ตอนที่ 9 ท่านหมอบาดเจ็บ
เฟิ่งเซียวหยุดกึกเมื่อซูหรันพูดเรื่องนี้ขึ้นมา เขาเองก็ตอบไม่ถูกแต่รู้สึกว่าเพียงแค่ถูกถามเรื่องของถานซินเยว่ก็เริ่มจะไม่อยากพูดขึ้นมา อีกอย่างหลายวันมานี้ซินเยว่ก็เอาแต่ตามติดเขาอยู่ทุกวัน
"จะเป็นไปได้เช่นไรศิษย์น้องล้อเล่นแล้ว ซินเยว่แม้จะเป็นคนที่เป็นตัวของตัวเองและเข้าได้กับทุกคน แต่ก็มิได้หมายความว่านางจะเป็นเช่นนี้เฉพาะกับข้าเสียหน่อย มาเถอะข้าจะพาเจ้าไปดูกระโจมผู้ประสบภัยและห้องเก็บยา"
“เช่นนั้นก็ได้เจ้าค่ะ”
ซูหรันมิได้คาดคั้นถามเขา นับว่าเป็นเรื่องดีเพราะหากนางยังถามอีก เขาก็คงจะรู้สึกอึดอัด เพราะตัวเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเหตุใดหัวใจจึงเต้นแรงจนเกินควบคุม เวลาที่เอ่ยถึงเรื่องของซินเยว่
สามวันถัดมา
ช่วงนี้ฝนยังคงตกหนักในพื้นที่อำเภอลี่เหมิน ผู้ประสบภัยที่ป่วยก็ไม่มีวี่แววที่จะลดลง เฟิ่งเซียวสั่งให้ทหารเริ่มจัดที่พักแยกผู้ป่วยและผู้ที่เสี่ยงจะป่วยแยกกันเป็นการชั่วคราวเพื่อมิให้โรคแพร่กระจาย ซึ่งนับว่าได้ผลและต้องยอมรับว่าการมาของอวิ่นซูหรันช่วยเขาได้มากจริง ๆ
“เอายานี้ไปที่กระโจมผู้ป่วยหนัก อีกสองเตานั้นใกล้เสร็จหรือยัง”
“จวนแล้วเจ้าค่ะ”
“ซูหรัน ยาของเจ้าต้มเสร็จหรือยัง”
“พี่เฟิ่งเซียว เสร็จแล้วกำลังจะยกไป”
“มาข้าเอง”
“โอ๊ย!”
“ศิษย์น้อง!”
อวิ่นซูหรันเพราะความรีบร้อน จึงเผลอเอามือไปโดนหม้อต้มยาที่กำลังยกลงมา มือของนางแดงเพราะความร้อน เฟิ่งเซียวจึงรีบจับมือนางไปที่ถังน้ำเย็นข้าง ๆ จังหวะนั้นซินเยว่ได้นำยามาส่งพอดี เมื่อพบกับหมอเวินนางจึงรีบยื่นรายการยาให้เขา
“ท่านหมอเวินได้ข่าวว่าช่วงนี้มีผู้ป่วยมากหรือเจ้าคะ พวกท่านยังไหวอยู่หรือไม่หากว่าขาดสมุนไพรตัวไหนก็บอกข้าได้เลยนะ ตอนนี้ที่ร้านเร่งอบยาแทนเพราะไม่มีแดด คิดว่าน่าจะไม่ช้าเท่าไหร่”
“ขอบคุณขอรับคุณหนูถาน ท่านช่วยได้มากเลยจริง ๆ เพราะยาที่คุณหนูอวิ่นนำมาให้ก็จวนจะหมดแล้ว ผู้ป่วยมีมากขึ้นโชคดีที่คุณชายเฉินให้แยกกระโจมออกมาก็เลยเริ่มดีขึ้น”
“เช่นนั้นก็ดีเลย…”
เสียงของอวิ่นซูหรันทำให้ทั้งสองต้องหันไปมอง พวกเขาพลันได้เห็นเฟิ่งเซียวที่กำลังจับมือหมอหญิงลงไปแช่ในถังน้ำ สีหน้าของเขาดูเป็นห่วงนางอย่างมาก
“นั่นพวกเขา…ทำอะไรกัน”
“แย่แล้วดูท่าว่าท่านหมออวิ่นคงจะถูกหม้อยาลวกเอาเสียแล้ว ข้าขอตัวไปดูสักหน่อย”
“ข้าไปด้วยเจ้าค่ะ”
ซินเยว่เดินตามหมอเวินเข้าไปที่ลานต้มยา ซึ่งมีเฟิ่งเซียวกำลังทำแผลให้กับอวิ่นซูหรัน เมื่อนางหันมาพบกับทั้งคู่จึงได้ทักทาย
“ท่านหมอเวิน… แม่นางผู้นี้คือ…”
เฟิ่งเซียวหันไปมองซินเยว่ที่เดินตามหมอเวินมา นางดูสนใจอาการบาดเจ็บของอวิ่นซูหรันมากโดยไม่ทันได้มองเขา
“ท่านหมออวิ่น ผู้นี้ก็คือคุณหนูสามสกุลถาน ถานซินเยว่ที่ท่านเคยพบไปวันก่อน”
“ข้าน้อยถานซินเยว่ ยินดีที่ได้รู้จักท่านหมออวิ่นเจ้าค่ะ”
อวิ่นซูหรันเพียงแค่ยิ้มทักทายกลับไปให้นางเท่านั้น เพราะตอนนี้มือของนางถูกเฟิ่งเซียวจับแช่น้ำเอาไว้
“ตอนนี้เจ้ายังรู้สึกร้อนอยู่หรือไม่ ข้าคิดว่าคงต้องแช่อีกหน่อย”
“คือว่า ศิษย์พี่เจ้าคะ…ข้าทำเองก็ได้”
อวิ่นซูหรันหันไปปรามเฟิ่งเซียวที่ไม่สนใจผู้อื่น นอกจากบาดแผลของนางที่แช่อยู่ในน้ำ
“ไม่ได้ เจ้าต้มยาอยู่ที่นี่มาสามวันแล้ว ข้าบอกว่าควรหาเวลาพักผ่อนบ้าง แผลถูกลวกต้องรีบใช้น้ำเย็นประคบทันทีมิเช่นนั้นจะลุกลาม เชื่อข้าเถอะ”
ซูเยว่เมื่อเห็นว่าหมอเฉินมิได้หันมาสนใจนาง จึงได้มองไปที่หม้อต้มยาซึ่งตอนนี้ไม่มีคนเฝ้า และหันมาถามอาการของอวิ่นซูหรันอีกครั้ง
“ท่านหมอเป็นอะไรมากหรือไม่เจ้าคะ”
“ข้าไม่ทันระวังก็เลยโดนหม้อต้มยาลวกนิดหน่อยน่ะ คุณหนูถานไม่ต้องเป็นห่วง"
“เรียกข้าว่าซินเยว่ก็ได้เจ้าค่ะท่านหมอ คนที่นี่ก็เรียกข้าเช่นนั้น”
“เช่นนั้นเจ้าก็เรียกข้าว่าหมออวิ่นก็ได้ น้องซินเยว่ โอ๊ะ!”
“เจ้าเจ็บหรือ เช่นนั้นข้าจะให้คนเอาน้ำเย็นมาเพิ่มให้ดีกว่า”
“ไม่ต้องหรอกเจ้าค่ะ ข้ามียาสำหรับใช้กับแผลถูกลวกมาด้วย เพียงแต่ยาอยู่ที่…”
"หมอเวินข้ารบกวนท่านไปเอาอุปกรณ์ทำแผลมาให้ข้าที”
“ได้เลยขอรับ คุณหนูถานท่านรออยู่นี่ก่อนนะขอรับข้ามีเขียนเทียบยาไว้เดี๋ยวจะรีบนำมาให้ท่าน ครั้งนี้อาจจะต้องรบกวนท่านอีกครั้งแล้ว”
“ได้เจ้าค่ะ ท่านรีบไปเถอะข้าจะรออยู่ที่นี่”
เมื่อหมอเวินไปแล้วซินเยว่ก็ได้แต่ยืนมองอยู่เงียบ ๆ เฟิ่งเซียวหันไปถามอาการของซูหรันเป็นระยะ นางไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรจึงได้เดินไปดูที่หม้อต้มยาบนเตาซึ่งถูกวางทิ้งเอาไว้อยู่ห้าเตา สิ่งนี้คงเป็นต้นเหตุทำให้หมออวิ่นซูหรันบาดเจ็บ
“ยังเจ็บหรือไม่ เจ้าทนหน่อยนะเดี๋ยวข้าจะทายาแล้วพันแผลให้ หม้อต้มยานี้ก็ให้ผู้อื่นมาดูแลแทนก่อนเถอะ เจ้าน่าจะไม่ไหวแล้ว”
“แต่ว่า…”
“ที่นี่มีคนช่วยมากมาย อีกอย่างข้าให้เจ้ามาช่วยข้ามิใช่ให้มาบาดเจ็บเช่นนี้ หากอาจารย์รู้เข้าข้าจะพูดกับเขาว่าอย่างไรเล่า เชื่อข้าเถอะวันนี้ก็พักไปก่อน”
“ไม่เป็นไรข้าเองก็ไม่มีอะไรทำ ระหว่างรอเทียบสั่งยาของหมอหลวงเวินจะช่วยดูหม้อยาพวกนี้ให้ พวกท่านทำแผลไปก่อนเถอะเจ้าค่ะ”
เฟิ่งเซียวหันไปมองซินเยว่ที่หันไปดูหม้อต้มยาแทนอวิ่นซูหรัน ท่าทางนางดูคล่องแคล่วเหมือนเคย เมื่อมองดูเขาอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ อวิ่นซูหรันถึงกับอึ้งเมื่อเห็นรอยยิ้มเล็ก ๆ นี้ผุดขึ้นมาบนใบหน้าของเฟิ่งเซียว
