ตอนที่ 1
สะใภ้
ร่-า-น-ก-า-ม
ผู้เขียน กาสะลอง
ไม่อนุญาตให้สแกนหนังสือ
หรือคัดลอกเนื้อหาส่วนใดส่วนหนึ่งของหนังสือ
เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของหนังสือเท่านั้น
นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่สมมติขึ้น
ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องจริงแต่อย่างใด ชื่อบุคคล
และสถานที่ที่ปรากฏในเนื้อเรื่อง ไม่มีเจตนา
อ้างอิงหรือก่อให้เกิดความเสียหายใดๆ
นิยายเรื่องนี้…
ไม่มีแก่นสารสารัตถะอะไรนักหนา
ทั้งเรื่องขับเคลื่อนด้วยอารมณ์อันมืดดำของมนุษย์
ดำเนินเรื่องด้วยตัณหาราคะสุดร้อนแรง
ท่านใดที่ไม่ชอบโปรดหลีกเลี่ยง
*เราเตือนท่านแล้ว*
คำสบประมาทที่กรอกหูอยู่ทุกวัน
ทำให้ ‘สะใภ้’ ในบ้านหลังใหญ่ของเศรษฐี
ต้องดิ้นรนหาหนทางเพื่อความอยู่รอด
ในฐานะ ‘สะใภ้’ ต่อไป
ความ ‘ร่าน’ ในครั้งแรกนั้น
หล่อนรู้ว่ามันมีสาเหตุจากแรงบีบคั้น
ผลักดันอยู่เบื้องหลัง
แต่ครั้งที่สอง สาม และสี่… ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
เริ่มทำให้หล่อนสงสัยว่าทำไปเพราะ
ต้องการเอาชนะคำสบประมาท?
หรือทำไปเพราะความเป็นคน ‘ตัณหาจัด’
เพราะความ ‘เงี่ยน’ ที่แอบเก็บงำไว้ในใจมานาน เพราะไม่เคยเอมอิ่มกับรสสวาท
ที่สามีตัวเองมอบให้
สะใภ้
ร่-า-น-ก-า-ม
สุพรรณบุรี
พุทธศักราช 2562
‘ระรินน์’ สาวน้อยวัยยี่สิบปี ทอดสายตามองผ่านกรอบหน้าต่างห้องนอนออกไปยังบ้านที่ปลูกสร้างเป็นกลุ่มเรือนไทยหมู่ใหญ่ในจังหวัดสุพรรณบุรี
จากตำแหน่งเรือนพักที่หญิงสาวอาศัยอยู่ โอบล้อมไปด้วยเรือนเล็กๆ อีกสามหลังซึ่งเป็นของพี่น้องๆ วงศ์วานว่านเครือของสามีหล่อนทั้งหมด
เรือนประธานหลังใหญ่สุดคือที่พำนักของ ‘นายคีรี’ และ คุณนาย ‘ปาหนัน’ นายใหญ่ของบ้าน
เรือนไม้หลังใหญ่ขนาบไว้ด้วยเรือนของลูกๆ ทั้งสามคือ ‘ผกามาศ’ ‘วาดเดือน’ และ ‘นาวิน’ ชายผู้เป็นสามีของระรินน์
นาวินเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูลที่ผู้คนในแถบถิ่นนี้รู้ว่าร่ำรวยเข้าขั้นเศรษฐีของเมืองสุพรรณ
ระรินน์มองกลุ่มเรือนใหญ่ด้วยสายตาเหม่อลอย เกือบปีแล้ว ที่หล่อนย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่
หล่อนนึกย้อนกลับไปในชีวิตของตัวเอง แล้วพบว่ายิ่งอยู่ในบ้านของสามีนานเท่าไร ความสุขเหมือนยิ่งลดน้อยถอยห่างไปจากชีวิตของหล่อนมากขึ้นทุกที
ด้วยระรินน์มักจะโดนคุณนายปาหนัน แม่ผัวปากร้ายคอยค่อนขอด พูดจาเหน็บแนมเรื่องที่หล่อนยังไม่ตั้งครรภ์เสียที ทั้งที่ก็แต่งงานมาแล้วปีกว่า
คุณนายปาหนันมีลูกชายคนเดียว จึงอยากได้หลานย่าไว้สืบสกุล แต่จนแล้วจนรอด ระรินน์ก็ยังไม่มีลูกให้เสียที ซึ่งคุณนายปาหนันไม่เคยมองว่าเรื่องนี้เป็นความผิดของลูกชายตัวเองที่ไร้น้ำยา
‘ถ้าสิ้นปีนี้ยังไม่มีหลานให้สืบทายาท… เห็นทีว่าฉันคงต้องหาเมียให้เจ้านาวินอีกคน’
หล่อนยังไม่ลืมถ้อยคำอำมหิตที่หลุดออกมาจากปากของแม่ผัวเมื่อสองวันก่อน
‘คนเป็นผู้ใหญ่… พูดแบบนี้ได้ยังไง?’
ระรินน์นึกถึงคำพูดบาดหูที่ทำให้ต้องเก็บมาคิดมากจนนอนไม่หลับ หล่อนกำมือแน่น เล็บจิกอยู่ในอุ้งมือด้วยความโกรธจัด
คุณนายปาหนันทำราวกับไม่เห็นหัวหล่อน ยิ่งนานวัน… ความสำคัญในฐานะ ‘สะใภ้’ ของบ้านหลังนี้เริ่มลดน้อยถอยลงทุกที
ตอนค่ำ
เวลาราวๆ สามทุ่ม เสียงรถเบนซ์สีขาวคันหรูแล่นเข้ามาจอดในโรงจอดรถ
ระรินน์ผลักบานหน้าต่างชะโงกมอง เห็นนาวินผู้เป็นสามีกำลังก้าวลงจากรถ ในมือข้างหนึ่งหิ้วกระเป๋าเอกสารสีดำ กำลังตรงเข้าบ้าน
“พี่วินจ๋า… วันนี้กลับมาเร็วจัง”
ใบหน้านวลยิ้มร่า น้ำเสียงดีใจอย่างเห็นได้ชัดกับการกลับมาของสามี
นาวินเป็นคนบ้างานมาก เขาเป็นดอกเตอร์ เป็นอาจารย์ เป็นนักวิชาการชื่อดังที่แวดวงการศึกษาเมืองไทยรู้จักดี
นานๆ ครั้งนาวินจะกลับบ้านเร็วอย่างวันนี้
“ลืมหรือไงว่าคืนนี้พี่ต้องไปอังกฤษ”
นาวินบอกเหตุผลที่เขากลับมาเร็ว เพราะว่าวันนี้ต้องเดินทางไปงามสัมมนาทางวิชาการ
ด้วยความเป็นคนเก่งรอบด้าน ทุกวันนี้นอกจากจะเป็นอาจารย์สอนหนังสือ นาวินแทบจะรับผิดชอบธุรกิจของครอบครัวแทนผู้เป็นบิดาที่เริ่มวางมือแล้วหันมาเป็นผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง
คีรีเชื่อมั่นในชั้นเชิงความสามารถของลูกชายคนนี้ นอกจากนาวินจะเก่งเรื่องการบริหาร ความสามารถในเชิงภาษาก็ไม่เป็นรองใคร พูดได้ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาจีน