บทย่อ
การโคจรกลับมาพบกันอีกครั้งของพวกเขา ทำให้ต่างฝ่ายต่างต้องเจ็บปวด วีรพัทธ์ทั้งเจ็บทั้งแค้นที่สหัสสะทิ้งไปโดยไม่บอกเหตุผล แถมยังฝากภาพจำแห่งการนอกใจด้วยการไปมีสัมพันธ์กับใครอีกคน 3 ปีผ่านไปแผลในใจยังไม่ถูกเยียวยา สหัสสะก็กลับเข้ามาในชีวิตอีกครั้งในฐานะผู้จัดการส่วนตัวชั่วคราว เขาจึงประกาศกร้าวว่าจะเอาคืนให้สาสม! สหัสสะยอมหักหลังคนรักอย่างวีรพัทธ์เพื่อคนที่เขารักมากกว่า และอยากให้วีรพัทธ์ก้าวไปข้างหน้าโดยที่ไม่มีเขาเป็นตัวถ่วง แต่ไม่คิดว่า 3 ปีผ่านไปความจำเป็นในชีวิตจะทำให้พวกเขาได้กลับมาพบกันอีก สหัสสะจึงยอมเป็นเบี้ยล่างเพื่อหวังชดใช้ความผิดในอดีต
ตอนที่ 1.1 ผู้จัดการชั่วคราว
เสียงแจ้งเตือนข้อความเข้าจากโทรศัพท์มือถือช่วยดึงให้สหัสสะตื่นจากภวังค์ เขายกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาที่กำลังจะเอ่อล้นจากกระบอกตาทิ้งไป แล้วรีบเอื้อมมือไปหยิบต้นกำเนิดเสียงนั้นขึ้นมากดรหัสผ่าน เขาไม่ได้กดเข้าไปอ่านข้อความเพราะรู้อยู่แล้วว่ามันแจ้งเตือนเรื่องอะไร แต่เขารีบกดเข้าไปในแอปพลิเคชันของธนาคารแห่งหนึ่ง เหลือบมองยอดเงินในบัญชีที่เพิ่มขึ้นมาจากเมื่อชั่วโมงก่อน ก่อนจะกดมันโอนต่อไปให้ใครบางคนทันที
ชายหนุ่มระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่ออีกฝ่ายส่งข้อความกลับมาว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีในอีกไม่ถึงห้านาทีถัดมา แต่พอเขาเหลือบเห็นเวลาบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือก็ต้องเบิกตากว้างแล้วรีบสะบัดผ้าห่มออกจากร่างทันที
สหัสสะก้าวยาว ๆ เข้าไปในส่วน walk in closet พลางสายตาก็จ้องไปที่ตารางหลากสีแผ่นหนึ่งที่แปะเอาไว้หน้าตู้เสื้อผ้า
“วันอังคาร โชคลาภเงินทอง ต้องใส่สีส้ม”
เขาคว้าเอาเสื้อยืดคอวีสีส้มแบรนด์ดังออกมาแขวนไว้หน้าตู้ ก่อนจะกวาดตามองหากางเกงที่จะใส่คู่กัน
“ใส่กับกางเกงสีขาวดีมั้ยนะ” คิดพลางก็ถอยเท้ามาดูสีมงคลอีกครั้ง “ไม่ได้ ๆ สีขาวเป็นกาลกิณีอับโชค ไม่ดี ๆ” เขาคิดอยู่ชั่วครู่ด้วยสีหน้าหนักใจ “แต่จะใส่กางเกงสีม่วงหรือสีแดงกับเสื้อสีส้มก็ไม่ไหวป๊ะ”
ตารางสีเสื้อผ้าเสริมดวงตามวันวันนี้มีแต่สีฉูดฉาด ซึ่งมันตรงกันข้ามกับรสนิยมของคนใส่เสียเหลือเกิน สหัสสะจึงตัดสินใจคว้าเอากางเกงยีนสีดำที่ไม่ได้ระบุอยู่ในวันอังคารออกมา เอามันแขวนไว้คู่กับเสื้อสีส้มตัวก่อนหน้า แล้วเขาก็รีบหันมาจัดการเรื่องของตัวเองแข่งกับเวลาที่งวดเข้ามาทุกที
ชายหนุ่มวัยยี่สิบสามปีที่จบการศึกษามาปีกว่าแต่ยังไม่มีงานประจำทำอย่างสหัสสะจำต้องรับงานดูแลศิลปินชั่วคราวระหว่างที่ผู้จัดการตัวจริงไปเตรียมตัวคลอดลูกเป็นเวลาสามเดือน ด้วยเหตุผลว่าเขาจะได้ค่าจ้างเป็นเงินก้อนมาใช้ก่อนล่วงหน้า ตอนนั้นสหัสสะรีบรับปากทันทีเพราะมีเรื่องต้องใช้เงินด่วน หลังเซ็นสัญญาจึงได้รู้ว่าศิลปินที่ตัวเองต้องมาดูแลเป็นวีรพัทธ์ นักแสดงหนุ่มชื่อดังดีกรีนักเรียนนอก
“รสนิยมต่ำ!”