นางรู้จักเขามานับสิบปี แต่กลับไม่เคยเห็นรอยยิ้มของเฉินเฟิ่งเซียวเลยแม้แต่ครั้งเดียว สายตาของเขาที่มองถานซินเยว่เองก็มิใช่สายตาที่มองคนทั่วไปจนนางรู้สึกได้ อวิ่นซูหรันจึงทำลายความเงียบนี้และหันไปถามซินเยว่ที่กำลังพัดไปที่หม้อยาแทน
“น้องหญิงซินเยว่ เจ้าเองก็เคยต้มยาแบบนี้ด้วยหรือ”
“ศิษย์น้องเจ้าไม่รู้อะไร นางน่ะเป็นผู้รอบรู้เรื่องสมุนไพร ค่ายผู้ประสบภัยที่เมืองลี่เหมินนี้ ก็ได้ร้านป่าจิ้นถานของนางช่วยเอาไว้ แค่ต้มยาไม่กี่หม้อนางทำได้อยู่แล้ว เรื่องนี้เจ้าวางใจได้”
ซินเยว่เพียงแค่พยักหน้าและหันไปสนใจหม้อต้มยา แทนภาพที่ทั้งสองนั่งทำแผลให้กันด้านหลัง นางรู้สึกเหมือนกับจะวิงเวียนศีรษะ อึดอัดที่หน้าอกจนแทบหายใจไม่ออก หากไม่ต้องรอเทียบยาจากหมอเวินก็คงไม่อยากยืนอยู่ที่นี่ต่อแล้ว
“ยาที่ต้มเสร็จแล้ว จะให้เอาไปให้ที่ใดหรือเจ้าคะ”
“รบกวนเจ้าเทไปที่หม้อกรองกากใส่กาใหญ่นั่นเอาไว้ อีกประเดี๋ยวจะมีคนมารับไปที่กระโจมของผู้ป่วย โอ๊ะ!”
“เจ็บหรือ ข้าบีบเจ้าแรงไปหรือ"
ซินเยว่หันไปมองเข้าพอดี น้ำเสียงที่ฟังแล้วเป็นห่วงของเฉินเฟิ่งเซียวทำให้ต้องรีบหันมาสนใจหม้อต้มยาข้างหน้า นางไม่อยากได้ยินด้วยซ้ำ และโชคดีที่หมอเวินวิ่งมาพอดี
“กล่องยามาแล้วขอรับหมอเฉิน”
ขอบคุณมากท่านหมอเวิน ท่านไปทำงานต่อเถอะ”
“ขอรับ จริงสิคุณหนูถานนี่เป็นเทียบยาที่ข้าจะสั่ง จะว่าไปแล้วท่านควรคิดเงินได้แล้วนะ เอาไว้ช่วยที่ร้านบ้างก็ได้”
“เจ้าค่ะ ๆ หลังจากนี้นะเจ้าคะ”
“เช่นนั้นข้าขอตัวไปตรวจคนป่วยก่อน”
“เจ้าค่ะท่านหมอ ไม่ต้องห่วง”
“พันแผลแน่นไปหรือไม่ ตอนนี้ทายาแล้วอีกไม่นานก็น่าจะหาย เจ้าทนเอาหน่อยนะ อีกอย่างสองสามวันนี้ก็พักก่อนก็ได้ ตั้งแต่เจ้ามาถึงก็ทำงานมิได้หยุดพักเลย ร่างกายเจ้าก็จะไม่ไหวเอา”
“ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ขอเพียงได้ช่วยท่านก็พอแล้ว”
ซินเยว่เมื่อได้ยินทั้งสองคุยกัน มือของนางก็ดูเหมือนจะเริ่มหมดเรี่ยวแรงลง ก่อนหน้านี้นางเคยสนิทสนมกับเฟิ่งเซียว พาเขาเดินเที่ยวในตลาดและคุยกับชาวบ้านแถวนั้นจนเริ่มคุ้นเคยอยู่หลายครั้ง
หลังจากนั้นเขาก็มักจะซื้อขนมไปฝากเด็ก ๆ แทนค่ายาที่นางเอามาให้ แต่หลังจากที่เขาป่วยก็มิได้ไปที่ร้านยาของนางอีกเลย จนกระทั่งอวู่หรันเดินทางมาถึงอำเภอลี่เหมิน
“ข้าจะพันแผลให้นะ”
ซินเยว่เหม่อลอยเพราะคิดบางอย่างอยู่ในใจ หม้อยาตรงหน้าเดือดและนางไม่ทันมอง พัดที่ถืออยู่ในมือก็เริ่มติดไฟ เฟิ่งเซียวได้กลิ่นบางอย่างไหม้จึงหันมา และพบว่าซินเยว่ยืนเหม่อลอยจนหม้อต้มยาเดือดออกมา
“ถานซินเยว่นั่นเจ้าทำอะไรน่ะ ไฟไหม้หม้อต้มยาหมดแล้ว!”