ตอนที่ 1 องุ่น
วันเวลาที่มันล่วงเลย ทำให้ชีวิตของเธอได้ผกผัน องุ่นได้กลายเป็นแม่ค้าไปโดยปริยาย หญิงสาวในวัยยี่สิบแปดปี ขาวสวยหมวยหุ่นเซ็กซี่ นั่นคงเป็นเพราะว่าเธอเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของนายกริช เจ้าของนักธุรกิจที่ปัจจุบันเขามีกิจการหลายอย่าง แต่ก็ไม่เคยกลับมาดูแลหรือเหลียวแลสองแม่ลูกเลยสักครั้ง ซึ่งองุ่นเองก็ไม่เคยได้รับความอบอุ่นจากบิดา เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอกของพ่อเป็นยังไงกอดอุ่นหรือเปล่า
ปัจจุบันหญิงสาวได้เปิดร้านขายอาหารตามสั่งเล็กๆ อยู่ที่ต่างจังหวัด จนกระทั่งวันหนึ่ง มีคนรู้จักที่ค่อนข้างจะสนิทกันพอสมควร ญาติของเขาต้องการเซ้งร้าน เมื่อลูกสาวลูกชายของเขาเรียนจบ จึงอยากกลับมาใช้ชีวิตที่ต่างจังหวัด ทำให้องุ่นกำลังคิดหนัก เพราะตัวเธอเองก็อยากกลับไปใช้ชีวิตที่กรุงเทพฯ เนื่องจากเติบโตมาจากที่นั่นความผูกพันก็ย่อมมี แต่ถ้าถามว่าอยู่ที่นี่ดีไหม เธอก็ขอตอบกลับไปอย่างไม่ลังเลเลยว่าดีมาก
"ไม่เหนื่อยหรือไงทำงานมาทั้งวัน มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้ ทำไมไม่รู้จักไปหลับไปนอน จะได้พักผ่อนให้เพียงพอ พรุ่งนี้ต้องตื่นไปตลาดแต่เช้าไม่ใช่เหรอ" นางมะปรางเดินลงมาจากชั้นบนของบ้าน (นางเปลี่ยนชื่อเพราะกลัวว่าจะมีคนตามมาตอแยตนกับลูกสาว) ก่อนจะนั่งลงข้างๆ ลูกสาวแล้วถามออกไปด้วยความห่วงใย
"แม่คิดว่าเราควรเซ้งร้านต่อจากเขาดีไหมคะ" หญิงสาวเอ่ยถามมารดาออกมา ขณะที่สายตาของเธอยังคงเหม่อลอย เพราะถ้าหากเธอเซ้งร้าน นั่นก็หมายความว่าหญิงสาวจะต้องเริ่มต้นเก็บเงินใหม่ เพื่อเก็บเอาไว้คืนให้กับตุลา เงินสองแสน ที่เขาเคยเขียนเช็คให้กับเธอมาในวันนั้น ป่านนี้ดอกเบี้ยของมันคงเท่าตัวแล้วมั้ง เพราะตั้งแต่มีคลิปฉาว หญิงสาวและมารดาของเธอก็หนีมาตั้งหลักที่ต่างจังหวัด องุ่นตัดสินใจใช้เงินของตุลาในการรักษามารดาจนดีขึ้น ถือว่าหายดีเลยก็ว่าได้ ส่วนที่เหลือก็เอามาลงทุน เปิดร้านอาหารตามสั่งและจ่ายค่าเช่าบ้าน
"อยู่ที่ไหนก็ได้ขอแค่มีองุ่น แม่เชื่อมั่นในการตัดสินใจของลูกนะ"
