บทที่ 1
ภายในห้องเช่าเล็กๆ ชั้นบนสุดของคอนโดกลางเก่ากลางใหม่ ตั้งอยู่ในแดนศิวิไลซ์อย่างกรุงเทพมหานคร เจ้าของร่างบางอรชร ซึ่งเป็นเจ้าของห้อง กำลังหน้าดำคร่ำเครียดอยู่กับหน้าจอโน้ตบุ้ค เพื่อเปิดหาบริษัทที่รับสมัครงานทั้งผ่านอินเตอร์เน็ต และแบบเข้าไปสมัครถึงหน้าบริษัท
“ทำไมงานมันหายากยังกับงมเข็มในมหาสมุทรแปซิฟิกน่ะ”
“เรียนจบมาเกือบหกเดือนแล้ว ยังหางานไม่ได้เลย”
“โอ๊ย...เบื่อ!”
พันธิสา เจ้าของร่างบางอรชร มีใบหน้างดงามไม่แพ้นางแบบแนวหน้าของเมืองไทย ร้องบ่นระงมกับชีวิตของตนเอง ที่ไม่สามารถหางานทำได้สักที
พันธิสากำลังเครียดหนัก เพราะเพื่อนคนอื่นๆ มีงานทำตั้งแต่เรียนยังไม่จบด้วยซ้ำไป ส่วนเธอนั้นหรือ? ไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่มีใครรับ หรือหากรับเข้าทำงาน ก็ทำได้ไม่เกินสัปดาห์ก็ถูกไล่ออก
แต่! ไม่ใช่เพราะทำงานไม่ดี ทำงานไม่ทนทานเหมือนพนักงานคนอื่นๆ แต่เป็นเพราะสวยเกินไป ทำให้มีปัญหากับพนักงานสาวทุกคน รวมทั้งมีปัญหากับพนักงานผู้ชายที่คอยตามตอแยเธอด้วย
“เบื่อ...เบื่อ...เบื่อ...ไม่อยากอยู่วิจัยฝุ่นแล้ว”
พันธิสาร้องตะโกนออกมาดังๆ ด้วยความเบื่อหน่าย เธอนั่งค้นหางานตั้งแต่เช้าจนกระทั่งตกเย็น แต่ก็ยังหางานไม่ได้สักที
และตอนนี้เธอก็เริ่มอ่อนล้า ดวงตาทั้งคู่ปวดระบมจากการนั่งจ้องหน้าจอโน้ตบุ้คมาทั้งวัน จึงซบหน้าลงกับโต๊ะ เพื่อพักสายตาสักครู่ โดยไม่รู้ว่าเพื่อนร่วมห้องได้กลับมาจากทำงาน ทันได้ยินเสียงบ่นอุบของเธอเข้าพอดี
“บ่นเรื่องงานอีกแล้วหรือธิสา”
แพรไหมเอ่ยถามยิ้มๆ พลางทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาเล็กๆ ด้วยอาการอ่อนล้าจากการทำงานมาทั้งวัน แถมยังต้องเผชิญกับปัญหารถติดนานนับชั่วโมงกว่าจะเดินทางมาถึงห้องพักได้
“ฮื้อ...”
