บทที่ 6
แน่นอนว่าดิษกรย์รู้อยู่เต็มอกว่าลัลน์ลลินหลงรักเขามาตั้งแต่เริ่มเข้าสู่วัยสาว ทว่า...เขาไม่เคยสนใจหญิงสาว หรือคิดเกินเลยไปมากกว่าการเป็นน้องสาว ในวันที่เขาไปทำงานในประเทศนอร์เวย์ เขาจำได้ขึ้นใจว่าเห็นลัลน์ลลินร้องไห้ตอนไปส่งเขาที่สนามบินด้วย
เขาไปทำงานในประเทศนอร์เวย์เป็นเวลาหกปีแล้ว สองปีแรก...ลัลน์ลลินส่งข้อความหาเขาสม่ำเสมอ และเขาก็ตอบบ้างไม่ตอบบ้าง แต่หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้ตอบข้อความของหญิงสาวอีกเลย และเขาคิดว่าหญิงสาวคงมีคนรัก แต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว
ทว่า...จากการสืบเสาะประวัติของลัลน์ลลินก่อนจะลงมือแก้แค้น ทำให้เขารู้ว่าตลอดระยะเวลาหกปี หรือจะเรียกว่าตั้งแต่แรกเริ่มเข้าสู่วัยสาว ลัลน์ลลินไม่เคยมีคนรัก ไม่เคยออกเดทกับผู้ชายคนไหนแม้แต่คนเดียว ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าหญิงสาวยังรักและรอเขาอยู่เหมือนเดิม
และเมื่อครอบครัวของลัลน์ลลินและตัวเธอทำร้ายครอบครัวของเขาจนพังพินาศ เขาจะใช้ ‘ความรัก’ ที่ลัลน์ลลินมีต่อเขา เป็นเครื่องมือทำให้หญิงสาวเจ็บปวดเหมือนตายทั้งเป็น!!!
ดิษกรย์สั่งกาแฟมาจิบอย่างใจเย็น กล้าเอาหัวเป็นประกันว่าลัลน์ลลินต้องลงมาพบเขาอย่างแน่นอน และก็เป็นเช่นดั่งที่คิดไว้ไม่มีผิด เมื่อร่างบางระหงเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าและเอ่ยเรียกเขาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“พี่ดิษ!”
ดิษกรย์ลอบกระตุกยิ้มหยันโดยที่ลัลน์ลลินไม่มีโอกาสได้เห็น เขากำลังยิ้มเยาะเหยื่อที่ไม่รู้ชะตากรรมของตน และยิ่งได้เห็นแววแห่งรักที่ไหวระริกอยู่ทั่วดวงตากลมโต ชายหนุ่มก็ยิ่งเยาะหยันหญิงสาวมากเท่านั้น
และเพื่อเป็นการไม่แหวกหญ้าให้งูตื่น ไม่ทำให้เหยื่อไหวตัว ดิษกรย์จึงซ่อนแววตาของความอาฆาตแค้นไว้ภายใน จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพร้อมกับคลี่ยิ้มให้กับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“ครับ พี่ดิษเอง...พี่ดิษดีใจที่น้องลลินยังจำพี่ดิษได้ พี่นึกว่าน้องลลินลืมพี่ซะแล้ว”
ในตอนท้ายดิษกรย์แสร้งตีหน้าสลดขณะเอ่ยตัดพ้อเบาๆ และนั่นทำให้ลัลน์ลลินต้องรีบเอ่ยปลอบ โดยหารู้ไม่ว่าตนเองกำลังก้าวขาข้างหนึ่งเข้าสู่เกมการแก้แค้นของดิษกรย์แล้ว
“โธ่...พี่ดิษ...อย่าพูดแบบนั้นสิคะ” ลัลน์ลลิตีหน้าเหยเกไม่สบายใจกับคำพูดของอีกฝ่าย “ลลินไม่เคยลืมพี่ดิษเลยนะคะ ลลินคิดถึงพี่ดิษทุกวัน มีแต่พี่ดิษที่ไม่เคยติดต่อหาลลินเลย”
“พี่ดิษขอโทษครับ”
ดิษกรย์เอ่ยขอโทษเสียงอ่อน ก่อนจะยกเหตุผลมาหักล้างคำต่อว่าของหญิงสาว
“น้องลลินก็รู้ว่าพี่เป็นวิศวกรทำงานให้กับบริษัทขุดเจาะน้ำมัน พี่ต้องไปทำงานอยู่กลางทะเลแทบจะตลอดเวลา งานของพี่ค่อนข้างรัดตัว อีกทั้งการสื่อสารไม่ได้สะดวกสบายมากสักเท่าไร นั่นคือเหตุผลที่ทำให้พี่ไม่ได้ติดต่อกับน้องลลินเลย แต่...สาบานได้ว่า ไม่มีวันใด ที่พี่ดิษจะไม่คิดถึงน้องลลิน”
ดิษกรย์สมควรได้รับรางวัลตุ๊กตาทองคำจากการแสดงละครได้อย่างแนบเนียนที่สุด นอกจากเอ่ยบอกเสียงเศร้าแล้ว เขายังตีสีหน้าเสียใจให้ลัลน์ลลินได้เห็น แถมในตอนท้ายก็หยอดคำหวานให้หญิงสาวต้องเขินอายหน้าแดงซ่านด้วย
“ลลินเข้าใจค่ะ ว่าทำไมพี่ดิษถึงไม่มีเวลาติดต่อหาลลินเลย พี่ดิษอย่าโทษตัวเองเลยนะคะ” ขณะเอ่ยปลอบ ลัลน์ลลินก็ทำใจกล้าเอื้อมมือไปจับมือใหญ่แล้วบีบเบาๆ เพื่อเป็นการให้กำลังใจดิษกรย์ด้วย
ดิษกรย์คลี่ยิ้มพลิกฝ่ามือตัวเองเพื่อเป็นฝ่ายจับกุมมือเล็กทั้งสองบ้าง “ขอบคุณน้องลลินที่เข้าใจพี่ดิษ”
รอยยิ้มบางๆ ที่ปรากฏอยู่บนใบหน้า ยิ่งส่งให้ดิษกรย์ดูหล่อเหลาคมเข้ม จนคนที่ทอด
สายตาจ้องมองถึงกับตาพร่ายิ่งหลงรักชายหนุ่มมากกว่าที่เป็นอยู่
“น้องลลินจ้องพี่ดิษแบบนี้พี่ดิษคิดเงินนะครับ” ดิษกรย์แกล้งสัพยอก เท่านั้นยังไม่พอ ยังลูบไล้ทั่วมือเล็กที่ตนเองกุมไว้แน่นไม่มีปล่อย
คราวนี้ลัลน์ลลินยิ่งเขินอายหน้าแดงซ่านกว่าเดิม และเมื่อรู้สึกตัวว่าถูกดิษกรย์กุมมือไว้ตลอดเวลา ก็พยายามดึงมือกลับ ทว่า...มือใหญ่ที่เหนียวแน่นยังกับมือตุ๊กแกยังคงจับยึดไว้ ทำให้หญิงสาวจำต้องปล่อยให้ดิษกรย์กุมมือไว้เช่นนั้น
“ว่าแต่พี่ดิษกลับมาถึงประเทศไทยเมื่อไรคะ ทำไมไม่โทร.มาบอกลลินก่อน ลลินจะได้พาคุณป้าไปรับพี่ดิษที่สนามบินด้วยกัน”
ลัลน์ลลินไม่รู้เลยว่าคำพูดของเธอสร้างความโกรธเคืองให้กับดิษกรย์เป็นอย่างมาก จนชายหนุ่มต้องลอบขบกรามเค้นเสียงด่าอยู่ในใจ
‘สารเลว...ตีหน้าเป็น พูดถึงคุณแม่ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น’
“พี่ไม่อยากให้น้องลลินต้องลำบากไปรับ...พี่กลับเองจะสะดวกกว่าครับ”
ดิษกรย์เอ่ยยิ้มๆ ซ่อนความโกรธแค้นไว้ภายใต้รอยยิ้มกว้าง ที่ขยันคลี่ยิ้มให้กับลัลน์ลลินตลอดเวลา เพื่อหลอกล่อให้เหยื่อตายใจ ก่อนจะขย้ำให้แหลกคามือเมื่อโอกาสมาถึง
“พี่ดิษคะ...ลลิน...ลลินเสียใจด้วยกับเรื่องของคุณลุง...”
‘ไม่ต้องมาบีบน้ำตา เพราะพวกคุณ พ่อผมต้องฆ่าตัวตาย’
ดิษกรย์กัดฟันดังกรอด ต้องสะกดใจไว้สุดกำลังเพื่อไม่ให้เอื้อมมือไปบีบคอคนตรงหน้า ใช่ว่าจะมีเขาแค่เพียงคนเดียวที่เล่นละครตีบทแตก ลัลน์ลลินก็เล่นละครได้แนบเนียนไม่แพ้กัน ทั้งๆ ที่ครอบครัวของเธอเป็นต้นเหตุสำคัญทำให้พ่อของเขาต้องฆ่าตัวตาย แต่หญิงสาวกลับบีบน้ำตาให้เห็นราวกับกำลังเสียใจหนักหนา
“ขอบคุณมากครับ” ดิษกรย์เอ่ยออกมาได้หลังจากลอบสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เพื่อระงับความแค้นไว้ในใจ “พี่เสียใจเรื่องของคุณพ่อมาก และพยายามคิดว่าท่านไปสบายแล้ว”
“ลลินจะคอยเป็นกำลังใจให้พี่ดิษนะคะ”
ลัลน์ลลินเอื้อมมือไปบีบมือใหญ่ทั้งสองขณะเอ่ยปลอบ พร้อมกับคลี่ยิ้มให้กับชายหนุ่มด้วย
“มีแค่เพียงลลินคนเดียวเท่านั้น ที่คอยเป็นกำลังใจให้กับพี่ดิษเสมอ”
ดิษกรย์เล่นไปตามน้ำ ฝืนใจคลี่ยิ้มให้กับลัลน์ลลินทั้งๆ อยากฆ่าหญิงสาวเหลือกำลัง
“เอ่อ...แล้วพี่ดิษ...กลับมาคนเดียวหรือคะ หรือว่ามีเอ่อ...”
ด้วยกลัวว่าจะพบเจอกับความเจ็บปวด ลัลน์ลลินจึงไม่กล้าพูดถึงภรรยา หรือคนรักที่
ดิษกรย์อาจจะพากลับมาประเทศไทยด้วย
ดิษกรย์รู้ว่าลัลน์ลลินหมายถึงอะไร จึงเอ่ยตอบพร้อมกับหยอดคำหวานไปพร้อมๆ กันด้วย
“พี่ดิษยังไม่มีใครครับ ถ้าหากพี่ดิษพกเมียมาด้วย พี่ไม่มีทางมาหาน้องลลินเป็นคนแรกตั้งแต่มาถึงประเทศไทย”
ลัลน์ลลินคลี่ยิ้มหวาน ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความดีใจ และเผยความรักภักดีให้ดิษกรย์ได้เห็นอย่างชัดเจน โดยหารู้ว่าไม่สิ่งที่เธอเผยให้อีกฝ่ายเห็นนั้น ยิ่งทำให้ดิษกรย์ยิ้มเยาะ เพราะเธอกำลังตกเป็นหมากในเกมของเขาเข้าเต็มประตูแล้ว
“น้องลลินทานข้าวเที่ยงหรือยังครับ พี่ดิษตั้งใจมารับน้องลลินไปทานข้าวด้วยกัน”
ดิษกรย์เริ่มดำเนินการตามแผน
“ยังเลยค่ะ ตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย นอกจากกาแฟแก้วเดียวค่ะ” ลัลน์ลลินยิ้มแห้งๆ ขณะเอ่ยตอบ
ดิษกรย์ก้มลงมองนาฬิการาคาแพงบนข้อมือ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นแสร้งเบิกตาโตขณะเอ่ยพูดเสียงหลง
