บทที่ 10 สะใภ้สุดแซบกับแม่สามีสุดซ่าส์ 1.5
“นายพัน ไม่ไหวแล้ว นายพันมือ มิว มิว กรี๊ดด”
ประภาพรรณหวีดร้องเบาๆ เกร็งร่างกาย มือทั้งสองข้างกำผ้าปูที่นอนจนยับย่น หลังจากที่เธอก้าวขึ้นไปยังสวรรค์ชั้นที่สอง โอ้...มันช่างวิเศษเหลือเกิน
พันกรเองก็ทานทนไม่ไหวกับเพลิงพิศวาสที่ไหลอาบไปทั้งกาย รสชาติของน้ำหวานจรุงจิตที่ได้ดื่มกิน ความหอมของดอกกุหลาบช่องาม กระตุ้นพลังทางเพศให้ลุกโชน พุ่งสูงจนติดเพดาน จะทะลุอยู่ในอีกไม่กี่วินาที ภรรยาสาวทำให้เขาเกิดอาการคลุ้มคลั่งทางอารมณ์ได้ดีมากเหลือเกิน แค่อยู่ใกล้เขาก็อยากจะถอดเสื้อผ้า ฟัดเธอให้หนำใจ แล้วตอนนี้มันก็ถึงเวลานั้นแล้ว เวลาเผด็จศึกศรีภรรยา
เขาลุกขึ้นยืนทอดสายตามองร่างเปลือยของประภาพรรณตามันระยับ รีบจัดการกับเสื้อผ้าของตนเองอย่างว่องไว โยนไปไม่รู้ทิศทาง ก่อนจะกระโจนเข้ากอดรัดร่างสาวที่บิดร่างกายอยู่บนเตียง
“มิวจ๋า นายพันรักมิวที่สุดเลย” สารวัตรหนุ่มกระซิบบอกตรงปลายหูภรรยาสาว
“มิวก็รักนายพัน รักที่สุดในโลกเลย” เธอหันมาบอกคำรักกับสามีบ้าง
“ชื่นใจจัง” เขาพร่ำพูดตรงจุดเดิม ใช้ลิ้นเย้าติ่งหู เลียไปตามก้านหูอ่อน ส่งลิ้นเข้าไปในส่วนรับฟังกระดกไปมาจนเกิดเสียงก้องในหู ทำเอาเจ้าของหูนั้นถึงกับเคลิ้ม ครางเบาๆ ออกมา
“มิวทำให้นายพันหน่อยนะ”
เสียงห้าวดังพร่า เอ่ยบอกความต้องการของตนให้ภรรยาฟัง ประภาพรรณหน้าแดงซ่าน ทำไมจะไม่รู้ว่าเขาต้องการให้ตนเองทำอะไร แต่ในเมื่อเขาเป็นสามี แล้วเธอเองก็เป็นภรรยา การแสดงออกทางร่างกายผ่านการเสพสมมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
“แต่มิวทำไม่เป็นนะ กลัวนายพันเสียอารมณ์” ประภาพรรณพูดเสียงประหม่า
“ไม่หรอก ลองดูสิ” ได้ยินประโยคนี้แล้ว เธอรู้สึกใจชื้นขึ้นมาทันที ยอมทำตามที่เขาร้องขอ เลื่อนตัวต่ำลงไปยังใจกลางร่างของสามี ทำในสิ่งที่เขาต้องการให้ทำ
“อืม...ดี อย่างนั้นแหละมิว โอ้...สุดยอดเลย”