คนที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำชำเลืองมองเสื้อสีส้มกับกางเกงยีนสีดำที่เขาต้องใส่พร้อมกับคำต่อว่าที่ไม่คิดจะรักษาน้ำใจคนฟัง ก่อนจะคว้ามันปาใส่หน้าสหัสสะ แล้วเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบเสื้อสีขาวออกมาแทน
“วันนี้ใส่สีขาวไม่ได้นะครับ” แต่สหัสสะก็รีบห้าม พลางเข้าไปแย่งเสื้อสีขาวตัวนั้นมาถือไว้
“ทำไม?” วีรพัทธ์ถามกลับด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ แววตาของเขาขุ่นมัวยามมองไปที่ร่างขาวที่มีเพียงผ้าเช็ดตัวพันลำตัวช่วงล่างกับเสื้อสีขาวที่แย่งจากมือเขาไปบดบังแผงอกที่เต็มไปด้วยรอยคิสมาร์กจากปากของเขาเอง
“มันอัปมงคลสำหรับวันอังคาร”
สหัสสะตอบด้วยสีหน้าจริงจัง ทำเอาคนฟังถึงกับต้องกระตุกมุมปาก วีรพัทธ์ส่งเสียงเยาะในลำคอ พร้อมกับกวาดสายตามองไปทั่วร่างขาวตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกครั้ง
“มีตัวกาลกิณีอยู่ในห้องฉันยังไม่กลัวเลย จะกลัวอะไรกับอีแค่สีเสื้อ” แล้วเขาก็กระชากเอาเสื้อสีขาวตัวนั้นมาสวมทันที
“ใส่สีส้มดีกว่านะครับ”
สหัสสะลดเสียงลงอย่างขอร้อง นอกจากสะเทือนใจที่อีกฝ่ายต่อว่าดูถูก เขาก็ยังสำนึกได้ว่าตัวเองเป็นอะไรในสายตาของวีรพัทธ์
“ไม่ต้องเสือก!”
คนตัวเล็กกว่าเม้มริมฝีปากแน่นอย่างพยายามที่จะสะกดกลั้นความโกรธและความน้อยใจ แม้ว่าวีรพัทธ์จะไม่เคยพูดดีด้วยตั้งแต่วันแรกที่ได้พบกันในฐานะผู้จัดการส่วนตัวชั่วคราวกับศิลปินในความดูแล แต่สหัสสะก็ทำทุกอย่างตามที่ดาวิกาผู้จัดการของวีรพัทธ์สอนไว้ รวมทั้งเพิ่มความจริงใจของตัวเองเข้าไปด้วยเสมอ เขาจึงอดที่จะโกรธหรือน้อยใจไม่ได้ที่อีกฝ่ายไม่เคยมองเห็นเลย เอาแต่ด่าว่าและดูถูก ไม่ว่าเขาจะทำอะไร วีรพัทธ์ก็มักจะขัดไปเสียทุกเรื่อง
“ก็ตามใจครับ ถ้าเกิดเรื่องซวยอะไรขึ้นมาก็อย่ามาโทษผมก็แล้วกัน”
ทันทีที่ถ้อยคำประชดประชันจบลง ร่างของคนพูดก็ลอยหวือไปปะทะกับบานประตูตู้เสื้อผ้าด้วยน้ำมือของวีรพัทธ์
ฝ่ามือแข็งราวกับคีมเหล็กล็อกลำคอขาวจนเจ้าของมันใบหน้าแดงก่ำ ร่างบางดิ้นพล่านเพราะความกลัวและตกใจที่อีกฝ่ายใช้กำลังกับตน แม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกก็ตาม
“มันไม่มีอะไรซวยเท่ากับที่ฉันต้องมาเจอคนอย่างนายแล้วไม่รู้หรือไง! ไม่ต้องกลัวว่าที่นี่จะมีอะไรทำให้ฉันอับโชคไปมากกว่านี้ เพราะแม้แต่ตัวกาลกิณีอย่างนายฉันยังเอาได้ เพราะงั้น มันก็ไม่มีอะไรทำร้ายฉันได้อีกแล้ว”
ทันทีที่สิ้นประโยคที่หาคำระรื่นหูไม่ได้เลยสักนิดนั้น ริมฝีปากของคนพูดก็ประทับลงมาอย่างหนักหน่วงไร้ซึ่งความปรานี ไม่มีสักเสี้ยววินาทีที่จะปล่อยให้สหัสสะได้โต้แย้งหรือแม้แต่หายใจ วีรพัทธ์บดขยี้ทั้งร่างกายและหัวใจดวงน้อย ๆ ที่พยายามจะเข้มแข็งทุกครั้งที่ต้องเผชิญกับด้านมืดของเขา
สหัสสะได้แต่ปลอบตัวเองด้วยน้ำตาทุกครั้งว่านี่อาจเป็นกรรมที่เขาเคยทำกับคนตรงหน้าให้เจ็บช้ำ เมื่อถึงเวลาที่วีรพัทธ์เอาคืนบ้าง และตัวเขาเองอยู่ในฐานะที่ไม่อาจขัดขืนได้จึงจำต้องฝืนใจยอมสยบแทบเท้า
“ถือว่าเป็นของแถมก็แล้วกัน เมื่อคืนนายบริการไม่ดีเท่าไร ไม่คุ้มกับเงินที่ฉันโอนเข้าบัญชีให้”
วีรพัทธ์ผละใบหน้าออกไปเพียงคืบ พร้อมกับเค้นเสียงเครียด ก่อนที่เขาจะบดเบียดร่างสูงกว่าเข้ามาตักตวงร่างเล็กอีกครั้งหลังจากที่ทำให้ช้ำมาทั้งคืน เขาทำรุนแรงไม่ต่างกับคำพูดที่ใช้ ไม่เคยอ่อนโยนเช่นคนที่อยากร่วมรักควรกระทำต่อกัน คงเพราะเขาไม่ได้พิศวาสในร่างกายของสหัสสะ แต่ที่วีรพัทธ์ทำทุกอย่างก็เพื่อความสะใจเท่านั้น และที่ตลกร้ายก็คือ…
คนถูกกระทำอย่างสหัสสะกลับอิ่มเอมทุกครั้งหลังผ่านห้วงเวลาอันควรจะต้องรู้สึกเจ็บปวดจากความเอาแต่ใจของอีกฝ่าย อาจเป็นเพราะลึก ๆ แล้ววีรพัทธ์ก็ไม่ได้ทำร้ายให้เจ็บตัวมากมาย เพียงแต่ขู่ให้กลัวและกดให้อยู่ใต้อาณัติ หากสหัสสะยอมตามใจหรือเอาใจบ้าง ขี้คร้านอีกฝ่ายจะละลายเป็นขี้ผึ้งถูกลนไฟ
ตัวเลขบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือบอกเวลาว่าเหลืออีกไม่ถึงสิบนาทีที่สหัสสะควรไปถึงงาน แต่ชายหนุ่มกลับเพิ่งจะออกมาจากสถานีรถไฟฟ้า ปกติหากมีเวลาเขาจะนั่งรถโดยสารประจำทางเพื่อประหยัดค่าแท็กซี่หรือมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แต่วันนี้คงต้องพึ่งพาอย่างหลังแม้ว่ามันจะแพงกว่ามากก็ตาม
ฝ่ายวีรพัทธ์หลังจากเสร็จกิจก็สวมเสื้อผ้าออกมาจากห้องชุดทันที โดยที่ไม่รอสหัสสะทั้ง ๆ ที่ต้องมาสถานที่เดียวกัน แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะที่นั่งในรถสปอร์ตข้าง ๆ คนขับ ไม่ใช่ที่ของสหัสสะมานานแล้ว
“แค่ต้องหายใจร่วมกับนายบนเตียงก็สะอิดสะเอียนพอแล้ว”
นั่นเป็นเหตุผลที่วีรพัทธ์ไม่เคยให้เขานั่งรถไปด้วย สหัสสะจึงต้องใช้บริการรถไฟฟ้าหรือไม่ก็รถโดยสารสาธารณะ โชคดีที่งานที่ดาวิการับไว้ล่วงหน้าตลอดสามเดือนนี้ส่วนใหญ่อยู่ในเมือง การเดินทางจึงไม่ลำบากมากนัก แต่ถึงกระนั้นสิ่งที่สหัสสะต้องระลึกไว้เสมอและต้องทำให้ได้ก็คือ เขาต้องออกจากคอนโดทีหลังและไปถึงงานก่อนวีรพัทธ์เสมอ