1.บทนำ
แนะนำตัวละคร
จวี้ชิงหราน ชาติก่อน นางคือสะใภ้น้อยและสาวใช้ห้องข้าง
ของอู๋หยางเทียน
อู๋หยางเทียน แม่ทัพหนุ่มจอมเผด็จการและเย็นชา
ฝางโหยว แม่นมของอู๋หยางเทียน
เหลียงเปียว พี่ชายที่ช่วยเหลือจวี้ชิงหราน
จูอี้เหลียน เถ้าแก่เนี้ยจู
เสวียนซุน รัชทายาทแคว้นต้าหลู
ป้าคัง เฮ่อคัง (ป้าเหลียงเปียว)
พ่านถู นายหน้าค้าทาส
อู๋อี้ซาน ลูกพี่ลูกน้องอู๋หยางเทียน
เฮียวเจา สาวใช้ถูกม่านเจี่ยส่งมายั่วยวนอู๋หยางเทียน
ลิ้มสือเฟย ไท่ฮูหยินสกุลอู๋
อู๋เฉิง บิดาของอู๋หยางเทียน
ม่านเจี่ย แม่เลี้ยงของอู๋หยางเทียน
เสวียนจง ฮ่องเต้
ฮองเฮา ผิงเจี่ย
ปรมาจารย์กู้ ผู้รอบรู้ด้านแผนที่และกลไก
อนุของรัชทายาท อนุเซียง / อู๋เซียง
ไคลู่เหลา พระสนมที่เสียชีวิตเพราะถูกกลั่นแกล้ง
อิงเป่า นางกำนัลรับใช้พระสนมไคลู่เหลา
ไท่เฟยลั่วอัน ผู้อยู่เบื้องหลังการเสียชีวิตไคลู่เหลา
สถานที่ซึ่งกล่าวถึงในเรื่อง
แคว้นต้าหลู เมืองเผิง เมืองเจี้ยน
เมืองต้าคุน
บทนำ
แคว้นต้าหลู ในตำบลเมืองเล็กๆ ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตก ที่ชื่อว่าเผิง เป็นสถานที่อุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูก และเลี้ยงสัตว์ เกือบห้าวันแล้วทั่วทั้งเมืองเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด เสียงร้องไห้ พร้อมการคร่ำครวญร้องขอชีวิตของชาวบ้าน
ยามนั้น เด็กหญิงวัยหกขวบเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แม้ภาพตรงหน้าโหดร้ายเหลือเกิน
“หรานเอ๋อร์ ฟังย่า จงไปให้ไกลจากที่นี่ อย่าได้กลับมาอีก เมืองเผิงไม่เหลือสิ่งใดให้เจ้าต้องจดจำ!”
อิงเป่าเอ่ยเช่นนั้น ก่อนที่ร่างหญิงชราจะกระตุกไหวรุนแรง พร้อมกันนั้นมีกลิ่นคาวเลือดอบอวลขึ้นในอากาศ ฝ่ายพี่ชายข้างบ้านที่ชื่อ เหลียงเปียว พยายามดึงมือจวี้ชิงหราน หมายใจให้เด็กหญิงรีบหนีไปด้วยกัน ทว่าแม่นางน้อยยังตัดใจทำไม่ได้
“เสี่ยวหราน อยู่ที่อันตรายเกินไป ปะ... รีบไปกับพี่”
“แต่ท่านย่า เลือดไหล!”
ดวงตากลมโตมองคนที่ยืนตรงกรอบประตูไม้ ซึ่งทำหน้าที่เป็นบานประตูมนุษย์
“ท่านย่าเป็นคนเก่ง นางกำลังจะปิดประตูให้เรา หากเสี่ยวหรานรีบตามพี่ไป เดี๋ยวจะได้กินของอร่อย และไม่ต้องห่วง นางจะตามเราไปแน่นอน” เหลียงเปียวเด็กชายวัยเกือบ 13 ปีบอก เป็นตอนนั้นที่เสียงวัตถุแหลบคมลอยฝ่าอากาศออกมา ก่อนที่คราวนี้มันจะปักเข้าทะลุหัวไหล่หญิงสูงวัย
ปลายแหลมของลูกธนูฝังทะลุหัวไหล่ร่างที่ขึงตนเป็นบานประตูมนุษย์ ภาพซึ่งปรากฏยามนี้ ช่างน่าพรั่นพรึง
“อ๊ะ... ท่านย่า!”