เสียงของพันกรดังขึ้นหลังจากที่แก่นกายชายถูกช่องปากสาวครอบครองอย่างไม่เป็นภาษา ขยับเข้าคายออกด้วยจังหวะที่ทำให้เขาแทบขาดใจ เพลิงเสน่หาที่มีอยู่ก่อนหน้านั้น เวลานี้โชติช่วงยิ่งกว่าเปลวไฟที่ลุกไหม้อาคารบ้านเรือนเสียอีก ช่องปากอุ่นร้อนของภรรยาสาว สร้างความกระสันซ่านได้อย่างมากมาย ความไม่เป็นงานส่งเสริมให้เกิดความตื่นเต้น เร้าใจไปอีกแบบ พันกรร้องครางดั่งเสือร้ายที่ถูกยิง
“พอแล้วมิวจ๋า นายพันไม่ไหวแล้ว”
เขารีบดันใบหน้าสาวให้ออกห่างกายแกร่ง เนื่องจากทานทนกับอาการเสียวสะท้านไม่ไหว สายธารรักจวนเจียนจะระเบิดเต็มที หากปล่อยเอาไว้นานมีหวังเขาคงระเบิดความสุขใส่ปากของเธอแน่นอน
พันกรจับร่างสาวให้นอนราบบนที่นอน จับเรียวขาสวยให้แยกออกไปทางด้านข้าง ประสานร่างกายหล่อหลอมเป็นหนึ่ง แล้วเริ่มโยกตัวเมื่อนำกายแกร่งเดินทางเข้าไปจนสุดทางรัก
“นายพัน นายพัน” ภรรยาสาวครางกระเส่ารับเกมรักเร่าร้อนของสามี พันกรขยับกายชายเข้าออกโถมเข้าใส่เต็มแรง อัดกระแทกแต่ละครั้งร่างสาวถึงกับกระเพื่อมตามจังหวะ แต่นั่นไม่ได้ทำให้เธอเกิดความเจ็บปวดแต่อย่างใด ตรงกันข้ามแรงกระโจนจ้วงของสามีนำพาความเสียวซ่านให้กับเธอมากกว่า
“มิวจ๋า มิว” เขาเองก็ครางรับความกระสันที่ก่อเกิดในร่างกายเหมือนกัน ช่องทางคับแคบที่บุกทะลวงขยับเข้าดึงออกอยู่ใน คับแน่นและตอดรัดจนเขาแทบจะหัวใจวายเสียให้ได้ รู้สึกดีเป็นที่สุดยามที่ได้เคลื่อนไหวอยู่เหนือร่างอรชรของภรรยาสุดที่รัก
ลำตัวของพันกรโน้มต่ำ จนใบหน้าแนบชิดกับดอกบัวดอกงามสองดอกที่สะท้อนขึ้นลงตามจังหวะ ไม่รอช้าปากหนาโอบล้อมปลายถันหายเข้าไปในปาก กลืนกินและไล้เลียด้วยลิ้น สร้างความสยิวซ่านให้กับเจ้าของเรือนร่างสวยมากขึ้น และแน่นอนเสียงครางรัญจวนเล็ดลอดออกมาไม่ขาดสาย เสียงนั้นเต็มไปด้วยความทรมานที่มาพร้อมกับความสุข
“นายพัน นายพัน” ประภาพรรณยังคงคร่ำครวญอย่างต่อเนื่อง เพราะตอนนี้ปากและลิ้นของเขายังคงครอบครอง สัมผัสปทุมถันอย่างมิรู้เบื่อ เอวสอบยังคงซอยระรัวจนเธอต้องยกสะโพกรับแรงพละกำลังของสามีที่ถาโถมแบบไม่ผ่อนพักความมันจึงเพิ่มมากขึ้น เสียงครางของหญิงสาวก็ดังมากขึ้นตามไปด้วย