“บ่ายโมงเกือบบ่ายสองแล้ว น้องลลินยังไม่ได้ทานข้าวเลยหรือครับ งานหนักน่าดู”
“ค่ะ พี่ดิษ” ลัลน์ลลินรับคำ พลางเอ่ยบอกเหตุผลเพิ่มเติมว่า “พอดีวันนี้ลลินมีประชุมกับหุ้นส่วนบริษัทนะคะ เราตกลงกันไม่ได้ในบางหัวข้อ เลยทำให้การประชุมยืดเยื้อ นี่ลลินก็เพิ่งออกมาจากห้องประชุม ก่อนจะมาหาพี่ดิษนะคะ”
“หุ้นส่วนมีเยอะหรือครับ น้องลลินถึงบอกว่าตกลงกันไม่ได้”
ดิษกรย์เอ่ยถามราวกับสนใจและใคร่อยากรู้ ทว่าในความเป็นจริงแล้ว เขาอยากรู้ว่าลัลน์ลลินจะพูดถึงการโกงบิดาของเขาหรือเปล่า
“ไม่มากเท่าไรค่ะพี่ดิษ ส่วนมากคุณพ่อเลือกลงทุนกับเพื่อนๆ ที่รู้จักและไว้ใจกันเท่านั้นค่ะ”
‘แน่นอน ลงทุนกับเพื่อนรักที่ไว้ใจ เพื่อจะโกงกันได้ง่ายๆ’
ดิษกรย์เยาะหยัน บอกกับตัวเองว่าควรรีบพาลัลน์ลลินออกจากที่นี่ ก่อนที่เขาจะระงับความโกรธแค้นเอาไว้ไม่อยู่ พลอยทำให้แผนแตกก่อนจะทันได้เริ่มการแก้แค้น
“ตอนนี้ก็เกือบบ่ายสองโมงแล้ว พี่ดิษว่าเราไปหาอะไรทานกันเถอะครับ พี่มีร้านประจำอยู่ร้านหนึ่ง ตอนอยู่ประเทศไทยพี่จะไปกินข้าวร้านนี้ทุกครั้งที่มีโอกาส เดี๋ยวพี่จะพาน้องลลินไปทานนะครับ บรรยากาศดีมาก รับรองว่าไปแล้วน้องลลินต้องติดใจแน่นอนครับ”
“แหม! พี่ดิษอวยซะขนาดนี้ เห็นทีว่าเราต้องรีบไปกันแล้วค่ะ อีกอย่าง...ลลินหิวข้าวจนแทบจะล้มช้างได้แล้วค่ะ”
ลัลน์ลลินเอ่ยติดกลั้วเสียงหัวเราะร่วน พอดิษกรย์ลุกขึ้นยืนแล้วยื่นมือมาข้างหน้าให้จับประคองเพื่อลุกขึ้นบ้าง ก็รีบกุมมือใหญ่ไว้ในทันที
“ถ้ายังงั้นไปกันเลยครับ พี่ดิษก็หิวข้าวเหมือนกันครับ สารภาพตรงๆ เลยว่าพี่ดิษแขวนท้องรอน้องลลินตั้งแต่เช้าแล้ว”
ดิษกรย์หยอดคำหวาน พร้อมกับจับกุมมือเล็กไว้แน่น ก่อนจะผายมือเชิญให้ลัลน์ลลินเดินออกจากตัวอาคารตรงไปยังรถยนต์ของเขา แล้วขับออกจากบริเวณลานจอดรถอย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่าไม่มีร้านอาหารหรูหรือโรแมนติคตามที่โอ้อวด คงมีแค่เพียงสถานที่ที่เรียกว่า ‘นรกบนดิน’ ซึ่งจะกักขังเชลยเพื่อทำการแก้แค้นให้สาสม