หญิงชราที่ใช้ร่างตนเป็นทั้งประตูและเกราะคุ้มภัยในเด็กทั้งสองคน ยามนั้นนางสั่นสะท้าน แต่มือทั้งสองข้างยังตรึงอยู่กับกรอบไม้ ขณะเดียวกันก็ส่งเสียงแหบแห้ง ทั้งยังต้องกลั้นเลือดที่เจียนจะพุ่งออกมาจากปากเอาไว้ด้วย
“ไป... หรานเอ๋อร์ของย่า ต้องมีชีวิตที่ดีกว่านี้ และอย่าให้คนชั่วจับตัวได้” นางเอ่ยแล้ว จึงแยกเขี้ยวที่อาบไปด้วยเลือดสดๆ ก่อนที่น้ำตาจะเอ่อไหล
เป็นยามนั้นที่เหลียงเปียว ซึ่งเป็นลูกของนายพราน และยังเคยเดินทางไปหลายที่ เขาได้เห็นศพคนตาย ทั้งสงครามที่ไร้ความปราณีมาไม่น้อย จึงรู้ว่ายามนี้หญิงชราเหลือลมหายใจเพียงเฮือกสุดท้าย
“ท่านย่า โปรดไว้ใจ ข้าจะพาเสี่ยวหราน ไปให้ห่างจากสงคราม และนางจะต้องไม่อดยาก”
เหลียงเปียวเอ่ย แล้วเอื้อมมือขึ้น เพื่อปิดดวงตาหญิงชราที่เบิกค้างอยู่ ในขณะเดียวกันเสียงม้า และกลิ่นไหม้โชยมาตามสายลม รวมถึงเสียงพวกทหารรับจ้าง ที่ร้องขึ้นว่า
“คนชราไร้ประโยชน์ ผู้ชาย และเด็กชายฆ่าให้หมด สตรีไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่จับไปเป็นนางบำเรอ อย่าให้ผู้ใดรอดพ้น ชาวต้าหลู่ ต้องอยู่ใต้ฝ่าเท้าแคว้นเสอ !”
จวี้ชิงหรานตื่นตระหนก แม่นางน้อยร้องไห้ น้ำตาอาบดวงหน้าเล็กซีดเซียว แต่ไร้เสียงสะอื้นอย่างที่ควรตะเป็น สาเหตุเพราะกำลังตกใจอย่างที่สุด
“มาเร้ว เสี่ยวหรานขี่หลังพี่” เหลียงเปียวออกคำสั่ง และอึดใจต่อมา จวี้ชิงหรานก็ตัวสั่นอยู่บนหลังอีกฝ่าย เด็กทั้งสองบ่ายหน้าเข้าไปในแนวป่าทึบ ด้วยเหลียงเปียวตั้งใจอำพรางตนจากพวกทหารรับจ้างของแคว้นเสอ
ยามนั้นหัวใจดวงน้อยๆ ทั้งสองดวง เต็มไปด้วยความกลัว และท้องร้องหิวเหลือเกิน นั่นเป็นเพราะเกือบห้าวันแล้วที่ตำบลเผิง ถูกชาวทหารรับจ้างที่ป่าเถื่อนล้อมเอาไว้ กระทั้งท่านเจ้าเมืองออกไปแลกชีวิตเพื่อปกป้องผู้คน ทั้งต้องการยืดเวลาให้ทัพจากเมืองหลวงมาช่วย แต่อนิจจา สุดท้ายก็ต้านเหล่าทหารโฉดชั่วไม่ไหว และทัพหลวงนั้นเดินทางมาช้าเหลือเกิน
เมื่อทหารเสอบุกเข้าเมืองได้ ทุกชีวิตที่ไร้ประโยชน์ก็ปลิดปลิวเหมือนใบไม้ล่วง จวบจนหญิงชราพาจวี้ชิงหราน และเหลียงเปียวมาอยู่ที่บ้านร้าง หลบซ่อนได้เกือบสองวัน ก่อนถูกตามไล่ล่า และนางเป็นฝ่ายใช้ร่างตนยืนกั้นประตู เพื่อสร้างโอกาสให้เด็กทั้งสองคนหนีเอาตัวรอด