ปากหนาเลื่อนมาจูบปากอิ่มของภรรยา แลกรัดลิ้นใหญ่พันพัวลิ้นเล็กที่ตอบโต้อย่างเร่าร้อน กวาดหาความหวานอยู่สักพักใหญ่จึงผละออก ไซ้ไปตามผิวแก้มชมพูระเรื่อ แวะทักทายใบหูสาวด้วยการกัดเบาๆ ไล้เลียนิดๆ ด้วยลิ้น ต่ำลงไปตามซอกคอหอมละมุน และเรื่อยลงไปถึงก้อนเนื้อสองก้อนที่กระเพื่อมตามแรงจังหวะ ซุกซบสร้างความเสียวสยิวให้เธออยู่ชั่วครู่ ก่อนจะดึงลำตัวขึ้นสูง วางคู่มือใหญ่ลงบนดอกปทุมทั้งซ้ายขวา เคล้นคลึงอย่างพร้อมเพรียงโดยมีนิ้วหัวแม่มือบดขยี้ปทุมถันไปด้วย ประสานกับเอวใหญ่ที่ขยับเคลื่อนไหวด้วยความแรงและเร็วที่มากขึ้นกว่าเดิม
“นายพัน นายพัน มิว...กรี๊ดดด”
ความสะท้านเสียวที่ประภาพรรณได้รับ มีมากเกินกว่าที่เธอจะทนรับมันไหว เขาเร่งเร้าอารมณ์สาวจนกระเจิดกระเจิง แสงสีขาวกลุ่มใหญ่วิ่งเข้าหาเธอด้วยความเร็วสูง จนต้องกรีดร้องรับแรงกระแทกนั้น พลันแสงสีขาววิ่งเข้ามาประทะกาย ประตูสวรรค์ก็เด่นชัดอยู่ตรงหน้า สาวร่างสวยก้าวข้ามผ่านประตู ลอยละล่องโบกโบยบินขึ้นสู่สวรรค์ชั้นสูงสุด ไปถึงสวรรค์ชั้นนี้ทีไรร่างกายของเธอรู้สึกเบาและสบายทุกครั้ง
“มิว โอ้...มิว รัดแน่นดีจัง” ปากหนาขยับครางบ้าง เพราะตอนนี้ตัวตนของเขาถูกผนังนุ่มทุกด้านที่อยู่ในกลีบสาวรัดแน่น อีกทั้งยังเต้นกระตุกถี่รัวหลายครั้ง จนเขาแทบจะหยุดหายใจ แต่ก็ยังออกแรงโถมต่อไปอย่างเมามัน เขาซอยอยู่ในท่านี้อีกสักครู่ จึงชะลอแรงรักลงและหยุดนิ่ง
มือใหญ่พลิกตะแคงร่างสวยของศรีภรรยายกขาด้านบนของเธอขึ้นสูงนำมาพาดไว้บนบ่า ขยับร่างกายอยู่ในท่าคร่อมขาที่อยู่ด้านล่างของเธอ โน้มตัวไปข้างหน้าจนลำขาขาวที่พาดอยู่บนบ่าแนบชิดติดกับสีข้างของเธอเอง ใช้ฝ่ามือใหญ่วางมั่นบนที่นอน เพื่อรองรับน้ำหนักตัวของเขายามที่กระชั้นกายเข้าใส่ร่างสวย
“นายพัน นายพัน นายพัน อืม”
ประภาพรรณปล่อยเสียงครางกระเส่าออกมาอีกครั้ง หลังจากที่สามีจัดท่วงท่าเสร็จสรรพและออกแรงส่งด้วยความแรงเร็ว ผสานกับความหนักหน่วง ท่วงท่านี้ทำให้กายแกร่งของเขาเดินทางเข้าได้อย่างล้ำลึก อัดกายประสานแต่ละครั้ง บุกทะลวงแต่ละครา นำพาให้หัวใจสาวเต้นแรง อาการซ่านเสียวย่างกรายเข้าสู่ทุกอณูรูขุมขน อวัยวะทุกส่วนตีรวน เลือดลมในร่างสูบฉีดเร็วกว่าปกติ