พันธิสารับคำเพียงสั้นๆ ยังคงซบหน้าลงกับโต๊ะโดยไม่ได้เงยหน้ามองเพื่อนสาวแม้แต่นิดเดียว ก่อนจะบ่นอุบด้วยความเบื่อหน่าย
“เบื่อชะมัดเลย ไม่มีบริษัทไหนเรียกเราไปสัมภาษณ์งานแม้แต่ที่เดียว”
“สมัครไปกี่บริษัทแล้วล่ะ ธิสา” แพรไหมเอ่ยถามพร้อมกับผุดลุกขึ้นมาจ้องมองหน้าจอโน้ตบุ้ค ที่เพื่อนรักเปิดค้างไว้อยู่
“นับไม่ถ้วน สมัครไปเป็นร้อยบริษัทแล้วล่ะมั้ง แต่ไม่มีบริษัทไหนติดต่อมาแม้แต่รายเดียว สงสัยธิสาต้องตกงานไปทั้งชาติแน่ๆ” พันธิสาเอ่ยอย่างปลงๆ
“ไม่หรอกน่า...ธิสา ยังไงๆ ก็ต้องมีสักบริษัทที่รับธิสาเข้าทำงาน”
แพรไหมเอ่ยให้กำลังใจเพื่อนรัก พลางเอื้อมมือไปกดเลื่อนดูหน้าจอที่พันธิสาเปิดค้างไว้
พันธิสาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินไปรินน้ำเย็นมาดื่ม ยังคงบ่นกระปอดกระแปดแกมประชดประชันไปในตัว
“ฮึ! คงมีสักบริษัทหรอกนะ ที่จะรับธิสาเข้าทำงาน จวนจะหกเดือนแล้วนะที่เราตกงานเกาะพ่อแม่กิน จนเราไม่กล้าโทรไปขอเงินคุณแม่แล้ว”
แพรไหมไม่ได้สนใจคำบ่นของเพื่อนรัก เพราะตอนนี้สายตาของเธอกวาดมองไปยังโฆษณารับสมัครงานแห่งหนึ่ง และด้วยสนใจมากเป็นพิเศษ จึงกดเข้าไปในดูรายละเอียดการรับสมัครงานจากบริษัทแห่งนี้
แพรไหมกวาดสายตาอ่านข้อความอย่างรวดเร็ว ซึ่งล้วนเป็นภาษา
อังกฤษทั้งสิ้น นาทีต่อมาก็เลิกคิ้วขึ้นสูงเมื่อมีหน้าจอให้แชทสนทนาเด้งขึ้นมาบนหน้าจอโน้ตบุ้คด้วย
“ธิสา มานี่เร็ว บริษัทนี้รับสมัครงาน ต้องการพนักงานเร็วที่สุด และให้เงินเดือนดีด้วย”
ขณะตะโกนเรียกเพื่อนรัก แพรไหมก็กดพิมพ์ข้อความทักทายลงไปบนข้อความแชทด้วย
“งานอะไรหรือแพร ที่ว่าต้องการคนด่วน”
พันธิสาเอ่ยถามเสียงเนือยๆ ไม่ได้ทำตามคำบอกของแพรไหม ยังคงนั่งอยู่บนโซฟา พลางหยิบหนังสือพิมพ์รับสมัครงานมาเปิดดูด้วยความเบื่อหน่าย
“แป๊บหนึ่งนะ ธิสา แพรกำลังแชทถามเขาอยู่จ้ะ”
แพรไหมเอ่ยบอก คร่ำเคร่งอยู่กับการพิมพ์ข้อความ เพื่อสอบถามคนที่อาจจะเป็นว่าที่นายจ้างของเพื่อนรัก
พันธิสาเลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความแปลกใจ ก่อนจะเอ่ยถามต่อ “บริษัทนี้เขาทันสมัยขนาดว่ามีการแชทสมัครงานด้วยหรือแพร”
“ใช่จ้ะ”
แพรไหมรับคำ กวาดสายตาอ่านข้อความที่ได้รับตอบกลับจากปลายทาง แล้วเอ่ยบอกเพื่อนรักด้วยความตื่นเต้น
“ธิสา บริษัทนี้รับสมัคร Housewife (เฮาซ’ไวฟ) เขาต้องการพนักงานด่วนที่สุด สนใจไหม ธิสา”
“เฮาซ’ ไวฟ!” พันธิสารทวนคำเสียงสูง บ่นอุบกับตำแหน่งงานที่แพรไหมต้องการให้เธอไปทำงาน
“แพรจะให้ธิสาไปเป็นแม่บ้านนี้นะ? จะบ้าตาย อุตส่าห์เรียนจบได้รับเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง แต่ให้ธิสาไปทำงานเป็นคนรับใช้ ธิสาไม่เอาด้วยหรอก”
“เป็นแม่บ้านก็ไม่ได้เสียหายอะไรนะ ธิสา เขาให้เงินเดือนดีด้วย”
แพรไหมค้านเพื่อนรัก ก่อนจะเบิกตาโพลงเมื่อเห็นจำนวนตัวเลขเงินเดือนที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า
“ธิสา! เขาให้เงินเดือนเป็นสกุลเงินยูโร ตีเป็นเงินไทยก็ราวๆ สี่หมื่นบาทต่อเดือน แถมกินอยู่กับเขาด้วย เยอะน่าดูเลย ธิสาอยู่เมืองไทยหางานที่ได้เงินเดือนเท่านี้ไม่ได้ง่ายๆ นะ”
พอได้ยินจำนวนตัวเลข พันธิสาก็เบิกตาโตไม่ต่างจากเพื่อนรัก คราวนี้ถลาเข้าไปอ่านข้อความที่แพรไหมกำลังแชทคุยกับเจ้าของบริษัทแห่งนี้ พร้อมกับเอ่ยถามเพื่อนรักต่อว่า
“เขาให้ไปทำงานที่ไหนหรือ ทำไมถึงจ่ายเงินเดือนเป็นสกุลเงินยูโรด้วย”
“อิสตันบูล ประเทศตุรกี สนใจไหม ธิสา”
“อิสตันบูล!” พันธิสาร้องเสียงหลง โวยวายไม่ได้หยุดปาก “จะบ้าหรือ ให้เราไปทำงานเป็นแม่บ้าน เป็นคนรับใช้ถึงต่างประเทศ”
“เป็นเฮาซ’ไวซ เป็นแม่บ้านก็ไม่เห็นเสียหายอะไรนี่ ธิสา แถมเงินเดือนดีด้วย”
แพรไหมค้านเพื่อนรัก จัดแจงตอบข้อความแชทแทนพันธิสา เท่านั้นยังไม่พอ ยังส่งข้อมูลส่วนตัว รวมทั้งภาพถ่ายของพันธิสาให้กับว่าที่นายจ้างต่างแดนด้วย
ทางด้านพันธิสาส่ายหน้าปฏิเสธรัวเร็ว บอกตัวเองว่าไม่ยอมทำงานเป็นเฮาซ’ไวฟ หรือเป็นแม่บ้าน เป็นคนใช้อย่างแน่นอน
“ไม่เอาด้วยหรอก...แพร ยังไงๆ ธิสาก็ไม่ทำงานเป็นแม่บ้านเด็ดขาด”
“ก็แล้วแต่ธิสานะ ถ้าเกิดว่าเขารับธิสาเข้าทำงานแล้วธิสาไม่ทำก็ไม่เป็นไร แต่ธิสาควรคิดให้ดีๆ ว่าจะอยู่แบบตกงานไปอีกนานแค่ไหน ธิสาก็รู้นี่ ว่างานในเมืองไทยหายากจะตายไป”
ขณะเอ่ยเตือนเพื่อนรัก แพรไหมก็จ้องมองหน้าจอโน้ตบุ้คไม่กะพริบตา เพื่อรอรับคำตอบจากปลายทางว่าตกลงรักพันธิสาเข้าทำงานหรือไม่
ทางด้านของพันธิสา พอได้ยินเพื่อนรักเตือนเช่นนี้ก็เริ่มคิดตาม แต่ก็ยังลังเลเรื่องการไปทำงานเป็นแม่บ้าน แถมยังไปไกลถึงประเทศตุรกีด้วย
“มันก็จริงเหมือนที่แพรพูด แต่เราไม่อยากทำงานเป็นแม่บ้านนะแพร”
พอเพื่อนรักบ่นอุบไม่เลิก แพรไหมก็หันมาตวาดอย่างเหลืออด
“ถ้าไม่อยากทำก็ไม่เป็นไร เชิญธิสาอยู่วิจัยฝุ่นต่อไปเถอะ แพรไม่ยุ่งด้วยแล้ว”
ไม่ใช่แค่ตวาดเท่านั้น แพรไหมลุกพรวดจากเก้าอี้ ทำท่าจะเดินหนีด้วย เดือดร้อนพันธิสารีบเข้าไปจับต้นแขนเพื่อนรักไว้ ฉุดรั้งไม่ให้อีกฝ่ายเดินหนี
“ดุชะมัด!”
พันธิสาทำปากขมุบขมิบต่อว่าเพื่อนรัก พอแพรไหมได้ยินและถลึงตาใส่ ก็ยิ้มแห้งๆ ให้ เอ่ยประจบประแจงอีกฝ่ายต่อ
“อย่าเพิ่งโกรธสิ...แพร...ธิสาก็อยากทำงานเหมือนกัน เบื่อนั่งๆ นอนๆ อยู่กับห้องแล้ว อีกอย่าง...เวลาโทรไปขอเงินคุณพ่อคุณแม่ใช้ ธิสาก็อายท่านเหมือนกัน”
“ถ้ายังงั้นก็ห้ามเลือกงาน ถ้าเกิดบริษัทนี้รับธิสาเข้าทำงาน ธิสาก็ตอบตกลงไปเลย”
“เขาจะรับธิสาให้ทำงานด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้”
พันธิสาเอ่ยตอบด้วยความไม่มั่นใจสักเท่าไร หญิงสาวถูกปฏิเสธจนชินชาซะแล้ว
“เดี๋ยวไปอ่านดูว่าเขาตอบว่ายังไง”
ขณะระบบกำลังขึ้นข้อความว่าปลายทางกำลังพิมพ์ข้อความอยู่ แพรไหมก็ลุ้นจนตัวโก่ง ตื่นเต้นว่าปลายทางจะตอบว่าอย่างไร หญิงสาวตื่นเต้นซะยิ่งกว่าพันธิสาเสียอีก
“เขากำลังตอบแล้ว ธิสา”
แพรไหมเอ่ยบอกเพื่อนรักด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ราวกับว่าเป็นคนสมัครไปทำงานนี้เสียเอง
“เขาตอบว่ายังไงล่ะ ไม่รับเราเข้าทำงานใช่ไหม”
พันธิสาไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับการว่าจ้างงาน จึงเอ่ยถามเสียงเนือยๆ เช่นเดิม และไม่ได้สนใจดูคำตอบที่กำลังปรากฏขึ้นบนหน้าจอโน้ตบุ้ค
แพรไหมอ่านคำตอบที่ปลายทางตอบกลับมา จากนั้นก็หันไปมองเพื่อนรัก พอเห็นว่าพันธิสาตีหน้าม่อย แถมยังถอนหายใจดังเฮือกๆ ด้วยความเบื่อหน่าย ก็นึกอยากแกล้งเพื่อนรักเล่น จึงแสร้งตีหน้าเศร้า ขณะเอ่ยตอบว่า
“ธิสา...แพรเสียใจด้วยนะ...”
“พอแล้ว...แพร ไม่ต้องบอกแล้ว เฮ้อ...สงสัยเราคงไม่มีงานทำแน่ๆ” พันธิสาเอ่ยแทรกออกมาก่อนแพรไหมจะทันพูดจบ
แพรไหมหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วเอ่ยตอบให้พันธิสาต้องเบิกตาโพลงด้วยความดีใจแกมแปลกใจในคราวเดียวกัน
“ธิสา...เขารับธิสาเข้าทำงานแล้วจ้ะ”
“จริงหรือ...แพร”
น้ำเสียงหวานๆ เต็มไปด้วยความตื่นเต้น เพราะเป็นบริษัทแรกในรอบหกเดือนที่ตกลงรับเธอให้ร่วมงานด้วย
แพรไหมพยักหน้ารับยิ้มๆ พลางเอ่ยบอกต่อ “ใช่แล้วจ้ะ เขารับธิสาเข้าทำงานแล้ว”
“ไหนๆ ขอดูหน่อยว่าเขาตอบว่ายังไงบ้าง”
คราวนี้พันธิสาถลาเข้ามาใกล้ ชะโงกหน้ามองหน้าจอโน้ตบุ้ค ซึ่งแพรไหม ก็รีบลุกจากเก้าอี้ให้เพื่อนรักได้คุยกับว่าที่นายจ้างบ้าง
“แพร...เขาบอกว่าต้องการไวซ (wife) จะส่งตั๋วเครื่องบินมาให้ และออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด เขาบอกให้เราบินไปอิสตันบูลภายในอาทิตย์นี้”
พันธิสาอ่านข้อความที่ปรากฏขึ้น ขมวดคิ้วโก่งงามเข้าหากันยุ่ง ขณะกวาดสายตามองข้อความซ้ำอีกหลายรอบ ก่อนจะเอ่ยถามเพื่อนรักอย่างงงๆ
“แพร...ทำไมเขาพูดแค่คำว่าไวซ (wife) แล้วคำว่า เฮาซ (House) หายไปไหน เขาต้องการรับสมัครแม่บ้าน หรือรับสมัคร ‘เมีย’ กันแน่ อ่านแล้วทะแมงๆ ยังไงไม่รู้”
“เขาคงพิมพ์ผิดนะ ธิสา ใครจะบ้ารับสมัครเมียผ่านอินเตอร์เน็ต”
แพรไหมค้านเพื่อนรัก พออ่านตัวอักษรที่ปรากฏขึ้นมาบนข้อความแชท ก็ต้องเบิกตาโพลงกับข้อเสนอที่ปลายทางบอกมา
“โอ้โห! เขาคงเป็นอภิมหาเศรษฐีแน่ๆ เลย นอกจากจะให้เงินเดือนสูงแล้ว ยังจองตั๋วชั้นเฟิร์สคลาสกับสายการบิน ที่บินตรงไปยังอิสตันบูลให้ธิสาด้วย แถมยังใจป้ำให้ธิสากลับประเทศไทยได้ทุกเวลาตามที่ต้องการ ออกค่าเครื่องบินให้อีก โอ้ย...แพรอยากไปทำงานเป็นแม่บ้านให้เขาจังเลย”
แพรไหมเคลิ้มไปกับความร่ำรวยของว่าที่นายจ้างของพันธิสา ในขณะพันธิสากลับเกิดอาการลังเลกับคำพูดของปลายทางที่ตอบเธอในก่อนหน้านี้
“แพร...เราไม่เข้าใจว่าทำไมอีตาคนนี้ถึงเขียนว่าต้องการไวซ...ไวซ (Wife) ภาษาอังกฤษหมายความว่า ‘เมีย’ นะแพร เราไม่ตอบตกลงดีกว่า”
พันธิสายังเต็มไปด้วยความคลางแคลงใจขณะย้ำในความหมายของคำว่า ‘ไวซ’ ทำท่าจะผุดลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ ไม่สนทนากับปลายทางต่อ แต่แพรไหมหาได้ยอมให้เป็นเช่นนั้นไม่
แพรไหมเอื้อมมือไปจับบ่าเล็กของพันธิสา ออกแรงกดให้เพื่อนรักนั่งลงตามเดิม
“อย่าสงสัยมากได้ไหมธิสา ก็บอกแล้วว่าไม่มีใครบ้ารับสมัครเมียผ่านอินเตอร์เน็ตหรอกน่า ตอบตกลงเดี๋ยวนี้”
“ไม่เอาด้วยหรอก...แพร...เรามีลางสังหรณ์แปลกๆ ยังไงไม่รู้”
พันธิสาอิดออดที่จะพิมพ์คำตอบรับทำงานกับนายจ้างผู้นี้ และคำปฏิเสธของพันธิสาก็สร้างความรำคาญแกมหมั่นไส้ให้กับแพรไหมเป็นอย่างมาก
“สังหรณ์เข้าไป” แพรไหมเค้นเสียงประชดประชัน “อยากตกงานต่อหรือยังไง ธิสา ถอยไป แพรจะตอบตกลงให้เอง”
ว่าแล้ว แพรไหมก็พิมพ์ข้อความตอบรับการเข้าทำงานกับนายจ้างผู้นี้ในทันที หญิงสาวทำไปอย่างรวดเร็วเกินกว่าพันธิสาจะปฏิเสธได้ทัน
“เรียบร้อย ความนี้ก็รอให้นายจ้างคนใหม่ของธิสาส่งตั๋วเครื่องบินมาให้” แพรไหมฉีกยิ้มกว้างดีใจที่เพื่อนรักมีงานทำสักที
แต่คนที่ต้องไปทำงานไกลต่างแดนกลับยิ้มไม่ออก ได้แต่ขมวดคิ้วเข้ากันยุ่ง หัวสมองเต็มไปด้วยคำถามว่าตนเองควรไปทำงานที่ประเทศตุรกีดีหรือไม่
“แพรอยากให้เราไปทำงานที่อิสตันบูลจริงหรือ มันไกลมากเลยนะ”
พันธิสาถามความเห็นจากเพื่อนรัก ซึ่งอีกฝ่ายก็รีบเอ่ยสนับสนุนในทันที
“ไกลก็ไม่เห็นเป็นไร ถ้าธิสาคิดถึงเมืองไทย นั่งเครื่องบินแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว”
“แต่เราคงไม่มีเงินจ่ายค่าเครื่องบิน” พันธิสาหาเหตุผลมาแย้งความคิดของแพรไหมต่อ