"เห็นเขาบอกว่าร้านอาหารอยู่ตรงข้ามกับโรงงานเฟอร์นิเจอร์ ขายดีมากเลยนะจ๊ะแม่ เพราะรู้สึกว่าโรงงานนั้น เขาจะให้พนักงานออกมาทานข้าวข้างนอกได้ คงจะเป็นการเกื้อกูลกันละมั้ง เพราะร้านก็อยู่ถนนฝั่งตรงข้ามโรงงานขนาดนั้น" หญิงสาวพูดออกมาพร้อมกับนั่งคิดทบทวนตามคำบอกเล่าของเพื่อนบ้าน ที่สำคัญพนักงานในโรงงานนั้นมีเป็นร้อยเป็นพันคน ถ้าเธอขายดีอาจจะมีเงินใช้หนี้ตุลาเร็วขึ้นกว่านี้ก็ได้
"ถ้าองุ่นคิดว่าดี แม่ก็ว่าดีจ๊ะ" "องุ่นอยากมีเงินเก็บไปคืนตุลาเร็วๆ นี่มันก็แปดเก้าปีแล้วนะจ๊ะแม่ ไม่ใช่ดอกเบี้ยเท่าตัวแล้วเหรอ" หญิงสาวพูดพร้อมกับทำหน้าเศร้า เพราะถ้าไม่ได้เงินจากตุลาในวันนั้น ป่านนี้เธอกับมารดาคงกลายเป็นคนเร่ร่อนไปแล้วก็ได้ เธอยังคงรู้สึกสำนึกในบุญคุณของเขาทุกวี่ทุกวัน เพียงแค่ยังไม่กล้าที่จะไปเผชิญหน้ากับชายหนุ่ม โดยที่ยังไม่มีเงินไปใช้หนี้
"แม่ขอโทษนะจ๊ะ ที่ช่วยอะไรลูกมากไปกว่านี้ไม่ได้ ขอโทษที่ทำให้หนูเกิดมาลำบาก" นางมะปรางพูด พร้อมกับโน้มตัวลูกสาวเข้ามาไว้ในอ้อมกอด ทุกวันนี้ที่นางอยากมีชีวิตอยู่ก็เพื่อองุ่นเท่านั้น แต่บางครั้งก็คิดว่าไม่น่าทำตัวเป็นภาระให้กับลูกเลย
"ใครบอกว่าหนูลำบาก หนูได้มีโอกาสพิสูจน์ตัวเองต่างหาก อุปสรรคแค่นี้ทำอะไรองุ่นไม่ได้หรอกจ้ะแม่ คอยดูนะหนูจะเป็นแม่ค้าขายอาหารตามสั่งที่สวยและรวยที่สุดในโลก" องุ่นพูดพร้อมกับซุกใบหน้าเข้าหาอกนุ่มนิ่มของมารดา เธอรู้สึกอบอุ่นทุกครั้งเมื่ออยู่ภายใต้อ้อมกอดนี้ คำพูดของลูกสาวกับรอยยิ้มที่เปื้อนใบหน้า ทำให้นางมะปรางเองก็พลอยฉีกยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกสุขใจ
"เราไม่จำเป็นต้องรวยที่สุด แค่มีความสุขที่สุดก็พอแล้ว แม่รักหนูนะองุ่น"
"หนูก็รักแม่จ้า รักมาก มากที่สุดในโลกเลย จุ๊บ!" หญิงสาวพูดพร้อมกับจุ๊บลงไปที่แก้มของมารดาฟอดใหญ่
"ปากหวานจังเลยนะเราเนี่ย เมื่อไหร่จะมีแฟนกับเขาสักที แม่อยากจะเลี้ยงหลานเต็มแก่แล้ว" นางมะปรางพูดเย้าแหย่ลูกสาวออกไป ใช่ว่าองุ่นไม่มีใครมาจีบ แต่ดูเหมือนว่าเธอนั้นจะปิดประตูหัวใจเอาไว้ เพื่อรอใครบางคน
"แม่ขา... โสดแบบนี้ก็ดีแล้ว ถ้ามีลูกมีผัวคงชีวิตคงวุ่นวายน่าดู ใช้ชีวิตกับแม่แฮปปี้กว่าเยอะเลย"
"เดี๋ยวก่อนนะ ก่อนที่คิดจะมีลูก หาแฟนให้ได้ก่อนดีไหม"
"แม่อ่ะ...."
ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! ในเวลานี้บ้านเช่าหลังเล็กๆ แต่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของสองแม่ลูก ชีวิตที่เลือกเกิดไม่ได้แต่ก็สามารถที่จะเลือกออกแบบให้อยู่อย่างมีความสุขได้ แม้ว่าเธอจะยังมีหนี้สินติดค้างตุลา แต่องุ่นก็เชื่อว่าอีกไม่นานเธอจะสามารถปลดหนี้ให้กับตัวเองได้สำเร็จ
"แม่ว่าเราขึ้นไปนอนเถอะดึกมากแล้ว พรุ่งนี้ค่อยมาวางแผนกันใหม่ว่าจะเอายังไงกับชีวิตดี แต่แม่ขอให้ลูกรู้เอาไว้ แม่อยู่ที่ไหนก็ได้ขอแค่มีองุ่น" คำพูดและน้ำเสียงของมารดาช่างอบอุ่น จนทำให้องุ่นไม่ต้องการความรักจากบิดา เธอไม่เคยโหยหาอะไรจากเขาแม้แต่น้อย ต่อให้เขารวยจนล้นฟ้ามีทรัพย์สินที่ประเมินมูลค่าไม่ได้
สำหรับองุ่นแล้วมันไม่มีค่าใดๆ เมื่อเขาไม่เคยใส่ใจไม่เคยคิดว่าเธอกับมารดายังมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ด้วยซ้ำ เกรซยังทำให้เธอชอกช้ำ แถมคอยเหยียบลงซ้ำทั้งที่เธอนั้นไม่เคยต้องตอบกลับไป แต่บิดาก็ได้ยืนมองไม่คิดจะทำอะไร เขาทำเหมือนกับว่าเธอนั้นไม่ใช่ลูกในไส้ แล้วทำไมเธอต้องแคร์
"ถ้าเรากลับไปอยู่กรุงเทพฯ หากบังเอิญเจอกับผู้ชายคนนั้นอีก แม่จะทำยังไงคะ หวังว่าเขากับลูกสาวคงไม่ตามราวีเราเลยเราสองคนอีกนะ" นั่นคือเหตุผลที่องุ่นกำลังกังวลในเวลานี้ เพราะเธอรู้ดีว่าโลกใบนี้มันกลมจะตาย
"ต่อไปนี้เราก็ทำเป็นไม่รู้จักเขา เพราะเขาเอง ก็ไม่ได้เห็นเราสองคนอยู่ในสายตาอยู่แล้ว ที่สำคัญองุ่นไม่ได้ใช้ทุนนั่นเรียน แม่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องแคร์เขาจะเหมือนกัน"
"แต่เทอมแรกองุ่นก็เรียนไปแล้วนะจ๊ะแม่ แล้วเขาก็จ่ายค่าเทอมไปแล้วด้วย ถ้าเรียนไม่จบเขาจะปรับแล้วเราต้องคืนเงินทุนนั้นให้กับเขาไป องุ่นคิดว่าจะเก็บเงินทุนคืนเขาก่อน ส่วนคุณตุลาเอาไว้คืนทีหลังดีไหมจ๊ะ" หญิงสาวถามความเห็นมารดา เพราะเธอไม่ต้องการค้างคาใจหรือมี บุญคุณติดค้างกับผู้ชายคนนั้น ผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นบิดา
"โอเคจ้า ไปนอนเถอะดึกแล้ว" สองแม่ลูกส่งยิ้มให้กัน จากนั้นทั้งคู่จึงขึ้นไปบนห้อง หญิงสาวจะรู้หรือเปล่าว่าชีวิตของเธอกำลังจะเจอกับอะไร เพราะการกลับไปใช้ชีวิตที่กรุงเทพฯ คราวนี้ เธอคงต้องเจอกับเรื่องวุ่นๆ อีกแน่นอน แต่หญิงสาวก็จำใจที่จะต้องกลับไป เพราะเธออยากหาเงินไปใช้หนี้บิดาและตุลา เพราะเธอไม่อยากติดค้างใครไปตลอดชีวิต