วยรอยยิ้ม ผิดกับดวงหน้าของภัทรียาอย่างสิ้นเชิง

“ปราง ฉันมีข่าวดีจะมาบอกแก” ด้วยความดีใจที่มีมาก ทำให้สุมณฑาไม่ทันสังเกตสีหน้าของเพื่อนรักว่าเวลานี้เหมือนแบกโลกไว้ทั้งใบ

“เรื่องอะไร” ภัทรียาถามเสียงเนือย ไม่ยินดียินร้ายกับทีท่าดีใจของเพื่อน

“ฉันได้งานแล้วนะ เมื่อกี้นี้บริษัทที่ฉันไปสมัครงานเพิ่งโทร. มาบอกผล ฉันเลยรีบมาบอกแก หมอดูต้นมะยมทายไว้แม่นจริงๆ” สุมณฑารีบบอกข่าวดีที่เพิ่งได้รับมาสดๆ ร้อนๆ

“อืม ฉันดีใจด้วย”

คนที่กำลังตกอยู่ในอาการดีใจชะงักกึก เมื่อเห็นใบหน้าของเพื่อน รวมทั้งได้ยินน้ำเสียง ทำให้เธอรู้ทันทีว่าภัทรียากำลังทุกข์ใจ

“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าปราง หน้าแกดูไม่ดีเลย” สุมณฑาถามเพื่อน

ภัทรียาเงยหน้ามองเพื่อนรัก น้ำตาคลอเบ้าทันใด เธอโผกอดสุมณฑาราวกับว่ากำลังหาที่พึ่งทางใจ

“เสี่ยหมีให้เวลาฉันแค่สี่วัน ให้หาเงินมาให้ทั้งต้นทั้งดอก ฉันจะทำยังไงดีล่ะแก ถ้าหาไม่ได้ค่ายมวยของพ่อก็จะถูกยึด ไม่เห็นเหมือนกับที่หมอดูต้นมะยมบอกเลยว่าฉันจะรักษาค่ายมวยของพ่อไว้ได้ ฮือ”

พอได้ยินเรื่องทุกข์ใจของภัทรียา สุมณฑาก็ทุกข์ตามไปด้วย จะว่าไปเรื่องนี้ก็ยืดเยื้อมานาน เสี่ยหมีผ่อนปรนมาถึงสี่ปี ถ้าจะถึงเวลาที่เขาเฉียบขาดขึ้นมาก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ระยะเวลาเพียงแค่สี่วันมันก็ดูเหี้ยมโหดไปหน่อยสำหรับคนที่ไม่มีเงินพอ

“เอาน่าแก แกอย่าเพิ่งหมดหวังสิ เหลืออีกตั้งสี่วันไม่ใช่เหรอ บางทีอาจมีปาฏิหาริย์กับแกก็ได้นะ ใจเย็นๆ นะปราง”

สิ่งที่สุมณฑาทำได้ก็มีแค่ปลอบใจ ฐานะของครอบครัวเธอกับภัทรียาก็ไม่ต่างกัน มีหนี้สินล้นพ้น บ้านที่เธออยู่ตอนนี้ก็เช่าเขา

“ปาฏิหาริย์มีจริงเหรอกระแต ฉันว่าไม่มีหรอก”

“มีจริงสิแก ไม่งั้นเขาจะมีคำคำนี้ในพจนานุกรมเหรอ แกใจเย็นๆ นะ ทุกทางตันมักมีทางออกเสมอ”

“แต่ทางตันของฉัน ฉันคิดว่ามันไม่มีทางออกนะ ตันแล้วตันเลย” ผู้พูดดันร่างตัวเองออกห่างร่างของเพื่อน ใช้มือปาดน้ำตาแห่งความทุกข์ที่ไหลอาบแก้ม ภัทรียาพูดอย่างท้อแท้ใจ เธอคิดว่าตัวเองไม่อาจหาเงินได้ตามกำหนดแน่นอน

“ทำอะไรกันอยู่จ๊ะสาวๆ” เสียงที่ดังมาก่อนตัว ทำให้สองสาวที่ปรับทุกข์หันไปมองเจ้าของเสียงที่เดินนวยนาดเข้ามาในค่ายมวย

“อ้าวพี่จุ๋ม หาทางกลับบ้านได้ด้วยเหรอ”

สุมณฑาทักรุ่งราตรี ลูกพี่ลูกน้องทางมารดาที่ไม่ค่อยกลับบ้านบ่อยนัก ล่าสุดที่กลับมาก็เมื่อเดือนก่อน

“แหม แกนี่ปากเหลือเกินนะ เจอหน้าฉันแทนที่จะทักดีๆ ไม่มีเลย พูดประชดประชันตลอด” รุ่งราตรีโวยใส่ญาติ

“ก็พูดความจริงนี่นา” สุมณฑาสวนกลับ “ว่าแต่มาที่นี่ทำไม หรือแค่ผ่านมาเลยแวะมาทักทาย”

“เปล่าทั้งสองอย่าง ฉันตั้งใจมาหาปราง”

คำตอบของรุ่งราตรีเรียกความฉงนให้สองสาวจนต้องมีถามต่อ

“พี่จุ๋มมาหาปราง มาหาเรื่องอะไร” ภัทรียาสงสัยไม่น้อยที่อีกฝ่ายมาหา

“พี่มีข้อเสนอมาให้ปรางพิจารณา แล้วคิดว่าปรางจะต้องรับข้อเสนอแน่นอน” รุ่งราตรีเริ่มเรื่อง

“อย่าบอกนะว่า พี่จุ๋มจะชวนปรางไปเป็นของเล่นให้ผู้ชายเหมือนพี่น่ะ ถ้ามาชวนอย่างที่ฉันพูดละก็ แม่ตบคว่ำจริงๆ ด้วย” สุมณฑาทำเสียงและท่าทางขึงขัง เพราะอาชีพของอีกฝ่ายทำให้เธอคิดเช่นนั้น

“จะบ้าเหรอ ฉันไม่ชวนแกกับปรางลงเหวอย่างฉันหรอก แล้วฉันก็รู้ว่าแกสองคนไม่คิดจะทำแบบฉันหรอก” รุ่งราตรีปฏิเสธทันควัน ถึงเธอจะทำตัวไม่ดี แต่ก็ไม่คิดจะชักนำให้ญาติหรือคนรู้จักเดินตามแน่นอน ยิ่งเป็นสองสาวนี้ด้วยแล้วยิ่งไม่มีทางเข้าไปใหญ่ “ฟังที่พี่จะพูดก่อนนะปราง ฟังให้จบแล้วปรางค่อยตอบพี่”

“พี่จุ๋มจะพูดว่าอะไรล่ะก็พูดมาสิ”

“คือเรื่องมันเป็นอย่างนี้นะ…” รุ่งราตรีเล่าเรื่องราวที่ขันอาสา ภัทรียากับสุมณฑานั่งฟังไปอ้าปากค้างไป ไม่คิดว่าจะมีเรื่องเช่นนี้จริงๆ เป็นเรื่องเหลือเชื่อ เหนือความคาดหมายเป็นอย่างยิ่ง และไม่คิดว่าจะมีคนใช้วิธีนี้ตบตาบุพการีเพียงเพื่อไม่ให้โดนคลุมถุงชน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel