บทที่ 1 ที่มาของความแค้น 1
“คุณหนูแน่ใจเหรอครับว่าจะทำงานนี้?” น้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความห่วงใยหลุดออกมาจากปากของนาโอะโตะ ผู้ชายที่เปรียบเสมือนพี่ เพื่อนและลูกน้องของทรรศิกา หรือคุริฮาระ ทามะโกะ ลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น หญิงสาวที่มีสายเลือดของยากูซ่าครึ่งหนึ่งในร่างกาย คนที่ถูกถามเหมือนจะระบายลมหายใจออกมาเบาๆ คลายความกลัดกลุ้มและกังวลที่มีเมื่อได้ยินคำถามนี้
“ทามะโกะก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแน่ใจหรือไม่แน่ใจ แต่คุณพ่อสั่งมาทามะโกะก็ต้องทำ” ไม่มีใครรู้หรอกว่าคำสั่งของทาคุยะผู้เป็นบิดาสร้างความลำบากใจและความกังวลให้กับทรรศิกานักฆ่าสาวมือหนึ่งมากแค่ไหน เพราะคนที่บิดาสั่งให้ไปสังหารนั้น เป็นเพียงแม่บ้านธรรมดาคนหนึ่ง เพียงแต่ว่าแม่บ้านคนนี้คือภรรยาของทาจิบานะ ยูสุเกะหัวหน้าแก๊งมังกรขาว ความยากในการลงมือสังหารงานนี้จึงมีความยากในระดับสูงสุดเท่าที่เธอเคยลงมือมา แม้ใจไม่อยากทำแต่ก็ต้องทำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“เรื่องที่คุณท่านสั่งให้ไปฆ่าคุณมายุมิพี่ไม่ค่อยข้องใจเท่าไหร่ แต่พี่ไม่เข้าใจว่าทำไมนายท่านถึงมีคำสั่งให้คุณหนูไปฆ่าคุณมินามิด้วย ทั้งๆ ที่เป็นลูกสาวแท้ๆ แล้วก็เป็นน้องสาวของคุณหนูด้วย?” นาโอะโตะไม่เข้าใจคำสั่งนี้เลยแม้แต่น้อย สุชาลินีหรือมินามิ คือเลือดก้อนหนึ่งของทาคุยะเช่นกัน แล้วเหตุใดต้องสั่งให้ฆ่าลูกสาวแท้ๆ ของตัวเองด้วย เขามองไม่เห็นเหตุผลอะไรที่พอจะเป็นไปได้เลย จะว่าเป็นเรื่องที่สุชาลินีไปพบรักกับลูกชายคนโตของตระกูลทาจิบานะก็ไม่น่าจะใช่ เพราะทั้งสองตระกูลไม่ได้เป็นศัตรูกันถึงขนาดที่ว่าต้องห้ำหั่นกัน ถ้อยทีถ้อยอาศัยแบ่งแยกเขตการปกครองของแต่ละพื้นที่อย่างชัดเจน ไม่มีใครล่วงล้ำเข้ามาในเขตของอีกฝ่าย เป็นการดีเสียอีกที่ทั้งสองแก๊งจะได้รวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียวเป็นทองแผ่นเดียวกัน ความยิ่งใหญ่ที่จะไม่มีแก๊งไหนเทียบได้