“มิว...โอ้...ที่รัก ที่รักจ๋า”
พันกรเปล่งเสียงห้าวต่ำออกมาทุกครั้งที่เคลื่อนไหวตัวเอง ตอนนี้ร่างหนาคล้ายกับว่ามีน้ำมันชโลมชุ่ม ภรรยาสาวที่อยู่ใต้ร่างเสมือนเชื้อเพลิงชั้นเลิศ ทำให้เปลวเพลิงลุกท่วมกาย ร้อนรุ่ม เหงื่อไหลซึมออกมาจากผิวเนื้อชั้นนอก ร่างกายทุกสัดส่วนกำลังจะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ ลำแขนทั้งสองข้างที่เหยียดตรงออกอาการสั่น จนทำให้ฝ่ามือหนาที่ยันร่างกายเอาไว้พลอยสั่นไปด้วย แต่ถึงกระนั้นความมันที่เขาได้ขยับเขยื้อนแก่นกาย ทำให้เขาไม่มีทีท่าว่าจะหยุดแรงโถม หนำซ้ำยังออกแรงรักเร็วขึ้น หนักหน่วงขึ้น ทะยานสู่สวรรค์ที่รอคอยเขาอยู่
“พร้อมกันนะที่รัก” เขาก้มลงบอกภรรยาสาว เหตุที่เขาพูดออกไปเช่นนั้นเป็นเพราะร่างกายของเธอเริ่มเกร็ง ใบหน้าแดงซ่านและแหยเกเล็กน้อย ช่องทางสวรรค์ที่เขาบุกบั่นอยู่นั้นมีอาการตอดขมิบเป็นระยะ ห่อตัวเข้าหากันบีบรัดแก่นกายชาย เป็นสัญญาณให้ชายหนุ่มช่ำชองในเกมรักรู้ในสัญชาตญาณว่า ประภาพรรณกำลังไปย่ำเยือนแดนวิมานแห่งความสุขอีกครั้งหนึ่งแล้ว
“กรี๊ดดดด...นายพัน นายพัน” และแล้วความสุขก็เกิดขึ้นกับเธอ หลังจากที่พันกรซอยกายชายระรัวเร็วเพื่อส่งภรรยาสาวไปยังสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ให้ค้นพบกับความสุขแสนวิเศษโดยมีเขาตามไปติดๆ
“โอ้...มิวจ๋า วิเศษที่สุดเลย” พันกรปล่อยเสียงห้าวต่ำดังกังวานก้องในจังหวะสุดท้าย หยุดนิ่งร่างกาย แหงนใบหน้าเชิดปล่อยเสียงคราง อ้าปากค้างระบายความรุ่มร้อนที่อัดอยู่ในร่างกายออกมา ร่างสั่นเทิ้มเหนือร่างอรชร ระเบิดสายธาราแห่งรักไหลชโลมชุ่มดอกกุหลาบงาม ก่อนจะซวนซบบนเนินอกของภรรยาสุดสวาท และเอนกายลงนอนเคียงข้างประภาพรรณเมื่อปรับสภาพการหายใจเป็นปกติ ตะแคงร่างกกกอดสาวร่างสวยไม่ห่าง
“มิวของนายพันน่ารักที่สุดเลย แต่จะน่ารักกว่านี้ถ้า...”
“ถ้าอะไรนายพัน?” เธอถามต่อด้วยความอยากรู้
“ถ้าไม่ดื้อ ไม่ออกฤทธิ์ ไม่แกล้งคุณแม่แบบนั้น”
หน้าประภาพรรณงอหงิกทันทีที่ได้ยินคำพูดของสามี เธออยากจะโต้กลับไปว่า ที่ทำแบบนั้นเพราะปทุมวดีรังแกเธอก่อนก็เลยต้องเอาคืนเล็กๆ น้อยเท่านั้น
“ไม่ได้แกล้งซะหน่อย ก็ให้เงินไปซื้อกับข้าวก็ไปซื้อแล้วไง คุณแม่ไม่ได้บอกนี่ว่าจะกินอะไร มิวก็เลยซื้อตามใจปากตัวเองที่บังเอิญอยากกินหนูนาสับผัดกระเพราพอดี” สาวแสบแก้ตัว ค้อนสามีด้วยกิริยาที่น่ารัก พันกรอดใจไม่ไหวหอมแก้มคนขี้งอนไปหลายฟอด
“มิว นายพันขอนะ อย่าแกล้งคุณแม่ อย่าถือสาคุณแม่นะ นายพันเองก็ไม่รู้ว่าเวลาที่นายพันไปทำงานเกิดอะไรขึ้นที่บ้านบ้าง ไม่รู้ว่าคุณแม่กับมิวจะแผงฤทธิ์ใส่กันหรือเปล่า นายพันเป็นคนกลางซึ่งลำบากใจที่สุดหากคุณแม่กับมิวทะเลาะกัน อะไรยอมได้มิวก็ยอมคุณแม่นะ คุณแม่ของผมก็เหมือนคุณแม่มิวด้วย”
พันกรเคยย้ำกับภรรยาก่อนแต่งงานแล้วว่า อะไรยอมปทุมวดีได้ก็ยอมไป หากแต่งงานกันไปปทุมวดีก็เปรียบเสมือนแม่คนหนึ่งของประภาพรรณ ซึ่งต้องให้ความเคารพยำเกรง อีกทางหนึ่งพันกรก็รู้ดีว่า เรื่องที่ตนเองพูดออกไปนั้นเป็นเรื่องที่ยากนักสำหรับภรรยา เขาเองก็รู้นิสัยมารดาดีว่าเป็นอย่างไร ไม่ชอบหน้าประภาพรรณมากแค่ไหน และในการที่ไม่ถูกชะตากันนี้ อาจทำให้ทั้งสองกระทบกระทั่งกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา ตามประสาแม่ผัวลูกสะใภ้ที่ไม่ลงรอยกัน
ประภาพรรณเองก็เข้าใจในความรู้สึกของสามี เธอรู้ดีว่าหากทะเลาะหรือมีปากเสียงกับแม่สามีนั้น คนที่ลำบากใจมากที่สุดคงหนีไม่พ้นพันกร ทว่าความที่ไม่ยอมคนที่อาบอยู่ทั่วตัว ทำให้ยากนักที่จะทำอย่างนั้นได้ ใครดีมาเธอดีตอบ ใครร้ายมาเธอจะร้ายให้เจ็บถึงอก
“ก็ได้ เพื่อนายพัน” เธอตอบออกไปอย่างนั้น ยังไม่แน่ใจด้วยว่าจะทำได้มากน้อยแค่ไหน แต่ก็จะพยายามให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
“น่ารักจัง น่ารักอย่างนี้ต้องให้รางวัล” เขาพูดจบก็ส่งสายตาหวานระยับให้ภรรยา
“ไม่อยากได้รางวัลบ้ากามหรอก คนอะไรหื่นได้หื่นดี” พูดไปหน้าแดงไป
“หื่นกับเมียคนเดียวนี่แหละ มามะ มาให้ป๊ะป๋าฟันอีกรอบซะดีดี” ว่าแล้วก็พลิกกายสาวลงบนที่นอนโดยมีร่างของตนเองทาบทับ
“บ้า...นายพันมือจอมบ้ากาม” ประภาพรรณพูดอย่างเหนียมอาย ตรงกันข้ามกับอุปนิสัยแสบซ่าส์ของเธอ
“บอกแล้วไงว่าบ้ากามกับเมียคนเดียว”
ริมฝีปากหนาปิดทับปากช่างเจรจาอีกครั้ง เป็นการจบสิ้นการสนทนาไปในที และเป็นการเริ่มต้นบทรักบทใหม่ของสามีภรรยาข้าวใหม่ปลามันที่ไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดเวลาใด