
บทย่อ
สองปีก่อน เธอถูกตัดสินเรื่องจงใจทำให้ขาของแก้วตาดวงใจบาดเจ็บ เขาจึงส่งเธอเข้าคุก ทำให้เธอเสียขาข้างหนึ่งและความทระนงของเธอไป สองปีต่อมา เธอคิดว่าพอออกมาจากคุกแล้วจะไม่มีอะไรต้องเกี่ยวข้องกับเขาอีก แต่ความจริงประจักษ์ ซาตานจากนรกจะปล่อยเธอไปง่ายๆได้อย่างไร
บทที่ 1 ทำผิดก็จะต้องชดใช้ความผิดนั้น
"คิม.......ฉันไม่ได้ตั้งใจ คิม คุณจะต้องเชื่อฉัน"
ภายในคฤหาสน์ ทัดดาวคุกเข่าอยู่ที่พื้น สีหน้าขาวกว่าแจกันเซรามิกสีขาวบนโต๊ะเล็กน้อย
ในห้องไม่ได้เปิดไฟ เธอมองสีหน้าของชายหนุ่มบนโซฟาในเวลานี้ไม่ชัดเจน เห็นแต่แสงไฟริบหรี่ของบุหรี่ที่หนีบอยู่ที่นิ้วของเขา สุดท้ายแล้วค่อยๆ มอดดับไป
ความรู้สึกแบบนี้ ก็เหมือนกับการรอคอยคำตัดสินประหารชีวิต ทำให้เธอยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ
เธอก้มหน้าลง มองดีนิ้วมือตัวเองที่สั่นเทา บนนั้นยังเปื้อนไปด้วยเลือดของรสา เวลาผ่านไปนานจนเลือดแห้งสนิทแล้ว แต่ตอนนี้กลายเป็นหลักฐานในการก่ออาชญากรรมของเธอ
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ในที่สุดเขาก็ลุกขึ้น รูปร่างสูงใหญ่ค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เธอ
"ทัดดาว ทำผิดก็ต้องชดใช้ความผิดนั้น ขาข้างซ้ายของรสาได้รับการรักษาไว้ แต่จะเต้นรำอีกไม่ได้แล้ว ส่วนคุณ.......มีสิทธิ์อะไรถึงยังสามารถกระโดดโลดเต้นได้อีก ?"
น้ำเสียงน่าขนลุก จนหัวใจเธอเต้นแรง
จากแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามา เธอเริ่มมองเห็นมือของชายหนุ่มที่ชั่งน้ำหนักไม้กอล์ฟอยู่รางๆ
"ผมเคยพูดว่า ขอเพียงคุณเชื่อฟัง ผมจะแต่งงานกับคุณ แต่ว่าทำไมคุณจะต้องไปหาเรื่องรสา ? ห๊ะ ?"
สิ้นเสียงชายหนุ่ม ไม้กอล์ฟก็ล้มลงตามไปด้วย ตีเข้าที่กระดูกหน้าแข้งเต็มๆ
"อ้า !"
เขาใช้แรงร้อยเปอร์เซ็นต์ เธอได้รับความเจ็บปวดเป็นร้อยเท่า
"คิม........ฉันไม่ได้........"
ความเจ็บปวดที่กระดูกขาซ้าย เธอกลัวแล้ว ทำได้เพียงถอยหลังไปนิดหนึ่ง แต่น่าเสียดายขาที่ได้รับบาดเจ็บห้อยอยู่ที่พื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง
ชายหนุ่มโยนไม้กอล์ฟที่คดงอทิ้ง มองดูท่าทางน่าสมเพชของเธออย่างเย็นชา "ทัดดาว ขาข้างนี้คุณชดใช้ให้รสา แล้วผมจะไว้ชีวิตคุณ แต่ขอให้คุณจำไว้ บัญชีแค้นครั้งนี้ ยังไม่จบ "
เธอกอดตัวเองไว้แน่นๆ สั่นเทาดุจตะแกรงกรองแกลบ
ทุกอย่างตรงหน้าค่อยๆ ทับซ้อนเป็นความมืด ก่อนที่จะหลับตาลงเธอคลับคล้ายเห็นเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออก "บอกคนตระกูลบุษยานันท์ ทัดดาวพยายามจงใจฆ่าผู้อื่น จะเอาเธอไว้หรือว่าจะเอาตระกูลบุษยานันท์ ให้พวกเขาเลือกเอง "
ทัดดาวยิ้มเล็กน้อย เหนื่อยจริงๆ เธอคิด ทุกคนคงจะพอใจใช่ไหมถ้าเธอตายไปแบบนี้?
สองปีต่อมา..................
ฤดูหนาวที่เหน็บหนาวที่สุด ในที่สุดหิมะรอบแรกแห่งปีก็ตกที่เมือง B
ที่ประตูใหญ่ของศูนย์กักกันนอกชานเมืองบูรพาเปิดออกแต่เช้า
ผู้หญิงรูปร่างซูบผอมคนหนึ่งเดินออกมาจากข้างใน อาจจะเป็นเพราะว่าขาเดินไม่ค่อยสะดวก เธอจึงเดินได้ไม่ไวเท่าไหร่
หิมะสีขาวกำลังตกลงมา หญิงสาวเงยหน้าขึ้น หากไม่สนใจบาดแผลลึกและบางที่อยู่ข้างบนใบหน้า ก็สามารถมองออกว่าเป็นใบหน้าที่อ่อนเยาว์และสวยงาม
สภาพอากาศแบบนี้ เที่ยวรถที่เดิมทีก็ไม่ค่อยมากอยู่แล้ว จากหนึ่งชั่วโมงหนึ่งเที่ยวรถเมล์ลดลงเป็นสองสามชั่วโมงถึงจะมีหนึ่งคัน เธอโชคไม่ดี ห้านาทีก่อนที่จะเดินออกมาจากประตูศูนย์กักกัน รถบัสคันหนึ่งเพิ่งจะออกไป
ดังนั้นตอนนี้เธอจะต้องรออยู่ริมทางอีกสองสามชั่วโมง
จับเสื้อชีฟองบนตัวแล้ว เธอขมวดคิ้วแน่น จนแผลเป็นเหมือนเสี้ยวพระจันทร์ที่ขอบคิ้วก็ขมวดขึ้นด้วย ตอนที่เข้าไปอยู่ในศูนย์กักกันในตอนนั้น ยังเป็นฤดูใบไม้ผลิอยู่ ออกมาอีกทีก็ไม่คิดว่าจะเป็นฤดูหนาวแล้ว
เธอยืนอยู่ตรงป้ายรถประจำทาง มองดูศูนย์กักกันที่กักขังเธอไว้สองปีด้วยดวงตาว่างเปล่า บนกำแพงที่ทาด้วยสีขาวเขียนตัวหนังสือไว้แปดตัว : "ปรับปรุงตัว เป็นคนใหม่อีกครั้ง "
ทันใดนั้น เธอก็อดยิ้มไม่ได้
ตัวหนังสือแบบนี้ สองปีมานี้เธอต้องมองดูอยู่ทุกวันนับครั้งไม่ถ้วน แต่เมื่อออกมาจากสถานที่นี้ ยังมีโอกาสเป็นคนใหม่เหรอ?
ในความหนาวเหน็บ เธอครุ่นคิดไปเรื่อยเปื่อย จนกระทั่งรถบัสขับมาจากท่ามกลางลมหิมะ จึงได้ทำให้ความคิดของเธอหยุดไป
เธอจึงนวดคลึงขาที่รู้สึกเจ็บ แล้วขึ้นรถไป
เธอมีเพียงโทรศัพท์เก่าๆ ที่ตกรุ่นแล้วหนึ่งเครื่อง กับเงินห้าสิบกว่าบาทที่ตำรวจผู้คุมผู้ใจดีในศูนย์กักกันยัดใส่มือให้เธอ เมื่อหยอดเหรียญแล้ว เธอก็ไปนั่งลงที่นั่งด้านหลังอย่างมีระเบียบวินัย
รถคันนี้เป็นเพียงรถคันเดียวที่ขับจากใจกลางเมืองไปเรือนจำ ดังนั้นบนรถมีทัดดาวเป็นผู้โดยสารเพียงคนเดียวเท่านั้น
ตลอดทาง เธอพิงอยู่ข้างกระจกรถ เหมือนกับว่าดูเท่าไหร่ก็ดูไม่พอเช่นนั้น
ที่แท้ ในเวลาสองปีมานี้ เมืองนี้ได้เปลี่ยนแปลงไปมาก