“อย่าว่าแต่พี่นาโอะที่ไม่เข้าใจเลย ทามะโกะเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ถามย้ำคุณพ่อหลายครั้งหลายหนแล้ว คุณพ่อก็ตอบกลับมาคำเดิมทุกครั้ง คำว่าแน่ใจ แล้วยังบอกย้ำด้วยว่า ต้องฆ่าให้ได้ ถ้าฆ่าไม่ได้แม่ของทามะโกะก็ต้องตายแทน” นาโอะโตะฟังแล้วเกิดความหดหู่ใจยิ่งนัก ความสงสารที่มีต่อเจ้านายสาวมากล้นเหลือเกิน เขาเกิดมายืนอยู่บนโลกใบนี้มานานสามสิบห้าปี ไม่เคยเห็นใครเข้มแข็ง เด็ดเดี่ยวเท่ากับทรรศิกามาก่อนเลย แม้ว่าภายนอกเธอคือนักฆ่ามือหนึ่ง ผู้ซึ่งหยิบยื่นความตายให้กับเหยื่อเคราะห์ร้ายตามใบสั่ง ทว่าภายในจิตใจกลับตรงกันข้ามกับอาชีพ ไม่มีใครรู้จักเจ้านายสาวดีเท่ากับเขาและลูกน้องคนอื่นๆ แล้วรู้ด้วยว่าสาเหตุที่ทรรศิกาต้องผันตัวเองเป็นนักฆ่าเพราะอะไร และท้ายสุดของเหตุผลทำเพื่อใคร
“แล้วจะลงมือยังไง?” ในเมื่อทุกอย่างต้องเดินหน้าไม่มีวันถอย พวกเขาก็พร้อมที่จะยืนเคียงข้างทรรศิกาไปตลอดชีวิต
“เราจะบุกไปที่บ้านพักของยูสุเกะก่อน ทามะโกะให้คนไปสืบดูแล้ว คุณมายุมิไม่ค่อยสบายไม่ไปร่วมงานเลี้ยง เราจะฉวยโอกาสนี้จัดการ เสร็จจากทางนั้นแล้วเราค่อยไปลงมือต่อที่โรงแรม” ทรรศิกาพูดเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องง่ายที่จะจัดการกับคนสองคนที่มีความสำคัญกับแก๊งมังกรขาวพอๆ กัน มายุมิเป็นภรรยาของหัวหน้าแก๊งคนปัจจุบัน สุชาลินีหรือมินามิคือภรรยาของหัวหน้าแก๊งในอนาคต การรักษาความปลอดภัยต้องมีมากเช่นกัน งานในครั้งนี้ยากเย็นยิ่งนัก
“พี่ว่ามันยากนะทั้งสองทางเลย ที่บ้านพักก็ต้องมีคนคอยอารักขาอยู่แล้ว และยิ่งที่โรงแรมไม่ต้องพูดถึง คงจะมีมากกว่าเป็นเท่าตัว” ไม่ใช่ว่านาโอะโตะจะหวาดกลัวเรื่องที่จะลงมือทำ เพียงแต่ว่าความเสี่ยงนั้นมีมาก ความเป็นไปได้แทบจะมองไม่เห็น เขากลัวว่าทรรศิกาจะพลาดพลั้งเสียทีมากกว่า
“ที่บ้าน ทามะโกะจะบุกเข้าไปคนเดียว พี่นาโอะโตะกับคนอื่นคอยอยู่ข้างนอกรอสัญญาณก็พอ”
“ไม่เอา!! พี่ไม่ให้คุณหนูเข้าไปคนเดียวแน่ ยังไงพี่ก็ไม่ยอม” นาโอะโตะพูดเสียงดังขึ้นมาทันทีที่เจ้านายสาวพูดจบประโยค ไม่มีทางที่เขาจะให้เธอเข้าไปเสี่ยงคนเดียวแน่ ไปด้วยกันก็ต้องตายด้วยกันสิ
“แต่นี่เป็นคำสั่ง ถ้าพี่นาโอะโตะไม่ทำตามที่ทามะโกะสั่งก็ไม่ต้องมาพูดกันอีก” ทรรศิกาสวนกลับไปด้วยเสียงจริงจัง เหมือนกับสีหน้าและแววตาที่มองไปยังอีกฝ่ายเขม็ง ราวกับจะบอกลูกน้องหนุ่มว่าเธอเอาจริงไม่ได้ข่มขู่
“พี่ให้เวลาคุณหนูแค่สิบนาทีเท่านั้น ถ้าคุณหนูไม่ออกมาหรือว่าไม่ส่งสัญญาณบอก พี่จะบุกเข้าไป” เขายอมอ่อนให้แต่ไม่ยอมงอ ชายหนุ่มยื่นระยะเวลาให้เธอลงมือเพียงสิบนาทีเท่านั้น หากเลยจากนี้ไปเขาและพวกที่รออยู่ด้านนอกจะบุกเข้าไปในบ้านของยูสุเกะทันที
“ได้ ตกลงตามนี้ ไปเตรียมอาวุธและคนให้พร้อม เราจะลงมือกันในคืนพรุ่งนี้” เมื่อการสนทนายุติลง ร่างของทรรศิกาก็เดินเข้าไปในบ้านไม้ชั้นเดียวที่ปลูกอยู่บนยอดเขาสูงชัน เป็นเพียงบ้านหลังเดียวที่ปลูกอยู่บริเวณนั้น โดดเดี่ยว อ้างว้าง มีเพียงเธอกับมารดาและลูกน้องคู่กายอีกสามคนเท่านั้นที่อยู่ในบ้านหลังนี้ การเป็นนักฆ่าทำให้ทรรศิกาต้องตัดตัวเองออกจากโลกภายนอก ไม่มีใครรู้จักเธอในฐานะของลูกสาวหัวหน้าแก๊งพยัคฆ์ทอง ไม่มีใครรู้ว่าสาวหน้าหวานเจ้าของใบหน้ารูปไข่คือนักฆ่ามือหนึ่ง ทุกคนรู้เพียงว่าหญิงสาวเป็นคุณครูในโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งเท่านั้น
ร่างระหงค่อยๆ ย่องเข้ามาในห้องนอน ดวงหน้างามสวยยิ้มพรายเมื่อเห็นคนรักกำลังนอนหลับอยู่บนเตียง เท้าเปล่าเปลือยค่อยๆ เหยียบย่างเดินไปตามพื้นพรมให้เบาที่สุด เพื่อไม่ให้ชายร่างโตที่มีประสาทหูดีเลิศรู้ตัวว่าเธอกลับมาจากเมืองไทยแล้ว
“ปิ่นกลับมาแล้วค่ะ” หญิงสาวกระโดดขึ้นไปนั่งบนเตียง ตะโกนใส่หูของทาจิบานะ เรียว เสียงดังลั่น หวังจะให้เขาตื่นเต้นดีใจกับการกลับมาของเธอ หากเรียวก็ทำให้เธอผิดหวังอย่างแรงเมื่อเขานอนยิ้มไม่แสดงความดีอกดีใจหรือว่าตกใจกับเสียงหลายร้อยเดซิเบลของเธอ หันมาหาร่างสวยของคนรักที่นั่งหน้าบูด
“กลับมาแล้วเหรอ เครื่องบินลงตั้งแต่บ่ายสาม นี่มันสามทุ่มแล้วนะทำไมเพิ่งมาล่ะ?” แทนที่จะตกใจกับการกลับมาบ้านก่อนกำหนดของเธอ ยังจะมาทำเป็นรู้ดีเรื่องตารางการบินอีก ไม่ได้บอกให้รู้เสียหน่อย หูไวตาไวเหมือนเดิมเลย สุชาลินียังไม่ตอบกลับเอนกายลงนอนที่ลำแขนหนาแทน ตะแคงร่างกอดร่างใหญ่ด้วยความรักและคิดถึง
“พอลงเครื่องก็ไปหากิ๊กคนที่หนึ่ง แล้วก็เลยไปหากิ๊กคนที่สอง หลังจากนั้นก็เลยไปหากิ๊กคนที่สาม ท้ายสุดก็ไปหาคุณพ่อเอาของฝากไปให้ท่านเสร็จแล้วก็มาหาแฟนตัวจริงเสียงจริงนี่แหละค่ะ” สุชาลินีพูดหยอกเย้าอีกฝ่ายที่นอนยิ้มแป้นไม่สะทกสะท้านกับคำพูดของคนรักเลย เพราะรู้ดีว่าเธอไม่มีใครอื่นนอกจากเขา สาเหตุที่เธอมาหาเขาช้านั้นเป็นเพราะแวะไปเยี่ยมบิดาก่อนนั่นเอง
“แหม น่าเอาปืนไปยิงบรรดากิ๊กเหลือเกิน ว่าแต่กิ๊กชื่ออะไรบ้างล่ะจะได้ตามไปยิงถูก?” เขาพลิกร่างของตัวเองมาหาร่างบางที่นอนซุกอกขณะที่เอ่ยถาม
“ตัวแรกชื่อว่าเจ้าขนปุย ตัวที่สองชื่อสายฟ้า ตัวที่สามชื่อแทงโก้ค่ะ” สุชาลินีตอบคำถามหัวเราะคิกคัก กิ๊กที่เธอพูดออกมานั้นก็คือสุนัขที่หญิงสาวเลี้ยงเอาไว้ ก่อนที่จะเดินทางไปเมืองไทยเพื่อเยี่ยมมารดา หญิงสาวได้นำสุนัขไปฝากบิดา เนื่องจากเรียวไม่ค่อยมีเวลาดูแลมากนักเพราะชายหนุ่มวุ่นอยู่กับงานเปิดตัวคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ล่าสุด ที่มีวิวัฒนาการล้ำเลิศสูงสุดเครื่องหนึ่งของโลก ราคาของมันต่อเครื่องจึงแพงลิบลิ่ว หากทิ้งไว้ที่นี่สุนัขตัวโปรดของเธอต้องอดข้าวอดน้ำแน่นอน
“น้อยใจจริงๆ เลย กลับมาถึงแทนที่จะมาหาสามีกลับไปหาหมาซะงั้น” ทั้งสองพบกันครั้งแรกในงานแต่งงานของวิตโตริโอเพื่อนสนิท บ่มเพาะความรักมาเป็นเวลาหนึ่งปีจึงสุกงอม ทั้งสองจึงตกลงใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกันฉันสามีภรรยา โดยที่ยังไม่ได้แต่งงาน ไม่ใช่ว่าเขาและเธอไม่อยากแต่ง ตรงกันข้ามทั้งสองอยากจะใช้ชีวิตร่วมกันอย่างสมบูรณ์ถูกต้องตามกฎหมายและประเพณีใจจะขาด หากแต่บิดาของเรียวบอกว่าให้ผ่านงานเปิดตัวคอมพิวเตอร์ที่เขาทุ่มทั้งแรงกาย แรงใจและเงินมากกว่าพันล้านเยนไปก่อน แล้วค่อยมาคุยเรื่องแต่งงานอีกที ซึ่งทั้งสองไม่ได้ติดใจอะไรเพราะเท่าที่อยู่ทุกวันนี้ทั้งคู่ก็มีความสุขแล้ว
“น้อยใจทำไมคะ ก็ไปรับลูกๆ มาหาคุณพ่อของพวกเขา ทั้งคุณแม่กับลูกๆ ทั้งสามตัวคิดถึงคุณพ่อมากที่สุดเลยค่ะ” สุชาลินีหอมแก้มสากของคนรักหลายครั้งอย่างเอาใจ ก่อนจะขึ้นทาบทับร่างสูงใหญ่ของคนรักทั้งตัว มองสบสายตาที่เปล่งประกายด้วยคำว่ารักที่มีต่อกัน
“หายน้อยใจหรือยังคะ?” เธอถามขณะที่โน้มใบหน้าลงต่ำ ใช้ปลายลิ้นเลียเบาๆ ที่กลีบปากล่างของเรียว
“ยัง” เขาตอบเสียงค่อนข้างสั่น มือใหญ่ลูบไล้ไปตามเนื้อผ้าชุดสวยของสุชาลินี เขาใช้ปลายนิ้วกรีดบริเวณด้านข้างของน่องขึ้นสูงจนถึงลำตัว ลูบไปมาเป็นวงกลมที่แผ่นหลังบาง
“แล้วถ้าทำอย่างนี้หายน้อยใจหรือยังคะ” หญิงสาวจงใจบดเบียดเนินสาวตรงบริเวณแก่นกายชายที่บัดนี้ร้อนผ่าวอยู่ในกางเกงนอนและเริ่มจะโป่งนูนเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา เธอถูไถวนซ้ายวนขวาในขณะที่ปลายลิ้นเล็กยังคงเลียไล้กลีบปาก ก่อนจะไล้ไปตามแนวคางปาดเป็นทางยาวไปตามสันแก้ม ชายหนุ่มถึงกับครางอือกับเจตนาปลุกเร้าอารมณ์ของคนรัก
“หายน้อยใจหรือยังคะ?” เธอถามอีกครั้งแล้วยังคงทำเหมือนเดิม
“ยะ...ยัง มาก...มากกว่านี้ถึงจะหาย” เขาพูดออกมาอย่างยากยิ่งที่จะบังคับเสียงไม่ให้มันขาดห้วง สุชาลินียิ้มอย่างรู้ทันความคิดของเขาว่า มากกว่านี้ คืออะไร หญิงสาวจึงเริ่มปฏิบัติการทำให้เขาคลั่งทันที