“นายจ้างของธิสาเขาพูดเองนี่ว่าธิสาจะกลับประเทศไทยเมื่อไรก็ได้ เขาจ่ายค่าตั๋วเครื่องบินให้ทั้งหมด เพราะฉะนั้นธิสาก็ตัดปัญหาเรื่องเงินไปได้เลย”
แพรไหมตะล่อมเพื่อนรัก บอกไม่ถูกว่าทำไมถึงสนับสนุน และอยากให้พันธิสาไปทำงานกับนายจ้างคนนี้ไกลถึงเมืองอิสตันบูล
พันธิสานิ่งเงียบไปชั่วครู่ หัวสมองทำงานอย่างหนัก คิดทบทวนเรื่องการไปทำงานเป็นแม่บ้านห่างไกลบ้านเกิดเมืองนอน และในที่สุดก็พยักหน้ารับ เอ่ยตอบให้คนที่ลุ้นจนตัวโก่งอย่างแพรไหมคลี่ยิ้มออกมาได้
“เอาก็เอา ไปทำงานเป็นแม่บ้านดูสักตั้ง อย่างน้อยก็คงดีกว่าตกงาน นอนวิจัยฝุ่นไปวันๆ”
“ให้ได้แบบนี้สิเพื่อน ต้องใจกล้าหน่อย คงไม่มีอะไรน่ากลัวหรอกธิสา”
พันธิสายิ้มบางๆ ให้เพื่อนรัก พอนายจ้างคนใหม่ส่งข้อความขอรายละเอียดส่วนตัวเพิ่มเติม รวมทั้งเลขที่หนังสือเดินทาง ก็พิมพ์ส่งให้อีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
และอีกไม่กี่นาทีต่อมา การว่าจ้างงานก็เป็นไปอย่างสมบูรณ์ เมื่อนายจ้างคนใหม่ของพันธิสาส่งตั๋วเครื่องบินแบบ E-Ticket (อี-ทิกเก็ต) มาให้กับลูกจ้างสาวแสนสวยด้วย
“แพร...เขาส่ง อี-ทิกเก็ตมาให้เราแล้ว” พันธิสาเอ่ยบอกเพื่อนรัก
แพรไหมยังคงยิ้มแก้มปริ ที่พันธิสาได้งานทำสักที พลางเอ่ยถามต่อว่า “นายจ้างของธิสา เขาให้ธิสาเดินทางไปอิสตันบูลเมื่อไรจ๊ะ”
“วันจันทร์ที่จะถึงนี้จ้ะ” พันธิสาเอ่ยตอบเสียงราบเรียบ ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นแม้แต่นิดเดียว
แต่คนที่ตื่นเต้นและเป็นเดือดเป็นร้อนมากที่สุด ก็หนีไม่พ้นแพรไหม
“ฮ้า! วันจันทร์! อีกสามวันก็ถึงแล้วนี่...ธิสา”
“อืม...ใช่...” พันธิสารับคำสั้นๆ
“ถ้ายังงั้นต้องรีบไปเตรียมตัวเดินทางแล้ว ธิสา มาเร็ว...ลุกขึ้น ไปจัดเสื้อผ้าได้แล้ว” แพรไหมเอ่ยบอกพร้อมกับฉุดแขนขาวเนียนของพันธิสาให้อีกฝ่ายลุกขึ้นยืนด้วย
“เฮ้ย! แพรไหม” พันธิสาเรียกเพื่อนรักเสียงหลง พร้อมกับเอ่ยค้านกลั้วเสียงหัวเราะร่วน “เหลือเวลาอีกตั้งสามวัน จะรีบจัดกระเป๋าไปทำไมกัน”
“อีกแค่สามวันเอง ต้องเตรียมทุกอย่างให้พร้อม ไม่ต้องบ่นเลยนะธิสา เดี๋ยวแพรจะช่วยจัดกระเป๋าเอง”
พันธิสาไม่อาจปฏิเสธได้ นอกจากเดินตามเพื่อนรักเข้าไปในห้องนอน จากนั้นก็ทรุดตัวลงนั่งบนเตียง ไม่ต้องจัดทำอะไรทั้งสิ้น เพราะแพรไหมจัดการทุกอย่างให้อย่างเรียบร้อย โดยเธอไม่ต้องทำอะไรเลย
และในขณะทอดสายตามองแพรไหมซึ่งกำลังสาละวนอยู่กับการเลือกเสื้อผ้ามาพับใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ พันธิสายังคงบอกกับตัวเองว่ามีลางสังหรณ์แปลกๆ สำหรับการเดินทางไปอิสตันบูลในครั้งนี้ ซึ่งหญิงสาวบอกไม่ถูกว่าทำไมหัวใจถึงได้กระตุกวาบในทุกครั้งที่ได้ยินคำว่า ‘อิสตันบูล’